ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1856 ไม่ต้องการหญิงงาม
มู่เฉียนซีกล่าว “ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ แล้วสินะ!”
“น้องซีเอ๋อร์เองก็ไม่ได้รู้จักซวนมานานเท่าไรนัก แต่ก็ยังเป็นห่วงเขามากมายขนาดนี้ ข้าเริ่มจะอิจฉาเขาแล้วละสิ! เรื่องเพียงแค่นี้ก็ให้เขาและหมอปีศาจนั่นไปจัดการกันเอาเองก็แล้วกัน! ที่คุณชายจูเชว่ไม่เข้าไปก่อกวน ก็เป็นเพราะเห็นแก่น้ำใจที่เขายินดีช่วยเหลือเรื่อง ๆ หนึ่งในครั้งก่อน นับว่าเป็นบุญคุณมากแล้ว” เหยียนกล่าว
“ตระกูลตานกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสำนักหลางซิงอีกด้วย การที่ให้จูเชว่และไป๋เจ๋อร่วมมือกันจัดการศัตรู ก็เป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือ? ข้าคิดว่าโม่ซวนจะต้องปรึกษากับเขาอย่างแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าว
“คุณชายจูเชว่ยอมถอยมาแล้วหนึ่งก้าว หากทำให้คุณชายไป๋เจ๋อมีอำนาจขึ้นมาแล้ว เขาจะไม่ตกเป็นฝ่ายรองหรือ? อีกอย่างเขาก็ไม่ชอบหมอปีศาจที่ทำตัวลึกลับราวกับภูติผีนั่นด้วย” เหยียนกล่าว
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังนางพลางกล่าว “ข้าคิดว่าเค้าคงไม่เชื่อใจหมอปีศาจกระมัง!”
เมื่อได้มาถึงดินแดนทางทิศใต้แล้ว นางก็ได้รู้ถึงความสามารถของจูเชว่แล้วเช่นกัน หากต้องการให้หอหมอปีศาจสามารถรุ่งเรืองและขยายขอบเขตในดินแดนทางทิศใต้ได้อย่างราบรื่นนั้น เกรงว่าคงจะขาดความช่วยเหลือจากเขาไปไม่ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างจูเชว่และไป๋เจ๋อค่อนข้างซับซ้อน ทว่าในขณะเดียวกันพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ในเชิงชิงดีชิงเด่นซึ่งกันและกันอีกด้วย เพียงแต่…
เจ้านั่นได้ติดค้างบุญคุณชีวิตเขาไว้! ข่าวสารที่นำมารายงานนางก็ไม่ได้ทำให้นางพึงพอใจแม้แต่น้อย เห็นทีคงต้องให้เขาทำเรื่องอื่นแล้ว
เรื่องนี้คงต้องถามความคิดเห็นของโม่ซวนสักเล็กน้อย
เหยียนกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ใช่แล้ว! หมอปีศาจนั่นปรากฏตัวได้น่าประหลาดเกินไปแล้ว คุณชายของข้าตามสืบมาเนิ่นนาน ก็สืบข่าวคราวของเขาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว คนแบบนี้ต้องระมัดระวังตัวไว้ให้ดี!”
“ข้าต้องการพบจูเชว่ เจ้าจะจัดการให้ข้าได้เมื่อไหร่! อีกอย่างโม่ซวนก็น่าจะกลับมาในเร็ว ๆ นี้แล้ว!” เมืองหนานหวางเป็นเมืองขนาดใหญ่เมืองหนึ่ง การที่หอหมอปีศาจจะเปิดการค้าขายที่นี่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่มาจัดการก่อนล่วงหน้า?
“เรื่องนั้นให้ข้าลองไปถามก่อน แล้วคืนนี้ข้าจะมาให้คำตอบน้องซีเอ๋อร์!”
