ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1860 เป็นความผิดพลาดของข้าเอง
เหยียนหัวเราะออกมาในทันที “หลอกล่ออย่างนั้นหรือ เห็นทีคนไร้ค่าอย่างพวกเจ้าคงจะยังไม่รู้ว่าการหลอกล่อที่แท้จริงเป็นอย่างไรสินะ? เช่นนั้นข้าจะเปิดหูเปิดตาให้พวกเจ้าได้รู้เอง!”
เมื่อพวกเขาได้ฟังที่เหยียนกล่าว พวกเขาก็หน้าถอดสีไปในทันที
“นะ…นี่ เจ้าคิดจะทำอะไรของเจ้า…”
“ทำเรื่องที่น่าตื่นเต้นสักหน่อยน่ะสิ พวกเจ้าจะต้องชอบอย่างแน่นอน” เหยียนเผยรอยยิ้มมากล้นด้วยเสน่ห์ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ใบหน้าปรากฏความตกตะลึงออกมา
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!
การโจมตีวิญญาณของเหยียน ทำให้พวกเขาไม่อาจรับมือได้ทัน พวกเขาไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย จากนั้น…
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บบ!
คนของสำนักกองกำลังระดับสี่คนอื่น ๆ ก็ได้มาถึงแล้ว เมื่อพบกลุ่มคนเหล่านั้นพวกเขาก็ตกตะลึงไปทันที
“พวกเขาเป็นอะไรไป?”
“ประสาทเสียหรือ”
“เสียสติไปแล้วกระมัง”
ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรีที่อยู่เบื้องหน้าก็ล้วนออกมาร่ายรำด้วยท่าทางยั่วยวนเป็นอย่างยิ่ง
เหยียนกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “พวกเจ้าอยากจะเข้าไปหาของล้ำค่าในเมืองโบราณซางหลันไม่ใช่หรือ? ข้าก็เลยให้พวกเขาออกมาร่ายระบำแสดงความยินดีสักหน่อย พวกเจ้าไม่พอใจตรงที่ใดหรือไม่?
“เหยียนเหลียนเจีย!” มีคนจำนวนไม่น้อยที่หน้าถอดสีจนซีดเป็นไก่ต้ม และพากันถอยหลังกรูดให้ห่างจากเหยียนเหลียนเจียให้มากที่สุด เพราะเกรงว่าพวกเขาเองก็จะต้องทำอะไรที่น่าอับอายแบบนั้นเช่นกัน
สุ้มเสียงเย็นชาสุ้มเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้น “ก็เพียงแค่ผู้หญิงที่ทำเรื่องชั่วร้ายกระจอก ๆ คนหนึ่ง ที่นี่ไม่อนุญาตให้เจ้ามาแสดงกิริยาต่ำช้าเลวทรามได้”
“จงทลายลง”
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะนำสิ่งของที่สุดยอดออกมาหนึ่งชิ้น ไม่นานนักการโจมตีวิญญาณของเหยียนก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อคนเหล่านั้นดึงสติกลับมาได้ พวกเขาก็อับอายขายหน้าจนใบหน้าแดงก่ำไปหมด
“อ้า!”
“เวรเอ้ย! เหยียนเหลียนเจีย เจ้า…”
เหยียนกล่าวยั่วยุ “เป็นอะไรไป? อยากมีเรื่องอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้าคิดว่าผู้อื่นช่วยพวกเจ้าได้แล้วครั้งหนึ่ง แล้วจะสามารถช่วยพวกเจ้าไปได้ตลอดรึ?”
พวกเขาไม่กล้าแล้ว ไม่ว่าจะรู้สึกโกรธแค้นเช่นไร พวกเขาก็ต้องข่มมันเอาไว้ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้วจริง ๆ
ทว่ากลับมีคนกลุ่มหนึ่งที่ใจกล้าเดินเข้ามา พวกเขากล่าว “พวกข้าไม่อยากฆ่าผู้หญิง ถ้าให้ดีเจ้าจงรีบไสหัวไปให้ไกลเสียตั้งแต่ตอนนี้”
เหยียนกล่าวด้วยเนื้อตัวที่สั่นงันงก “พวกเจ้าคนของสำนักหลางซิงชักจะดุเกินไปแล้ว ข้าล่ะกลัวจริง ๆ เลย!”
