ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1821 พลังแสง
ผ่านไปไม่นานก็มีผู้คนที่มุ่งตรงมายังสถานที่บริเวณนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าสถานที่แห่งนี้นอกจากกองทรายสีเหลืองทองที่กองเป็นเนินเขาขนาดย่อมแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดปรากฎขึ้นเลย?
ทันทีที่จิ่วเยี่ยดึงมู่เฉียนซีมาอยู่เบื้องหลังแล้ว ทันใดนั้นก็มีแมลงสีดำบินออกมาจากเนินทรายเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว แมลงเหล่านี้บินออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ มันบินวนออกมาราวกับพายุหมุนก็มิปาน
“ฮือ ฮือ ฮือ…”
ยามที่พวกมันบินเข้ามานั้น ก็จะสามารถได้ยินเสียงดนตรีทะเลทรายสิ้นหวังได้อย่างชัดเจน
“นี่มันแมลงบ้าอะไรกัน เสียงดนตรีของทะเลทรายสิ้นหวังมาจากพวกมันหรอกหรือนี่”
“ต้องใช่แน่ ๆ! ระวังตัวด้วย!”
“……”
แมลงมีจำนวนมากจนไม่อาจประมาณได้ บรรดาผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นจอมภูตทั้งหลายก็เริ่มทำการโจมตีแมลงเหล่านั้นในทันที
บรรดาผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังแกร่งกล้าก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแต่อย่างใด ทว่าผู้บำเพ็ญภูตระดับขั้นที่ต่ำกว่าต่างก็รู้สึกหวาดหวั่นกันไม่น้อย
“ระวัง พวกแมลงเหล่านั้นอาจจะมีพิษ! อย่าให้พวกมันบินเข้ามาใกล้ตัวเราได้”
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปยังแมลงสีดำที่บินว่อนไปทั่ว แมลงเหล่านี้ไม่ได้มีพิษแต่อย่างใด ทว่าก็ไม่ได้แปลว่ามันปลอดภัย
“อ้า!” มีคนโดนโจมตีโดยแมลงสีดำเหล่านั้นแล้ว ทันใดนั้นแขนของเขาก็กลายเป็นสีดำไปในทันที
“นะ…นี่มันพลังมืด นี่เป็นพลังกัดเซาะของธาตุมืด เป็นพลังที่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ระวังตัวด้วย!”
“โจมตี ใช้ไฟเผามัน ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัคคีบุก!”
ครืน ครืน!
พวกเขาใช้พลังทั้งหมดที่มีโจมตีแมลงเหล่านั้น ทว่ากลับพบว่าพลังธาตุอัคคีไม่สามารถทำอะไรแมลงสีดำเหล่านั้นได้ เนื่องจากพลังมืดนั้นได้กั้นขวางพลังธาตุอัคคีไปจนหมดสิ้น
“สมควรตายนัก! เจ้าพวกแมลงนั่นร้ายกาจเกินไปแล้ว” บางคนเริ่มก่นด่าด้วยท่าทางหงุดหงิด
“จัดการยากเกินไปแล้ว หรือพวกเราจะต้องถอยกลับอย่างนั้นหรือ?”
“ที่นี่จะต้องมีความลับอะไรอยู่แน่เลย บางทีทางเข้าไปยังที่ซ่อนของล้ำค่าอาจจะเป็นที่นี่ก็ได้ หากจะให้ถอยตอนนี้ก็คงเสียดายแย่! ก็แค่แมลงตัวกระจ้อยร่อย ไม่เห็นมีอะไรให้กลัวเลย!”
แมลงเหล่านี้ย่อมน่ากลัวอย่างแน่นอน ทว่าก็ไม่มีผู้ใดยินยอมที่จะถอยกลับไปในตอนนี้แม้แต่คนเดียว
ครืน ครืน!
กลุ่มคนที่ออกล่าตามหาของล้ำค่า ก็ได้ต่อสู้กับแมลงสีดำเหล่านั้นไม่เลิกรา จิ่วเยี่ยจึงกล่าวกับมู่เฉียนซี “ให้หงส์ดำไป พลังมืดเป็นอาวุธที่สามารถทำลายแมลงเหล่านี้ได้ดีที่สุด”
“เสี่ยวโม่โม่ ลองออกไปดู! ระวังตัวด้วย!”
มู่เฉียนซีได้ให้เสี่ยวโม่โม่ออกไปสำรวจดู เสี่ยวโม่โม่กล่าว “นายท่านโปรดวางใจ มันเป็นเพียงแค่แมลงตัวเล็ก ๆ ก็เท่านั้น ประเดี๋ยวข้าจะจัดการมันให้หมดสิ้นไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว”
ครืน!