ในเมืองหนานหวางพวกเขาไม่ได้พักที่จวน เนื่องจากเหยียนมีคฤหาสน์ส่วนตัวเป็นของตัวเอง
คฤหาสน์หลังนี้ทั้งหรูหรา กว้างขวางและสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง
กระทั่งมีคนเคยไม่พอใจกับสถานที่พักอาศัยของเหยียนอีกด้วย เป็นเพียงสตรีในหอโคมเขียวที่ขายเรือนร่างและหน้าตา กลับมีที่พักอาศัยที่ดีกว่าพวกเขา ข้าวของเครื่องใช้ก็ดีกว่าพวกเขา ช่างเป็นอะไรที่ไร้เหตุผลเสียจริง!
“น้องซีเอ๋อร์หากไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ ข้าสามารถให้คนมาแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้นะ!” เหยียนกล่าว
“ไม่ต้องหรอก อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้มาอยู่ที่บ่อยสักหน่อย”
“ข้าหวังว่าน้องซีเอ๋อร์จะสามารถมาอยู่ที่นี่บ่อย ๆ ได้นี่นา!” เหยียนดึงตัวมู่เฉียนซีเข้ามาพลางออดอ้อน
…
ตกเย็นเหยียนก็ได้ให้คำตอบแก่มู่เฉียนซี
หลังจากนี้อีกสามวัน นางจะขึ้นแสดงที่จุ้ยเมิ่งชวน ถึงยามนั้นมู่เฉียนซีก็จะไปชมการแสดงที่จุ้ยเมิ่งชวน และคุณชายจูเชว่ กับคุณชายไป๋เจ๋อก็จะไปพบนางที่ห้องส่วนตัวของที่นั่นด้วย
“น้องซีเอ๋อร์ช่วงนี้เจ้าพักที่คฤหัสถ์ของข้าไปก่อน หากรู้สึกอึดอัดละก็ เจ้าสามารถออกไปเที่ยวเล่นได้! ข้าต้องขอตัวไปเตรียมการแสดงก่อน ในช่วงนี้ข้าคงอยู่เป็นเพื่อนน้องซีเอ๋อร์ไม่ได้” เหยียนกล่าว
“ไปเถอะ! ช่วงนี้ข้าจะปรุงยาอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน เจ้ามีห้องปรุงยาหรือไม่?”
“มี น้องซีเอ๋อร์ใช้ได้ตามสบาย!”
หอหมอปีศาจใกล้เปิดกิจการแล้ว ถึงแม้จะมีหลุนหุย มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ผลิตยาลูกกลอนอยู่ ทว่ายาลูกกลอนที่ปรุงขึ้นด้วยความประณีต ก็ล้วนมาจากฝีมือมู่เฉียนซีที่ปรุงขึ้นด้วยตัวเองทั้งสิ้น
เมื่อได้มายังแดนซวนเทียนแล้ว นางก็ได้เก็บเกี่ยวสมุนไพรวิญญาณมามากมายหลายชนิด นางจึงสามารถกลั่นยาลูกกลอนออกมาได้หลากหลายชนิดเช่นกัน
มู่เฉียนซีที่กำลังปรุงยาลูกกลอน ก็มีนิรันดร์เข้ามานั่งด้วยท่าทางสง่าอยู่ข้าง ๆ
“เห้อ! เมื่อก่อนล้วนมีแต่คนงามเท่านั้นที่มานั่งดูข้าปรุงยาอยู่ข้างๆ ตอนนี้กลายเป็นคราวของข้าแล้ว ศิษย์ที่รัก เจ้าหันมามองข้าสักนิดสิ! ยาลูกกลอนดูดีกว่าข้าตรงไหนกัน”
“หรือว่าข้าไม่น่าดึงดูดเท่ายาลูกกลอนอย่างนั้นหรือ…”
“เจ้าเป็นแบบนี้ ข้าจะหึงเจ้าแล้วนะ…”
หากเป็นคนอื่นที่ถูกรบกวนเช่นนี้ ก็คงจะโมโหไปตั้งนานแล้ว ทว่ามู่เฉียนซีกลับมีท่าทีสุขุมเป็นอย่างยิ่ง การรบกวนแค่นี้ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อนางแม้แต่น้อย
“หึงอย่างนั้นหรือ ให้ข้าช่วยปรุงยาแก้หึงชั้นยอดให้เจ้าสักขวดดีหรือไม่?”
“วิธีแก้หึงชั้นยอด ก็คือเจ้าต้องรักใคร่เอ็นดูข้า”
“พรุ่งนี้ต้องไปหอโคมเขียวอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้ เจ้าอยากรักใคร่เอ็นดูผู้ใดก็รักไป อย่างไรเสียก็มีคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้อยู่แล้ว”
แววตาของนิรันดร์ปรากฏความน้อยอกน้อยใจขึ้นอย่างชัดเจน “ศิษย์ที่รัก แม้กระทั่งหญิงงามมากล้นเสน่ห์ของพวกเขาก็ยังไม่เข้าตาข้าเลย แล้วข้าจะไปถูกใจผู้อื่นได้อย่างไร อีกอย่างหลังจากที่ข้ากลายเป็นคนของเจ้าแล้ว ข้าก็ไม่ได้โปรยเสน่ห์ ไปทั่วเฉกเช่นเมื่อก่อนอีก”
“วาจามากด้วยเล่ห์กล ไม่น่าเชื่อถือ!” สุ้มเสียงเย็นชาสุ้มเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้น
การก่อนวาจาฉอเลาะของท่านนิรันดร์ใช้ได้ผลเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าเขาจะทำผิดมากมายเพียงใด ก็สามารถทำให้หญิงงาม เข้ามาประจบเอาใจได้ไม่ขาดสาย และลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
ทว่าวาจาฉอเลาะของเขานั้นเมื่อนำมาใช้กับเด็กน้อยแล้วก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี ยังมิวายมีคนเข้ามาคอยซ้ำเติมเพิ่มอีกหนึ่ง คน
มู่เฉียนซีกล่าว “นิรันดร์ ดูเหมือนเจ้าจะรู้สึกเบื่อมาก ๆ! เช่นนั้นก็มาปรุงยาด้วยกันเสียสิ! หอหมอปีศาจต้องขยายกิจการที่ดินแดนทางทิศใต้ ผู้ที่คอยควบคุมดูแลยาลูกกลอนคงจะน้อยมาก”
“เจ้าต้องการใช้ผู้ใด? ชิงมู่หรือเสี่ยวลิ่ว?”
“ก็ใช้ด้วยกันไปเลย! ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นว่าข้าสามารถใช้หม้อกลั่นยาลูกกลอนสองหม้อภายในคราเดียวได้”
เมื่อเทียบการกลั่นยาแล้ว เขาก็รู้สึกสนใจเด็กน้อยของเขามากกว่า ทว่าเมื่อมีโอกาสได้แสดงฝีมือต่อหน้าศิษย์ที่รักแล้ว เขาก็ไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน
เขาทราบดีว่าเจ้านายของเขาต้องการเป็นนักปรุงยาที่ล้ำหน้าไปกว่าเขา และนางก็หลงใหลในการปรุงยาเป็นอย่างยิ่ง
ในเมื่อศิษย์ที่รักไม่ซื้อไมตรีอันแสนลึกซึ้งของเขา เช่นนั้นเขาก็จะเข้าหาด้วยวิธีปรุงยาก็แล้วกัน
นิรันดร์เริ่มจริงจังขึ้นมาแล้ว เขานำทักษะการปรุงยาทั้งหมดที่มีออกมาใช้ ในขณะเดียวกันก็เป็นการโอ้อวดฝีมือให้ศิษย์ที่รักได้ชมอีกด้วย
หากเป็นคนอื่นโอ้อวดฝีมือแล้ว มู่เชียนซีก็จะรู้สึกว่าคนผู้นั้นว่างการว่างงานไม่มีอันใดทำ ทว่าเมื่อเป็นนิรันดร์โอ้อวดฝีมือแล้ว มู่เฉียนซีก็รู้สึกนับถือในความสามารถของเขาเป็นอย่างยิ่ง
มันทำให้ภายในใจของนางก่อเกิดความอยากเอาชนะขึ้น เมื่อเทียบฝีมือกับนิรันดร์แล้ว ฝีมือของนางก็ยังนับว่าห่างไกลจากเขาอยู่มาก ดังนั้นนางจึงต้องขอให้นิรันดร์ชี้แนะในเรื่องต่าง ๆ และทั้งสองก็ช่วยกันศึกษาและคิดค้นการปรุงยาแต่ละชนิด ด้วยกัน
ทว่าทันใดนั้น นิรันดร์ก็พบความไม่ชอบมาพากลเข้า!