ผู้อาวุโสของสำนักชิงเฟิงผู้หนึ่งได้เหยียดกายลุกขึ้น แล้วกล่าว “ท่านเหยียนเป็นผู้อาวุโสที่สำนักชิงเฟิงของเราเชิญมา การที่จะเข้ามาในเมืองโบราณซางหลันก็นับว่าถูกต้องตามกฎระเบียบ พวกเจ้าคนของสำนักหลางซิงเองก็เป็นคนของสำนักกองกำลังระดับสี่เหมือนกับพวกเราสำนักชิงเฟิง หวังว่าทุก ๆ คนจะไม่ทำอะไรที่มันเกินไปนัก!”
คนของสำนักหลางซิงเหล่านั้นโกรธจนใบหน้าบูดบึ้งไม่น่าดู “ดูเหมือนสำนักชิงเฟิงของพวกเจ้าจะยอมเป็นศัตรูกับพวกข้า เพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวอย่างนั้นสินะ?”
“จะทะเลาะอะไรกันนักหนา? มาทะเลาะกันที่หน้าประตูเช่นนี้ดูไม่จืดเอาเสียเลย! หากพวกเจ้าอยากทะเลาะละก็ เข้าไปประลองกันในเมืองโบราณซางหลันให้รู้เป็นรู้ตายไปเลยสิ อย่ามาขวางทางตรงนี้” ชายชราผู้หนึ่งกล่าวขึ้น
ที่เขากล้าวางอำนาจบาตรใหญ่เบื้องหน้าคนเหล่านี้ เป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้อาวุโสของสำนักกองกำลังระดับสี่ ศักยภาพของเขาอยู่เหนือกว่าสำนักชิงเฟิงและสำนักหลางซิงนั่นเอง
ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายไม่อาจไกล่เกลี่ยได้ และในขณะนี้เมืองโบราณซางหลันก็ได้เปิดขึ้นแล้ว
“พวกเราไปกัน!”
เขาพูดถูก หากต้องการขยี้ให้อีกฝ่ายย่ำเข้าประตูผีไป ในเมืองโบราณซางหลันที่เต็มไปด้วยอันตรายซึ่งแอบแฝงอยู่ทั่วทุกสารทิศ ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสถานที่หนึ่ง
กลิ่นอายความเก่าแก่ได้แผ่ซ่านออกมาจากรอยแยกนั้น สถานที่แห่งนี้มีมาตั้งแต่โบราณกาล ทว่าภายหลังมิติเกิดการปริแตก และได้แบ่งออกมาเป็นดินแดนซวนเทียนในปัจจุบัน
เหยียนเหลียนเจียกล่าว “ในเมื่อเข้ามาแล้ว เจ้าก็พาศิษย์ของเจ้าไปจัดการทำตามหน้าที่ได้แล้ว! และอย่าให้ต้องตายหายไปทั้งกลุ่มล่ะ”
ผู้อาวุโสตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “ท่านเหยียน พวกท่านจะจัดการกันเองตามลำพังหรือ? ท่านต้องทราบด้วยว่าคนของสำนักหลางซิงเหล่านั้นเจาะจงเล่นงานท่านโดยเฉพาะ?”
“ท่านเหยียน ข้างกายท่านมีเพียงสองคนเท่านั้น และเกรงว่าพวกเขาก็ต้องการให้ท่านปกป้องอีกด้วย ศักยภาพของข้าในสำนักชิงเฟิงก็นับว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ ให้ข้าคอยปกป้องอยู่ข้างกายท่านเป็นอย่างไร?”