เพลิงหงส์อมตะสีดำนิลสาดลงมาจากท้องนภา มีคนกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ “นั่นมันเปลวเพลิงอะไรน่ะ รีบหลบเร็ว!”
“ระวัง!”
“ไม่น่าเชื่อว่าภายในชั่วพริบตาเปลวเพลิงนี้จะกำจัดแมลงเหล่านั้นไปจนราบคาบ ช่างเป็นอะไรที่ทึ่งมากจริง ๆ”
“เปลวไฟแห่งความมืด มิน่าล่ะ!”
พวกเขาทอดมองหงส์ดำที่กำลังปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมา ใช้เวลาไม่นานมันก็สามารถกำจัดแมลงที่พวกเขาต้องคอยรับมือด้วยความยากลำบากก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ
เปลวไฟของสัตว์เทพหงส์ดำนั่นชักจะวิปริตเกินไปแล้ว!
ครืน ครืน ครืน!
เมื่อแมลงฝูงสุดท้ายถูกเพลิงหงส์อมตะสีดำนิลกำจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว เสี่ยวโม่โม่ก็ได้บินกลับมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้ามู่เฉียนซี เพื่อขอคำชมจากนาง
“นายท่าน เสี่ยวโม่โม่จัดการพวกมันเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
ผู้คนต่างคิดว่าหงส์ดำที่น่าเกรงขามตัวนี้จะมีเจ้านายเป็นผู้แข็งแกร่งและน่าเกรงขามคนหนึ่ง ทว่าในความเป็นจริงกลับเป็นดรุณีน้อยร่างบางท่าทางไม่รู้ประสีประสาผู้หนึ่งเท่านั้น ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะมีพลังแข็งแกร่งอันใด
“อ้า!” เสียงกรีดร้องของใครบางคนแว่วดังขึ้น ที่ที่พวกเขายืนอยู่ก็เกิดทรายดูดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้พวกเขาไหลตกลงไปในปากถ้ำ
ถ้ำนั่นไม่ใช่เนินทรายที่ฝูงแมลงเหล่านั้นบินออกมาก่อนหน้านี้หรอกหรือ?
จิ่วเยี่ยกุมมือมู่เฉียนซีไว้แน่น แล้วพานางเดินเข้าไปข้างใน ทว่าถ้ำนี้ก็เหมือนจะลึกมาก ๆ พวกเขาเดินเข้าไปนานพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังเดินไม่ถึงปลายทางเสียที
สุดท้ายแล้วก็มีแสงสว่างสีขาวสาดส่องออกมาแยงตาเสียจนพวกเขาแทบจะลืมตาไม่ได้ พวกเขาล้วนรู้สึกว่าวิญญาณของพวกเขาถูกแสงรัศมีสีขาวนี้ชะล้างไปจนไม่เหลือหลอ และคล้ายกับว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในภวังค์ของบางสิ่งบางอย่าง
มู่เฉียนซีใช้พลังวิญญาณต้านทานไว้ นี่เป็นพลังของแสง อีกทั้งยังเป็นพลังของแสงที่แปลกประหลาดมาก ๆ อีกด้วย
“จิ่วเยี่ย เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”
“ข้าไม่เป็นไร!”
พลังของแสงนี้ได้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ทว่ามันไม่อาจเฉียดใกล้จิ่วเยี่ยได้แม้แต่น้อย ดังนั้นจึงยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่ามันจะส่งผลกระทบอันใดต่อจิ่วเยี่ยได้
ครานี้นิรันดร์ได้เดินออกมาจากกลางเวหา เขาได้ออกมาอาบแสงรัศมีสีขาวนี้
จากนั้นเขาจึงจะหันไปกล่าวกับมู่เฉียนซีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ศิษย์ที่รักโชคดีจริงๆ! พลังแสงนี้เหมือนเสี่ยวห้วนเอ๋อร์มาก ๆ ถึงแม้จะไม่ใช่เขา แต่ก็นับว่าพอจะมีเบาะแสอยู่บ้าง”
หากต้องการครอบครองกระดูกมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง ก็มีสองทางให้เลือกเดินได้เท่านั้น ประการที่หนึ่งต้องหาสุสานของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างให้เจอ แล้วจะได้กระดูกของเขาไป ประการที่สองต้องหาแสงมายานิรันดร์ให้เจอ แล้วให้เขาสร้างมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างขึ้นมาอีกหนึ่งตัว
มู่เฉียนซีกล่าว “หวังว่าข้าจะได้อะไรจากที่นี่ไปบ้าง”
พลังแสงนี้ยังคงดำเนินต่อไป มันสว่างจ้ามากจริง ๆ ดวงตาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
มือเย็นเฉียบข้างหนึ่งได้เข้ามาป้องดวงตาของมู่เฉียนซีไว้ แสงสว่างนั้นก็ได้ถอยหนีไปในทันที ทำให้นางรู้สึกสบายตาขึ้นไม่น้อย
ผ่านไปครู่หนึ่งแสงสว่างนั้นก็ได้จางหายไป
ทุก ๆ คนต่างตื่นตระหนกกันเป็นการใหญ่ “เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”
“พลังแสงศักดิ์สิทธิ์ นี่คือพลังแสงศักดิ์สิทธิ์!”
