ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1844 ตัวข้าที่แท้จริง
ขณะกำลังเดินทางไปทะเลหนานอู่ มู่เฉียนซีก็ได้กล่าวขึ้น “เหยียนเหลียนเจีย ข้ามีเรื่องที่ต้องบอกกับเจ้าให้ชัดเจน”
“เรียกชื่อเต็มกันเช่นนี้ดูไร้เยื่อใยเสียจริง! น้องซีเอ๋อร์เรียกข้าว่าเหยียนก็พอแล้ว”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ!” คิ้วเรียวของมู่เฉียนซีขมวดติดกันเล็กน้อย
นางทอดมองไปยังสตรีที่ยิ้มร่าราวกับบุปผาแรกแย้มที่อยู่เบื้องหน้าแล้วกล่าว “เหยียน เจ้าชอบผู้หญิงหรือ?”
ใบหน้างามของนางปรากฏสีหน้าครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ใช่ ข้าชอบผู้หญิง”
“แต่ข้าไม่ได้ชอบ ดังนั้นถ้าให้ดีเจ้าทำตัวสงบเสงี่ยมสักหน่อย หากเจ้ากล้าใช้ลูกไม้เล่ห์กล กล้าทำอะไรที่ไม่ควรทำละก็ ถึงแม้ข้าจะเห็นแก่โม่ซวน แต่ข้าก็จะไม่เกรงใจเจ้าอย่างแน่นอน!”
เหยียนก้มศีรษะลงเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยท่าทางเหี่ยวเฉาเสียเต็มประดา “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเองก็ไม่ขออะไรอีกแล้ว? เพียงแค่ขอเป็นสาวใช้อยู่ข้างกายน้องซีเอ๋อร์แบบนี้ ข้าก็พอใจมากแล้ว”
“เจ้านี่เล่นงิ้วเก่งเป็นที่หนึ่งเลยจริง ๆ นะ ที่สุดแล้วเจ้าในแบบใดจึงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้ากันแน่?” มู่เฉียนซีกล่าว
เหยียนกล่าวขึ้นด้วยความซุกซน “แน่นอนว่าตัวตนที่แท้จริงของข้าต้องเป็นข้าที่ชอบน้องซีเอ๋อร์มาก ๆ อย่างไรล่ะ!”
“หุบปาก!” ฉู่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
“ชอบน้องซีเอ๋อร์เป็นเรื่องของข้า เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย!”
ถึงแม้จะเปิดอกคุยกับเหยียนเหลียนเจียอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนหญิงสาวผู้นี้จะไม่ยอมถอดใจอยู่เหมือนเคย
ครั้นมาถึงทะเลอู่หนานแล้ว การเคลื่อนไหวของช่องว่างมิติก็ได้ดึงดูดผู้คนมาจำนวนไม่น้อย บริเวณเขตทะเลหนานอู่ในขณะนี้มีคนอยู่จำนวนไม่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “ถอยห่างออกมาหน่อย การเคลื่อนไหวของช่องว่างมิติรุนแรงกว่าที่คิด อีกประเดี๋ยวก็จะเกิดรอยแยกขนาดใหญ่ทีเดียว”
พวกเขาถอยออกมาได้ไม่นาน “ปัง!” ก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทุกสารทิศ จากนั้นก็ปรากฏรอยแยกสีดำทมิฬขนาดใหญ่ราวกับมังกรปีศาจตัวหนึ่งก็มิปาน
“อ้า!” พวกเขาคาดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่ารอยแยกมิติจะมีขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ ขนาดของรอยแยกทำให้คนจำนวนมากหนีออกมาไม่ทัน แล้วพลัดตกลงไปในรอยแยก แม้กระทั่งจะร้องขอความช่วยเหลือก็ยังไม่ทันจะได้เปล่งเสียงออกมาด้วยซ้ำ
คนอื่น ๆ ที่รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์นี้ก็ได้ถอยหนีไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าเป็นโชคดีที่พวกเขาสามารถรักษาชีวิตน้อย ๆ ไว้ได้ ทำให้พวกเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“รอยแยกมิตินี้ใหญ่เกินไปแล้ว ข้าไม่เคยพบเจอรอยแยกที่ใหญ่แบบนี้มาก่อนเลย!”
“โชคดีที่ข้าถอยออกมาทัน ไม่อย่างนั้นต้องตายเป็นแน่!”
“เห้อ! พวกโชคร้ายเหล่านั้นจะเข้าไปใกล้ ๆ ทำไมกันหนักหนา?”