หากมองจากภายนอกแล้ว มู่เฉียนซีและฉู่หลีก็ดูอ่อนเยาว์เป็นอย่างยิ่งจริง ๆ ถึงแม้จะมีศักยภาพสูงส่งก็คงไม่ได้สูงไปสักเท่าใดนัก การที่ท่านเหยียนให้คนทั้งสองติดตามไปด้วย ก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วง ซ้ำร้ายเมืองโบราณซางหลันก็เป็นสถานที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย
หญิงงามเช่นนี้พวกเขาไม่อาจยั่วยุได้ ทว่าการที่สามารถคอยติดตามเป็นแขนเป็นขาเป็นหูเป็นตาให้นางได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องดีเป็นอย่างยิ่ง
เหยียนกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง “หุบปากของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้ เมื่อมีน้องซีเอ๋อร์อยู่ด้วยแล้วข้าจึงจะปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องให้พวกเจ้ามาคอยเป็นห่วงด้วยหรอก”
“น้องซีเอ๋อร์พวกเราไปกันเถอะ!”
ร่างสีแดงวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหยียนได้ทะยานขึ้นสู่ท้องนภา ส่วนมู่เฉียนซีและฉู่หลีเองก็ได้เหาะเหินตามไปติด ๆ
การเคลื่อนไหวของคนทั้งสามรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ทุกคนเห็นร่างของพวกเขาในแบบเลือนลางเท่านั้น จากนั้นก็มีคนกล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง “สวรรค์! การเคลื่อนไหวนั้นชักจะรวดเร็วเกินไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสกล่าว “คนที่คอยติดตามอยู่ข้างกายท่านเหยียนจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้พวกเราจุ้นจ้านเกินไป จงจำไว้ว่าอย่าได้พูดจาให้มากความ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ท่านเหยียนไม่พอใจได้”
“พวกข้าเข้าใจแล้ว ท่านผู้อาวุโส!”
เมื่อออกเดินทางมาแล้ว เหยียนก็ได้หยิบแผนที่ขึ้นมาหนึ่งแผ่น แล้วกล่าว “น้องซีเอ๋อร์ ข้ามีแผนที่ที่สมบูรณ์ของเมืองโบราณซางหลันอยู่หนึ่งแผ่น ในแผนที่ได้จดบันทึกสถานที่ที่มีสมุนไพรวิญญาณ ยาลูกกลอน วิธีฝึกฝน และอาวุธวิญญาณ อยู่มากไว้”
เมื่อมู่เฉียนซีรับแผนที่มาแล้วนางก็กล่าว “ไปสถานที่ที่มีสมุนไพรวิญญาณอยู่มากก่อน แล้วค่อย ๆ หาไปทีละสถานที่ ไปที่ที่ใกล้ก่อนก็แล้วกัน ที่นี่…”
“เสี่ยวโม่โม่…”
มู่เฉียนซีต้องการให้เสี่ยวโม่ออกมา มันบินได้เร็วกว่าเป็นเท่าทวี
จากนั้นเหยียนกล่าว “น้องซีเอ๋อร์ สนามพลังของเมืองโบราณซางหลันไม่เหมือนกับสถานที่อื่น ๆ เดิมทีสัตว์วิญญาณที่มาจากภายนอกก็ไม่อาจบินในสถานที่แห่งนี้ได้ อย่างไรเสียความเร็วของสัตว์โบราณในสถานที่แห่งนี้ก็น่าตกใจไม่แพ้กัน”
เสี่ยวโม่โม่กล่าวด้วยท่าทางจนปัญญา “ฮือ ฮือ ฮือ! ข้าช่วยอะไรนายท่านไม่ได้ ที่นี่เป็นสถานที่บ้าบออะไรกัน”
“เช่นนั้นเสี่ยวโม่โม่ก็อยู่ในมิติไปก่อนก็แล้วกัน”
เหยียนที่เพิ่งกล่าวว่าสัตว์โบราณบินได้ของสถานที่แห่งนี้น่าเกรงขามไม่น้อย ไม่นานนักท้องนภาก็มีเงาดำทมิฬลอยผ่านมา ขณะที่สัตว์โบราณบินได้เหล่านั้นโบยบินมา มันก็แผ่ซ่านกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่ว
ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของพวกมันก็รวดเร็วเกินบรรยาย!