“พระเจ้า! มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย ชีวิตนี้ข้าได้มีโอกาสอาบพลังแสงศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
“……”
ผู้คนบ้างก็รู้สึกตื่นเต้น บ้างก็รู้สึกฮึกเหิม บ้างก็รู้สึกลุ่มหลง!
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าคนเหล่านี้แปลกพิกล “ท่าทางของคนเหล่านี้ดูแปลก ๆ นะว่าหรือไม่ ไม่เหมือนก่อนหน้านี้สักนิดเลย”
นิรันดร์กล่าว “ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก พวกเราไปกันดีกว่า”
พวกของมู่เฉียนซีพากันเดินต่อไปเบื้องหน้า คนเหล่านั้นก็ได้มุ่งไปเบื้องหน้าด้วยความตื่นเต้นเต็มประดาเช่นกัน นี่คือพระราชวังที่ก่อขึ้นด้วยหินหยกขาว มันหรูหราเป็นพิเศษอีกทั้งยังประดับประดาไปด้วยอัญมณีนานาชนิด
โดยปกติแล้วกลุ่มคนที่ออกตามหาสิ่งของล้ำค่า เมื่อได้เห็นกำแพงที่ก่อขึ้นด้วยอัญมณีมากมาย มีหรือที่จะไม่ต้องตาต้องใจ ทว่าพวกเขากลับเดินต่อไปด้านหน้าราวกับมองไม่เห็นกำแพงอัญมณีเหล่านั้นก็มิปาน ราวกับว่าเบื้องหน้ามีบางสิ่งบางอย่างที่ดึงดูดพวกเขามากกว่า
นิรันดร์สังเกตอัญมณีเหล่านี้ด้วยท่าทางสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะหันมากล่าวกับศิษย์ที่รักของตน “ศิษย์ที่รัก สิ่งของเหล่านี้ดูสวยงามไม่น้อย ถึงแม้มันจะใช้สอยไม่ค่อยได้ แต่มันก็มีมูลค่ามาก ๆ เราจะเอาติดตัวไปสักหน่อยดีหรือไม่?”
“อย่าไปสนใจของเหล่านั้นเลย อย่างไรเสียเป้าหมายของเราก็คือต้นกำเนิดพลังแห่งแสงนั่นต่างหาก”
เบื้องหน้ามีประตูบานหนึ่ง ด้านหน้าประตูมีรูปแกะสลักสีเงินยืนอยู่สองตน เมื่อคนเหล่านั้นเข้าใกล้ รูปแกะสลักนั้นก็ขยับในทันที
พวกมันยังสามารถขยับปากพูดได้อีกด้วย “หากต้องการผ่านประตูบานนี้ไปและกลายเป็นเจ้าของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง เพื่อเป็นการยืนยันถึงพลังของพวกเจ้า พวกเจ้าจะต้องผ่านพวกข้าไปให้ได้เสียก่อน”
พวกเขาจึงกล่าว “ได้!”
ครืน!
เมื่อกล่าวว่าต้องการต่อสู้ ทั้งสองฝ่ายก็ไม่คิดลังเลกันแต่อย่างใด
มู่เฉียนซีกล่าว “ดูเหมือนมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างจะเป็นคนสร้างที่นี่ขึ้นมา ไม่ใช่ฝีมือของมายานิรันดร์”
นิรันดร์กล่าว “เสี่ยวห้วนเอ๋อร์ได้ใช้พลังแสงเปลี่ยนแปลงเผ่ามังกรแห่งความมืดให้กลายเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง แสดงให้เห็นว่าธาตุแสงของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างนั้นแข็งแกร่งและบริสุทธิ์มากเพียงใด หากจะถูกเข้าใจผิดก็เป็นอะไรที่ปกติมาก”
ครืน!
รูปแกะสลักนั่นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสามารถทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บได้ อีกทั้งยังมีพลังแสงที่สามารถฟื้นฟูพวกมันได้ในชั่วพริบตา ก็ทำให้พลังของพวกมันเพิ่มพูนไปถึงระดับสูงสุดแล้ว และทำให้มันเริ่มทำการต่อสู้ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว