ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1806 ทำลายพวกมัน
คนเหล่านี้รวมตัวกันมาหาเรื่องโจมตีชิงเสวียน แต่กลับไม่กล้าลงมือกับมู่เฉียนซีและไป๋จิ่งเยว่
ชิงเสวียนชักกระบี่ปีศาจออกมา เขาเองก็อยากจะทดสอบพลังอำนาจของกระบี่หลังซ่อมเสร็จเช่นกัน
คนเหล่านี้มาหาเรื่องถึงที่ ได้โอกาสทดสอบกระบี่ปีศาจพอดี
เขาพุ่งออกไปราวกับภูตผี ลำแสงกระบี่สว่างวาบขึ้น เขาเริ่มต่อสู้กับคนเหล่านี้แล้ว
เป้าหมายแรกของพวกเขาก็คือกระบี่ในมือชิงเสวียน ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวเย้ยหยันว่า “เจ้ารักกระบี่ของเจ้ามากไม่ใช่หรือ วันนี้ข้าจะทำให้กระบี่ของเจ้ากลายเป็นเศษเหล็ก!”
พลังของคนเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่ง แต่อาวุธวิญญาณในมือพวกเขานั้นไม่ใช่อาวุธวิญญาณระดับต่ำเลย
ปัง!
อาวุธวิญญาณปะทะกัน หากเป็นกระบี่ปีศาจที่ยังไม่ได้ซ่อมก่อนหน้านี้แล้วละก็ เมื่อปะทะด้วยแรงเช่นนี้ ใช้โจมตีเพียงไม่กี่ครั้ง คาดว่าคงจะพังทลายลงแล้วอย่างแน่นอน
ทว่า ในตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
ปัง ปัง ปัง!
กระบี่หัก แต่ที่หักไม่ใช่กระบี่ปีศาจ แต่กลับเป็นกระบี่ในมือของคนที่มาหาเรื่องเหล่านั้นต่างหาก
ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าว “เป็นไปไม่ได้ กระบี่เศษเหล็กของเจ้า เหตุใดถึงได้เก่งกาจเช่นนี้ จัดการมัน!”
ปัง ปัง ปัง!
พวกเขาทำอะไรชิงเสวียนไม่ได้ อาวุธวิญญาณในมือก็ได้กลายเป็นเศษเหล็กไปเสียแล้ว
ชิงเสวียนตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไสหัวไปให้พ้น!”
พวกเขาทำได้เพียงแค่วิ่งกลับไปด้วยสภาพจนตรอก เกรงว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียว ชิงเสวียนจะเปลี่ยนใจและฆ่าพวกเขาทิ้ง
ชิงเสวียนมองไปที่มู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวว่า “มันยอดเยี่ยมมาก ขอบใจเจ้ามาก”
“หากอยากขอบใจข้า ก็รีบพาข้าไปยังจุดหมายปลายทางเร็ว ๆ เข้าเถอะ!” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
ชายหนุ่มผู้นั้นรีบหนีกลับไปยังจวนเจ้าเมืองซิงเหลย “ท่านลุงขอรับ ท่านลุง เจ้าหนุ่มนั่น…เจ้าหนุ่มนั่น…”
ท่านเจ้าเมืองซิงก็มีสีหน้าฉงนสงสัยเช่นกัน “กระบี่เล่มนั้น หากไม่มีใครซ่อมให้ มันไม่มีทางยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้นแน่ เจ้านั่นหานักหลอมอาวุธในเมืองซิงเหลยซ่อมให้มันได้อย่างไรกัน”
“ท่านลุง เจ้าหนุ่มยากจนผู้นั้นคิดว่าตัวเองมีที่พึ่งแล้วจึงไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา หรือเราจะ จะ…”
ทันใดนั้นเอง คนผู้หนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของท่านเจ้าเมืองซิงอย่างไร้ซี่งสุ้มเสียง
ท่านเจ้าเมืองซิงตัวแข็งทื่อไปในทันที เขาเห็นชายสวมหน้ากากอำพรางใบหน้าผู้หนึ่ง ส่วนหลานชายของเขานั้นก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นเช่นกัน
“เจ้า…นี่เจ้าเป็นใคร?”
“ออกไป!” ท่านเจ้าเมืองซิงกล่าวกับหลานชายด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เขาตกใจเป็นอย่างยิ่ง รีบเดินออกไป และท่านเจ้าเมืองซิงกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ข้าไม่รู้ว่าคุณชายไป๋เจ๋อจะมา ข้าเสียมารยาทแล้วที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ…ข้าเสียมารยาท…”
สายตาอันเฉยชาของชายสวมหน้ากากกวาดมองไปที่ท่านเจ้าเมืองซิง
ไป๋เจ๋อเอ่ยปากกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองซิง เรามีเรื่องต้องคุยกัน!”