เหยียนหน้าถอดสีไปในทันที นางกล่าว “ในที่สุดก็ได้เจอซากนกเน่าจริง ๆ ด้วย เจ้านั่นอันตรายเกินไปแล้ว รีบหนีเร็ว!”
อย่างไรเสียทุกครั้งที่มีคนเข้าไปในเมืองโบราณซางหลัน พวกเขาก็จะทำการเก็บเกี่ยวข้อมูลข่าวสาร สถานที่ ภูมิศาสตร์ และภัยอันตรายต่าง ๆ ของสถานที่แห่งนี้มาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักเมืองโบราณซางหลันเป็นอย่างดี
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
พวกเขาหลบหลีกซากนกเน่าเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ทว่าการเคลื่อนไหวของพวกมันก็รวดเร็วราวกับสายฟ้าก็มิปาน ทำให้พวกเขาไม่สามารถหลบหลีกได้พ้น
เมื่อถูกโอบล้อมทั่วทุกทิศทางแล้ว พวกเขาก็ไร้ซึ่งทางหลีกหนี นอกเสียจากว่าพวกเขาจะบุกฝ่าวงล้อมออกไปได้เท่านั้น
เหยียนเป็นคนแรกที่ลงมือจัดการก่อน “ถึงแม้การโจมตีทางจิตวิญญาณของนางจะไม่ส่งกระทบใด ๆ ต่อซากนกเน่าเหล่านี้ ทว่าอย่างไรเสียนางก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้การโจมตีอื่น ๆ ของนางจะไม่อาจเทียบเคียงกับการโจมตีจิตวิญญาณได้ ทว่ามันก็ไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!” มู่เฉียนซีเองก็เริ่มลงมือแล้วเช่นกัน
ร่างสีดำวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว พลังโจมตีของฉู่หลีพุ่งโจมตีออกไปยอย่างไม่เกรงใจ
ครืน ครืน ครืน!
เมื่อทำการโจมตีฝ่าวงล้อมออกมาแล้ว หลังจากนั้นก็มีฝูงซากนกเน่าที่พุ่งออกมาอีกเป็นโขยง
“แคว่ก แคว่ก…”
สุ้มเสียงประหลาดแว่วดังขึ้น เหยียนกล่าวน้อง “ซีเอ๋อร์ ทำการป้องกันไว้ด้วย พวกมันจะโจมตีแล้ว การโจมตีของพวกมันสามารถทำให้ร่างกายคนเราเน่าเปื่อยได้ นี่เป็นจุดที่น่ากลัวที่สุดของพวกมัน”
ก่อนหน้านี้มีคนถูกพวกมันโจมตี แม้กระทั่งนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจรักษาให้ร่างกายที่เน่าเปื่อยของเขากลับมาเป็นปกติได้ คนผู้นั้นจึงจำต้องใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ทรมานไปชั่วชีวิต
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ขนนกจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมา ทว่าทันใดนั้นมันก็ได้กลายเป็นหยดน้ำฝนสีดำไปในชั่วพริบตา
สายลมได้โอบล้อมเป็นเกราะกำบังให้มู่เฉียนซี เหยียนและฉู่หลีก็ได้ระมัดระวังตัวมากขึ้น
เนื่องจากร่างกายที่แข็งแกร่ง การฝึกฝนธาตุวายุเพียงอย่างเดียวของนางในตอนนี้ ดูเหมือนจะยังไม่เคยนำทักษะวิญญาณการป้องกันออกมาใช้เลยสักครั้ง ดังนั้นการใช้สายลมมาต้านทานการโจมตีของซากนกเน่าสัตว์โบราณเหล่านี้จึงค่อนข้างยากลำบากไม่น้อย ทันใดนั้นร่างสีขาวก็ได้เข้ามากำบังไว้เบื้องหน้ามู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ศิษย์ที่รัก เป็นความผิดพลาดของข้าเอง เป็นความผิดของข้าเอง!”