เด็กน้อยมีความกระตือรือร้นต่อเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน แต่นั่นก็เป็นเพราะฝีมือในการปรุงยาของเขา ไม่ใช่ตัวเขาเอง
นิรันดร์รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหึงหวงเด็กน้อยจากฝีมือการปรุงยาขั้นเทพของตัวเขาเอง
อาจารย์และศิษย์ทั้งสองก็ได้ใช้เวลาตลอดสามวันด้วยความสงบสุขและเป็นมิตรซึ่งกันและกัน
เมื่อต้องไปหอโคมเขียว มู่เฉียนซีก็กำลังคิดว่าควรแต่งกายเป็นบุรุษไปดีหรือไม่? ผลปรากฏว่าเหยียนได้บอกกับนางว่า นางได้บอกกล่าวคนภายในหอโคมเขียวไว้แล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าขวางทางนางอย่างแน่นอน
ถึงแม้นางจะเป็นหญิงคณิกาผู้เลื่องชื่ออันดับหนึ่ง ถ้าว่าดูเหมือนเจ้าของจุ้ยเมิ่งชวนก็คงจะเป็นนางอีกเช่นกัน
ผลปรากฏว่าเมื่อมู่เฉียนซีเดินทางไปถึงในค่ำคืนนั้น ก็มีหญิงงามแต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวออกมาต้อนรับนาง
“แม่นางมู่ เจ้ามาถึงแล้ว! เชิญเข้ามาข้างใน เชิญเข้ามาข้างใน!”
มู่เฉียนซีไม่ได้มาเพียงลำพังเท่านั้น เบื้องหลังของนางยังมีบุรุษที่งามล้ำเสียยิ่งกว่าหญิงงามในหอคณิกาถึงสองคน นั่นทำให้ทุก ๆ คนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
เหยียนให้การต้อนรับมู่เฉียนซีดีเป็นพิเศษ ห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดและสบายที่สุดของจุ้ยเมิ่งชวนที่ไม่ว่าคนผู้นั้นจะศักดิ์สถานะสูงส่งเพียงใดก็ไม่อาจครอบครองได้ ทว่านางกลับเตรียมไว้ให้มู่เฉียนซีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หญิงงามอาภรณ์เขียวกล่าว “แม่นางมู่ เจ้าต้องการสิ่งใดก็เชิญบอกกล่าวได้ตามสบาย”
มู่เฉียนซีกล่าว “ ข้าต้องการอาหารรสเลิศที่สุดและสุราชั้นดีที่สุด และยังต้องการหญิงงามที่สุดให้…”
มู่เฉียนซีทอดมองไปยังนิรันดร์ ศิษย์พี่ดูท่าทางเย็นชาเห็นทีคงจะไม่สนใจเท่าใดนัก ส่วนนิรันดร์ กาลก่อนเขาก็ชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง
นิรันดร์ทอดมองไปยังมู่เฉียนซีด้วยสายตาน้อยอกน้อยใจ “ศิษย์ที่รักข้าไม่ต้องการ!”
“ไม่ต้องการจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? หากผ่านหมู่บ้านนี้ไปก็ไม่มีร้านแบบนี้แล้วนะ?”
“ศิษย์ที่รัก เหตุใดเจ้าถึงไม่เชื่อข้านะ! ต้องเป็นเพราะเจ้านั่นแน่ ๆ ที่พูดเรื่องไม่ดีของข้าให้เจ้าฟังใช่หรือไม่? หรือเป็นพวกอาถิงที่บอกอะไรกับเจ้า…” นิรันดร์โกรธเป็นอย่างยิ่ง