เหยียนทอดมองไปยังมู่เฉียนซีด้วยดวงตาคู่งามที่ส่องประกายระยิบระยับพลางกล่าว “น้องซีเอ๋อร์ยอดเยี่ยมไปเลย คาดเดาได้แม่นยำที่สุด”
มู่เฉียนซีไม่ได้คาดเดาได้ ทว่านางสัมผัสถึงขนาดรอยแยกได้จริง ๆ ในฐานะของผู้ผูกพันธสัญญาของผู้พิทักษ์นิรันดร์ หากแม้กระทั่งพลังของธาตุมิติก็ยังไม่ทราบ เช่นนั้นก็คงไร้ประโยชน์เต็มทีแล้ว
รอยแยกสีดำทมิฬนั้นเปรียบดั่งสัตว์ร้ายที่กำลังพ่นโลหิตออกมาก็มิปาน ทำให้ทุก ๆ คนรู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีผู้ใดกล้าเอาชีวิตไปทิ้งโดยการเข้าใกล้รอยแยกนั้นแม้แต่คนเดียว
ทว่าสายตาของพวกเขาก็ยังคงจับจ้องไปยังรอยแยกนั้นอย่างไม่ลดละ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ระหว่างรอยแยกนั้นจะปรากฏ ของล้ำค่าขึ้น
ครืน ครืน ครืน!
ทันใดนั้นระหว่างรอยแยกก็มีก้อนหินสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นมาราวกับห่าฝนก็มิปาน
ทุก ๆ คนรีบพุ่งเข้าไปเก็บก้อนหินสีดำเหล่านั้นด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง “มีของล้ำค่าออกมาแล้ว มีของล้ำค่าออกมาแล้ว!”
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เขาไปเก็บก้อนหินเหล่านั้นมา ทว่าเมื่อลองใช้พลังวิญญาณตรวจดูแล้ว ปรากฏว่าก้อนหินเหล่านั้นไม่ต่างอันใดจากก้อนหินธรรมดาทั่วไปแม้แต่น้อย
“หึ! เป็นเพียงก้อนหินไร้ค่าเท่านั้น เสียเวลาดีใจไปเปล่า ๆ!”
หลังจากก้อนหินไร้ค่าเหล่านั้นได้พวยพุ่งออกมาจากรอยแยกแล้ว ก็มีอาวุธวิญญาณจำพวก ดาบ หอก กระบี่ พวยพุ่งตามออกมา
“ของล้ำค่าออกมาแล้ว ระดับต่ำที่สุดก็ล้วนเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น รีบไปชิงมาเร็วเข้า!”
“เร็วเข้า!”
“……”
ทุกคนต่างพากันยกโขยงเข้าไปชิงของล้ำค่าเหล่านั้น ทว่ามู่เชียนซี่กลับหยิบก้อนหินขึ้นมาหนึ่งก้อนด้วยท่าทางสุขุม ก่อนจะจรดปลายนิ้วลงที่ก้อนหินก้อนนั้น
นี่คือก้อนหินไร้ค่า? มีอะไรผิดพลาดหรือไม่!
ตอนนี้คนกลุ่มนั้นเลือกที่จะทิ้งของล้ำค่าแล้วไปเก็บสิ่งของไร้ค่ามาแทนอย่างสมบูรณ์
มู่เชียนซีกล่าว “ศิษย์พี่ พวกเราเก็บก้อนหินเหล่านั้นขึ้นมากันเถอะ! ข้าต้องการทั้งหมดนี้เลย”
ฉู่หลีพยักหน้าแล้วกล่าว “อืม!”
เหยียนกล่าว “น้องซีเออร์ เจ้าไม่ต้องการอาวุธวิญญาณเหล่านั้น แล้วเหตุใดจึงสนใจในก้อนหินเหล่านี้ละ?”
ฉู่หลีเหลือบมองนางเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว “โง่!”
เหยียนโกรธจนกระทืบเท้าไปมา “เจ้าคนโฉด เจ้าว่าอะไรนะ? เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไร? ใครโง่กันแน่”
จากนั้นนางก็ได้เข้าไปเก็บก้อนหินเหล่านั้นแล้ว ทว่าไม่ว่าจะลองตรวจสอบดูอย่างไร ก็ไม่ยักจะเห็นว่าก้อนหินเหล่านี้พิเศษตรงที่ใด มันทำให้นางอึดอัดใจจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
มู่เฉียนซีเก็บก้อนหินเหล่านั้นด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่ง ก้อนหินเหล่านี้มีพลังธาตุมิติอันแข็งแกร่งปะปนอยู่ เพียงแค่ถูก เปลือกภายนอกห่อหุ้มไว้ก็เท่านั้น หากไม่ใช่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นจอมภูตธาตุมิติก็ไม่มีทางสัมผัสได้อย่างแน่นอน
พลังธาตุของหินมิติเหล่านี้แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าอาวุธวิญญาณที่ได้มาจากดินแดนทั้งสี่ทิศเหล่านั่นเสียอีก
ดังนั้นหอฉงโหลวบนเมฆาในขณะนี้ก็ดีใจจนแทบเสียสติอยู่รำไร
“อา อา อา! นายท่านดีที่สุด นายท่านเก่งที่สุด อย่าให้ตกหล่นไปแม้แต่ก้อนเดียว แม้แต่ก้อนเดียวก็ไม่ได้!”
