ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1805 ไล่ล่าพวกมัน
มู่เฉียนซีเดินตามหลังชิงเสวียนไป นางกล่าวว่า “ปฏิเสธเช่นนี้ เจ้าจะไม่รู้สึกเสียใจทีหลังหรืออย่างไร?”
ชิงเสวียนกล่าว “มันคือกระบี่ปีศาจ ข้าไม่อาจเอามันไปเดิมพันได้ อีกอย่างข้าก็ไม่มีเงิน ข้าชดใช้หนี้ไม่ไหวหรอก ข้าจะตั้งใจหาเงินต่อไป”
มู่เฉียนซีรับรู้ได้ว่าชิงเสวียนอยากซ่อมกระบี่เล่มนี้ด้วยใจจริง เขารักกระบี่ปีศาจเล่มนี้มาก แร่แต่ละชนิดที่เขาหามา เขาล้วนแต่เลือกดูมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาไม่อาจมอบกระบี่เล่มนี้ให้กับนักหลอมอาวุธที่ทำไปอย่างถู ๆ ไถ ๆ ได้
“เจ้าล่วงเกินท่านเจ้าเมืองซิงไปแล้ว ต่อให้เจ้าเก็บเงินมาได้ ก็คงไม่มีนักหลอมอาวุธคนไหนซ่อมกระบี่ให้เจ้าแน่”
“ข้าจะตามหาจนกว่าจะเจอคนที่ยอมทำให้ข้า!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงเสวียน เรามาตกลงการค้ากัน เป็นเช่นไร?”
ชิงเสวียนกล่าวถาม “เจ้าต้องการสิ่งใด?”
“เจ้าหาเงินเพื่อแลกซื้อแร่ อีกอย่าง เพื่อฝึกฝนร่างกายให้ได้เช่นนี้ เจ้าคงจะไปที่ที่เสี่ยงอันตรายมามากแล้ว! เจ้าช่วยนำทางข้า พาข้าไปที่ที่เสี่ยงอันตรายหน่อยสิ แล้วข้าจะซ่อมกระบี่ปีศาจให้เจ้าเอง” มู่เฉียนซีกล่าว
ไป๋จิ่งเยว่เองก็คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ออกมา “สถานที่เหล่านั้นที่ข้าแนะนำแม่นางมู่ไป แม่นางมู่ไม่ชอบหรือ?”
มู่เฉียนซีตอบ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ชอบ แต่คุณชายไป๋ เจ้าเป็นคนที่อ่อนโยนเกินไป สถานที่เหล่านั้น ต่อให้มันอันตรายแต่ก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต แต่สถานที่ที่ชิงเสวียนรู้ มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น”
ชิงเสวียนเหลือบมองมู่เฉียนซีพลางกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “คุณหนูผู้ร่ำรวยอย่างเจ้าคงจะว่างมากสินะ”
เขาเป็นคนจน ดังนั้นนั่นคือเหตุผลที่เขาต้องเสี่ยงอันตรายด้วยชีวิต
ส่วนคนร่ำรวยมาตั้งแต่เกิดเช่นนี้ เป็นคุณหนูที่ต้องการใช้เงินทองก็มีใช้ ไม่จำเป็นต้องทำเช่นเดียวกับเขา
มู่เฉียนซีกล่าว “ที่ข้าพูดข้าจริงจังนะ! กระบี่ปีศาจของเจ้าคาดว่าคงจะไม่ได้ใช่มาแค่ครั้งสองครั้งแล้ว เจ้าแน่ใจจริง ๆ หรือว่าจะฝืนมัน”
ชิงเสวียนกำหมัดแน่น การค้าครั้งนี้นับว่าทำกำไรให้เขาได้มากทีเดียว
เขากล่าว “ข้าปฏิเสธไม่ได้แล้ว พาข้าไปเจอนักหลอมอาวุธท่านนั้นเถอะ หากฝีมือของเขาทำให้ข้าพอใจได้ ข้าจะตอบตกลงเงื่อนไขของเจ้า! แต่หากฝีมือเหมือนท่านเจ้าเมืองผู้นั้น ข้าขอปฏิเสธ”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “อยากเจอนักหลอมอาวุธท่านนั้นหรือ คนที่เจ้าเสาะแสวงหาก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้วนี่ไง”
ชิงเสวียนและไป๋จิ่งเยว่หันมองมู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจ ชิงเสวียนกล่าว “นี่เจ้าล้อเล่นบ้าอะไรของเจ้า”
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อ ตามข้ามา! ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าได้เห็น แม้ว่าฝีมือการหลอมอาวุธของข้าจะไม่ได้เก่งกาจมากนัก แต่ข้ารับรองได้ว่าฝีมือข้าเก่งกาจกว่าท่านเจ้าเมืองผู้นั้นเล็กน้อย!”
ชิงเสวียนและไป๋จิ่งเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจขึ้น หากนางที่มีอายุน้อยเช่นนี้มีฝีมือเก่งกาจกว่าท่านเจ้าเมืองซิงเล็กน้อย นั่นก็หมายความว่าฝีมือของนางก็ไม่ได้เก่งกาจนัก แต่ก็นับว่าเก่งกาจแล้ว
มู่เฉียนซีมุ่งหน้าไปที่หอหมอปีศาจ และให้ผู้ดูแลลู่เปิดห้องหลอมอาวุธห้องหนึ่งออกมา
จากนั้นมู่เฉียนซีจึงหยิบกระบี่ที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งออกมา ก่อนจะทำลายอาวุธศักดิ์สิทธิ์เล่มนั้นลง ชิงเสวียนเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างยิ่ง เขาที่มีอารมณ์และสีหน้าไร้ความรู้สึกกลับสบถด่าในใจว่า ‘ช่างเป็นคนที่ผลาญเงินทองของล้ำค่าจริง ๆ’
ไม่นานนัก มู่เฉียนซีก็ซ่อมกระบี่อาวุธศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้กลับมาจนอยู่ในสภาพเดิมได้
ชิงเสวียนยื่นมือไปสัมผัสกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มนั้น ก่อนจะมองมู่เฉียนซีด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด “เจ้าพูดถูก ฝีมือของเจ้าเก่งกาจกว่าท่านเจ้าเมืองซิงผู้นั้น ตอนนี้ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ทำได้เพียงแค่มอบกระบี่ปีศาจให้กับเจ้า”
“ได้โปรดช่วยซ่อมกระบี่ให้ข้าด้วย!”
ชิงเสวียนยื่นกระบี่ปีศาจให้กับมู่เฉียนซีอย่างระมัดระวัง ราวกับมอบความไว้วางใจคู่หูที่ผ่านความเป็นความตายเล่มนี้ให้นางก็มิปาน
มู่เฉียนซีกล่าว “แม้ว่าข้าจะไม่ใช่นักหลอมอาวุธที่มีคุณสมบัติเหมาะสม แต่ข้าไม่มีทางทำลายความไว้วางใจของเจ้าแน่นอน”
“หากเกิดอันใดขึ้นกับกระบี่ปีศาจ ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าแน่” ชิงเสวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้าไม่ให้มีวันนั้นหรอก”
ไป๋จิ่งเยว่ไม่ได้เข้าไปในห้อง แต่เมื่อเห็นชิงเสวียนเดินออกมา เขาก็พอจะเดาออกแล้วว่าชิงเสวียนยอมรับมู่เฉินซีแล้ว
มู่เฉียนซีเริ่มซ่อมกระบี่ปีศาจโดยใช้แร่ที่ชิงเสวียนเก็บรวบรวมมาเหล่านั้น
นางตั้งใจซ่อมกระบี่ปีศาจเล่มนี้มาก ใช้เวลาครึ่งค่อนวันในการซ่อม เห็นได้ชัดว่าที่ท่านเจ้าเมืองซิงผู้นั้นบอกว่าใช้เวลาหนึ่งเดือน เขากล่าวเกินความจริงไปมาก
มู่เฉียนซียื่นกระบี่ปีศาจให้กับชิงเสวียน ปลายนิ้วของชิงเสวียนลูบไปที่กระบี่ปีศาจอย่างแผ่วเบา กระบี่ปีศาจถูกซ่อมออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ สมบูรณ์กว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก
เขามองมู่เฉียนซีด้วยสายตาที่ตื่นเต้น ก่อนจะกล่าวคำขอบคุณออกมา
“ขอบคุณมาก!”
มู่เฉียนซีกล่าว “อย่าลืมเรื่องที่เจ้ารับปากข้าเอาไว้ล่ะ”
“ข้าไม่ลืม วันพรุ่งออกเดินทางได้” ชิงเสวียนกล่าวเสียงขรึม
“ไม่มีปัญหา อยากเตรียมยาลูกกลอนสักหน่อยหรือไม่ หอหมอปีศาจจะให้ราคาที่ถูกที่สุดแก่เจ้า”
สุดท้ายชิงเสวียนกล่าวออกมาว่า “ไม่มีเงิน!”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “แม่นางมู่ไม่เพียงแต่จะมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนเท่านั้น แต่ยังเป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธท่านหนึ่งอีกด้วย ความสามารถเช่นนี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”
มู่เฉียนซีกล่าว “ปกติข้าไม่ค่อยหลอมอาวุธเท่าไรนัก ตอนนั้นสถานการณ์บางอย่างบังคับข้า ข้าก็เลยเรียนรู้มาเล็ก ๆ น้อย ๆ”
ไป๋จิ่งเยว่ก็ไม่ใช่คนปากมากแต่อย่างใด แม้ว่าเรื่องที่มู่เฉียนซีจะเป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธจะทำให้เขาทึ่ง แต่เขาก็ไม่ปริปากปากคนอื่นแน่นอน
หลังจากไป๋จิ่งเยว่ไป นิรันดร์ก็ปรากฏตัวออกมา
“แม่ยอดดวงใจของข้าไม่ได้สนใจเรื่องหลอมอาวุธมากเท่าไรนัก ตอนนั้นก็เพราะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จึงทำให้ต้องเรียนรู้การหลอมกระบี่ ข้าไม่ยอม ไม่ยอมเด็ดขาด! แม่ยอดดวงใจของข้า เจ้าต้องฝึกทักษะอื่นของข้าด้วย!” นิรันดร์ขยับไปกล่าวข้างหูมู่เฉียนซี
“ตอนนี้ข้าก็กำลังตั้งใจฝึกปรุงยาอยู่ไม่ใช่หรือ นี่เป็นเรื่องที่เจ้าเชี่ยวชาญที่สุดแล้ว เจ้ามีอันใดไม่พอใจอีก?” มู่เฉียนซีกล่าว
“แค่นี้ยังไม่พอ ไม่พอ ๆ ๆ! ข้ายังมีความเชี่ยวชาญอย่างอื่นด้วย แม่ยอดดวงใจของข้า เรามาฝึกกระบวนท่าที่หนึ่งร้อยแปด…” นิรันดร์เอาตำราจำนวนมากออกมาพลางกล่าว
เมื่อเห็นตัวอักษรข้างต้น สีหน้าของมู่เฉียนซีก็ดำคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ
“นิรันดร์ เก็บของของเจ้าไปฝึกที่หอคณิกาคนเดียวเถอะ! ข้าไม่สนใจ”
นิรันดร์กล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า “เจ้ามันเลือกที่รักมักที่ชัง ข้าดีกว่าเจ้าพิฆาตวิญญาณบ้านั่นตั้งเยอะ”
“ไสหัวไปให้พ้น!”
“แม่ยอดดวงใจของข้า ความสนใจมันต้องใช้การฝึกฝนด้วย! มีข้าผู้เป็นอาจารย์ผู้โด่งดังอยู่ทั้งคน เจ้าฝึกฝนเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วแน่นอน”
“นิรันดร์ เรื่องในวันนี้ ข้าคิดบัญชีเอาไว้แล้ว ข้าฝากไว้ก่อนเถอะ!” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงโหด
นิรันดร์รู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อเห็นยอดดวงใจตรงหน้ากำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ เขาก็ไม่กล้ายั่วโมโหนางต่อไปแล้ว
ยอดดวงใจของข้าเขินอายเกินไปแล้ว ช่างปวดหัวเสียจริง!
เช้าวันต่อมา ชิงเสวียนก็ได้มาตามนัดจริง ๆ และเรื่องที่คิดไม่ถึงนั่นก็คือ ไป๋จิ่งเยว่ก็มาด้วยเช่นกัน เขากล่าว “แม่นางมู่ สหายชิงเสวียน ข้าขอไปด้วยอีกคน คงไม่ถือสากระมัง?”
“เจ้าก็จะไปด้วยเหรอ?” มู่เฉียนซีตกใจเล็กน้อย
“แม่นางมู่พูดถูก แม้ว่าข้าจะเคยไปสถานที่ที่ฝึกประสบการณ์มามากมาย แต่ก็ล้วนแต่เสี่ยงอันตรายเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ไม่ได้เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ได้รับประสบการณ์มากที่สุด ข้าอยากไปลองดู ข้าอยากฝ่าฟันด้วยตัวข้าเอง หวังว่าแม่นางมู่กับสหายชิงเสวียนจะไม่รังเกียจข้า” ไป๋จิ่งเยว่กล่าว
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่รังเกียจหรอก!”
“ข้าแล้วแต่นาง” ชิงเสวียนกล่าว
ตอนนี้พวกเขากำลังไปสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นที่ที่ชิงเสวียนเคยไป ตอนนั้นมีคนจำนวนไม่น้อยเข้าไปที่นั่น แต่กลับต่างพากันหนีออกมาทั้งสิ้น เนื่องจากมันเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก
ครั้งนี้มีพวกเขาสองคนเข้าไปเป็นเพื่อน ชิงเสวียนรู้สึกมีโอกาสชนะมากขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่าเหตุใดเขาถึงเลือกสถานที่แห่งนี้ ชิงเสวียนกล่าวตอบ “ข้างในมีของล้ำค่าเยอะ! น่าจะทำเงินได้มาก”
ทันทีที่ออกจากประตูเมือง เรื่องวุ่นวายก็ได้เกิดขึ้น หลายชายของท่านเจ้าเมืองผู้นั้น ได้นำกำลังคนมากมายออกมาพร้อมกับชี้ไปที่ชิงเสวียนพลางกล่าวว่า “ลุย สั่งสอนมัน แล้วเอากระบี่เศษเหล็กนั่นมาให้ข้าดูว่ามันคือกระบี่อันใด!”