“ขอรับ!”
หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ท่านเจ้าเมืองซิงก็สั่งห้ามคนของตนว่า อย่าได้ไปล่วงเกินมู่เฉินซี และอย่าได้ไปล่วงเกินคนข้างกายของมู่เฉินซีด้วย
คุณชายไป๋เจ๋อสังเกตเห็นถึงพรสวรรค์ของมู่เฉินซี คนเช่นนี้เขาเองก็มิอาจล่วงเกินได้
มีชิงเสวียนเป็นคนนำทาง ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงซากปรักหักที่กว้างใหญ่ที่พังทลายลงแล้วอย่างสมบูรณ์ ที่แห่งนี้คือซากปรักหักพังที่รกร้างแห่งหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทุกวันจะมีคนจำนวนไม่น้อยเดินทางมา ณ ที่แห่งนี้ ส่วนของล้ำค่าดี ๆ ก็ถูกกองกำลังสำนักใหญ่ ๆ เก็บกวาดไปแทบหมดแล้ว
แต่ถึงกระนั้นก็มีคนจำนวนไม่น้อยเดินทางมาเสี่ยงโชค หากโชคดีก็จะได้พบกับซากปรักหักพังที่ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งนั่นจะสามารถทำเงินได้มากมายเลยทีเดียว
ชิงเสวียนกล่าว “ข้าชอบมาที่นี่เงียบ ๆ ข้าคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้มาก ข้าก็เลยค้นพบซากปรักหักพังแห่งหนึ่งที่ไม่มีใครเข้าไป ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเข้าไปหรอก เพียงแต่ว่าทุกคนที่เข้าไปล้วนแต่ตายอยู่ในนั้นกันหมด ข้ารู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเองดี ข้าก็เลยไม่ได้เข้าไปลึก จึงมีชีวิตกลับมาได้”
“เราจะเคลื่อนไหวในตอนที่ตะวันตกดินแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต”
“ตกลง!”
ดวงตะวันค่อย ๆ ลับขอบฟ้า เมื่อยามรัตติกาลมาเยือน พวกเขาพุ่งตัวเคลื่อนไหวไปท่ามกลางกองศิลา
ตูม!
ชิงเสวียนทำลายศิลาเหล่านั้น จากนั้นค่ายกลส่งตัวสภาพโกโรโกโสหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ไป๋จิ่งเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตามองไปที่ค่ายกลส่งตัวนั้นก่อนจะกล่าวว่า “ค่ายกลส่งตัวนี้เก่าแก่มากแล้ว ไม่มั่นคงเอาเสียเลย หากใช้ค่ายกลนี้มีโอกาสเสี่ยงอันตรายมาก”
ชิงเสวียนกล่าว “คุณชายอย่างเจ้าพะว้าพะวงมากเกินไปจริง ๆ หากเจ้ากลัวก็กลับไปเถอะ”
ไป๋จิ่งเยว่ก็ตกใจผงะไปเช่นกัน การเรียนรู้ในวัยเด็กของเขาทำให้เขาคิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า คิดหน้าคิดหลัง คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา คิดอย่างสมบูรณ์แบบจนหาข้อผิดพลาดไม่เจอ แต่กลับดูเหมือนขาดความสนุกไป
ครั้งนี้เขาตัดสินใจทำตามใจตัวเองสักครั้ง ไม่ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นเช่นไรก็ตาม
“สหายชิงเสวียน ในเมื่อข้ามาแล้ว ข้าไม่หันหลังกลับแน่นอน”
ชิงเสวียนจำใจเอาหยกซวนสามชิ้นออกมา หากไป๋จิ่งเยว่ไม่ไปด้วยแล้วละก็ เขาก็จะประหยัดหยกซวนไปได้ชิ้นหนึ่ง มู่เฉียนซีเหลือบมอง เมื่อเห็นสีหน้าของเขา มุมปากนางก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย
“ใช้หยกซวนมากเท่าไร ค่ายกลส่งตัวก็ดีมากขึ้นเท่านั้น ในเมื่อมาแล้ว ข้าจะให้เจ้าออกหยกซวนคนเดียวได้อย่างไรกันเล่า”
มู่เฉียนซีใช้หยกซวนเปิดค่ายกลส่งตัว ลำแสงแสงหนึ่งก็สว่างวาบขึ้น ชั่วพริบตาเดียวพวกเขาก็อันตรธานหายไปทันที
ลำแสงนี้ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก คนที่อยู่ในซากปรักหักพังเหล่านี้จึงต่างพากันมาดู
“ตรงนี้มีค่ายกลส่งตัวระยะไกล!”
“ไม่รู้ว่าคนที่ไม่กลัวตายคนใดกล้าใช้ค่ายกลส่งตัวระยะไกลนี้ คาดว่าจะต้องตายอยู่ในมิติแห่งความโกลาหลนั้นแล้วเป็นแน่”
“คนที่ต้องการของล้ำค่าจนไม่เสียดายชีวิตมีอยู่ถมไป”
พวกเขาได้พบกับมิติแห่งความโกลาหลแล้ว แต่ไม่ได้อันตรายถึงแก่ชีวิต ไป๋จิ่งเยว่เอาอาวุธวิญาณป้องกันออกมาต้าน และพวกเขาก็ถูกส่งตัวไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งได้อย่างปลอดภัย
ชิงเสวียนกล่าว “เมื่อเข้าไปแล้ว ทุกคนระวังตัวด้วย ข้างในนี้มีกลไกอาวุธลับอยู่ ตอนนั้นข้าเข้าไปไม่ได้แม้ด่านเดียวก็ต้องออกไปแล้ว ของเหล่านั้นข้าไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไรนัก”
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ตามข้ามาเถอะ! ไป๋จิ่งเยว่เป็นแค่คนดีคนหนึ่ง เกรงว่าจะไม่คุ้นเคยกับของพวกนี้” มู่เฉียนซีกล่าว
“ตามข้ามา!”
มู่เฉียนซีพุ่งตัวออกไป ครั้นแล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด อาวุธลับจำนวนไม่น้อยโจมตีเข้ามา
สำหรับอาวุธลับเหล่านี้ มู่เฉียนซีเลือกที่จะใช้วิธีแรงมาแรงกลับ นางได้ใช้อาวุธลับของตัวเองโจมตีกลับออกไปจำนวนมาก
ปัง ปัง ปัง!
ชิงเสวียนกับไป๋จิ่งเยว่พบว่าอาวุธลับของมู่เฉียนซีไม่ได้มีน้อยไปกว่าอาวุธลับที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้เลย
“ชิงเสวียน ทำลายทางด้านซ้าย!”
“ไป๋จิ่งเยว่ คุ้มกันให้ด้วย!”
“ตกลง!”
พลังของทั้งสามคนไม่ได้อ่อนแอเลย มู่เฉียนซีเป็นคนนำทั้งสองเข้าบุกเข้ามาในเส้นทางนี้ได้อย่างปลอดภัย
ทว่า เส้นทางนี้ดูเหมือนจะไร้ทางสิ้นสุด อาวุธลับของมู่เฉียนซีแทบจะใช้หมดแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเจอทางสิ้นสุดของด่านนี้เลย
ไป๋จิ้วเยว่กล่าวว่า “แม่นางมู่ ข้าว่าเราต้องล่าถอยแล้วล่ะ อยากบุกเข้าไปในนี้ คาดว่าต้องมีพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ถึงจะเข้าไปได้”
ชิงเสวียนกล่าว “ดูเหมือนว่าพลังความแข็งแกร่งของพวกเราสามคนจะยังไม่พอ ล่าถอยก่อนเถอะ!”
มู่เฉียนซีเองก็คิดว่าอาวุธลับเหล่านี้ในสถานที่แห่งนี้บ้าคลั่งมากเกินไปแล้ว นางกล่าว “ถูกอาวุธลับเหล่านี้คอยปกป้องเช่นนี้ ที่นี่ต้องมีของล้ำค่าชิ้นใหญ่เป็นแน่ หากล่าถอยตอนนี้ก็เสียเที่ยวน่ะสิ”
ชิงเสวียนกล่าว “มู่เฉินซี เจ้าเป็นคนร่ำคนรวย เจ้ามีทรัพยากรมากเพียงพอที่จะฝืนสู้ต่อไปได้ แต่ข้าเป็นคนจน ข้ายอมถอยแล้ว”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “หากแม่นางมู่สนใจของล้ำค่าที่อยู่ในนี้ ข้าจะเชิญเหล่าผู้อาวุโสที่มีพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มา แต่ตอนนี้เราจำเป็นต้องถอยก่อน มิเช่นนั้นจะเกิดอันตรายได้”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องออกไปเชิญ คนที่มีพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์มาหรอก ข้ามีอยู่ที่นี่แล้ว”
“เสี่ยวโม่โม่ ออกมา ทำลายพวกมันให้ข้า!” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
ภายในชั่วพริบตาเดียวนั้น ลำแสงสีดำลำแสงหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เปลวไฟแห่งความมืดมิดได้เผาทำลายอาวุธลับที่โจมตีเข้ามาเหล่านั้นทันที เสียง ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! ดังสนั่นขึ้น
สถานที่ที่ซ่อนของอาวุธลับเหล่านั้นถูกทำลายโดยเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดของเสี่ยวโม่โม่แล้ว