“เมื่อมีของเหล่านี้พวกเราก็สามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้อย่างเต็มที่ นายท่านโปรดวางใจ ข้าจะไม่มีทางแอบอู้งานอย่างแน่นอน”
“โชคดีจังเลย โชคดีจังเลย…”
พวกของมู่เชียนซีเก็บก้อนหินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะอย่างไรเสียก็ไม่มีผู้ใดมาแย่งชิงพวกเขาอยู่แล้ว
ครืน ครืน!
อีกฝ่ายเริ่มทะเลาะและมีปากเสียงกันขึ้นแล้ว ถึงแม้จะมีอาวุธวิญญาณพวยพุ่งออกมาจำนวนไม่น้อย ทว่าเนื่องจากเป็นของดีไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันเพียงพออยู่แล้ว ที่ใดมีประโยชน์ที่นั่นย่อมมีการแย่งชิงเสมอ
บางคนที่มีศักยภาพไม่เพียงพอ เพื่อปกป้องชีวิตน้อย ๆ ของตนเองแล้ว ก็ต้องเลือกที่จะละทิ้งแย่งชิงของล้ำค่าเหล่านั้นไป
พวกเขาที่รู้สึกไม่พึงพอใจ เมื่อเห็นพวกของมู่เชียนซีเก็บก้อนหินเหล่านั้นแล้ว พวกเขาก็หัวเราะเยาะ “ไม่มีกำลังจะไปแย่งชิงอาวุธวิญญาณเหล่านั้น ก็พอเข้าใจได้ แต่นี่ยังจะมาเก็บก้อนหินไร้ค่าเหล่านี้อีก”
“ของไร้ค่าเหล่านี้ก็ยังอยากได้ แม่นางงามถึงเพียงนี้ ย่อมมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยินดีจะมอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์อาวุธวิญญาณให้แม่นาง เหตุใดต้องทำเช่นนี้ด้วย!”
เหยียนเหลียนเจียที่รู้สึกหงุดหงิดอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคนเหล่านี้บ่นกระปอดกระ โทสะของนางก็ระเบิดขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่
มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่สุดแสนจะเย็นชา “พวกเจ้าบอกว่าข้าไร้กำลังอย่างนั้นหรือ!”
ครั้นอาภรณ์สีแดงโบกสะบัด เหยียนเหลียนเจียก็ได้พุ่งขึ้นไปกลางท้องนภา ข้อมือเรียวสั่นไหวเล็กน้อย สุ้มเสียงไพเราะเสนาะหูก็แว่วดังขึ้นในทันที ทำให้ทุกๆคน ไม่อาจควบคุมสติไปได้ชั่วขณะ
การโจมตีวิญญาณของนางทำให้ทุกคนไม่อาจต้านทานไว้ได้ ทุก ๆ คน ณ ที่แห่งนี้ล้วนถูกนางควบคุมไว้ทั้งสิ้น และได้กลายเป็นหุ่นเชิดของนางไปโดยปริยาย
ทว่ามู่เชียนซีและฉู่หลียังคงเก็บหินมิติเหล่านั้นอยู่อย่างเคย ราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงกระดิ่งเหล่านั้นก็มิปาน
เหยียนบ่นพึมพำขึ้น “น้องซีเอ๋อร์ไม่ได้รับผลกระทบก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่เหตุใดเจ้าที่ชื่อว่าฉู่หลีนั่น ถึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรแม้แต่นิดเดียวเลยล่ะ ทั้ง ๆ ที่ก็เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเท่านั้น”
เหยียนที่โกรธจนควันแทบออกหูก็กล่าวกับคนเหล่านั้น “เอาอาวุธวิญญาณของพวกเจ้ามาให้หมด แล้วไปเก็บก้อนหินมาให้น้องซีเอ๋อร์ของข้าเดี๋ยวนี้!”
ผลปรากฏว่าคนเหล่านี้ได้ทำตามคำสั่งของเยียนด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้า เมื่อมีคนจำนวนมาก หินมิติเหล่านั้นก็ได้มาอยู่ในมือของมู่เชียนซีทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
มู่เฉียนซีกล่าว “คาดไม่ถึงเลยว่าความสามารถของเจ้าจะมีประโยชน์มากมายถึงเพียงนี้”
เหยียนกล่าว “ได้ช่วยแบ่งเบาภาระน้องซีเอ๋อร์ ข้ารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง”
กริ่ง กริ่ง!
ทันทีที่ปลายเท้าของนางขยับ สติของทุก ๆ คนก็ฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็พบว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่ในมือพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
พวกเขาหน้าถอดสีไปในทันที “เหยียนเหลียนเจีย!”
“นางคือ…เหยียนเหลียนเจีย หญิงงามในชุดแดงคนนั้น”
“…” เหยียนกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ในเมื่อรู้จักข้า หากอีกประเดี๋ยวมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์หรืออาวุธวิญญาณออกมา ก็นำมาให้ข้าทั้งหมดเสีย ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาจัดการพวกเจ้า”