ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1871 เจอกับเป่ยกงจั๋ว
ในฐานะที่จูเชว่เป็นหัวหน้าแหล่งข้อมูล คาดว่าหากเคยเห็นรูปร่างหน้าตาของมู่หลินหลางมาก่อน มันจะต้องทำให้เขาตื่นตกใจเป็นแน่
“ข้าไม่มีทางเป็นเช่นนั้นหรอก! ไม่ว่าซีซีจะมีรูปร่างหน้าตาเช่นไรข้าก็จะไม่ตกใจ” จูเชว่กล่าวด้วยความจริงใจ
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่หน้ากากของเขาพลางกล่าวว่า “ข้าก็ยังไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของเจ้าเลย! พวกเราก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“ใช่แล้ว! อย่ามาวุ่นวายกับศิษย์ที่รักของข้านะ! ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ถอดหน้ากากออกเสียสิ!” นิรันดร์กล่าวอย่างยั่วยุ
จูเชว่ที่ทุกข์ทรมานอยู่ภายในใจ ก็เงียบปากลงทันที!
“ชิ! ยังไงเดี๋ยวข้าก็รู้อยู่ดี” จูเชว่กล่าวอย่างอวดดี
เดิมทีแล้วการแปลงโฉมของมู่เฉียนซีก็สมบูรณ์แบบมากอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการช่วยเหลือจากนิรันดร์ก็ยิ่งสมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีก
เป่ยกงจั๋วและพรรคพวกของเขาใกล้ที่จะมาถึงเขตสัตว์ร้ายแล้ว และคนของทางพวกเขาก็ได้มาถึงแล้ว ซึ่งพวกเขาก็กำลังจะออกเดินทางแล้วเช่นกัน
“ศิษย์พี่ ท่านไม่กลับไปอยู่เป็นเพื่อนท่านอาจารย์ฉู่ที่สำนักลั่วเยว่หรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวพลางมองไปทางฉู่หลี
“อื้ม คอยคุ้มครองศิษย์น้องสำคัญกว่า” ฉู่หลีกล่าว
“แต่ทว่าครั้งนี้ เมื่อเทียบกับการทะเลาะวิวาทเล็ก ๆ น้อยกับสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงแล้วมันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเลยนะ” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วมุ่น
ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะมีพรสวรรค์เพียงใด แต่ทว่าในสายตาของคนระดับสูงของสำนักหลินเยว่ก็มองว่านางเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ทว่าเป่ยกงจั๋วนั้นไม่เหมือนกัน เพราะเขานั้นพยายามที่จะกำจัดนางทิ้งด้วยพลังทั้งหมดของเขา
ฉู่หลีกล่าวว่า “ข้าสามารถปกป้องศิษย์น้องได้!”
คำตอบของฉู่หลีนั้นหนักแน่นเป็นอย่างมาก และมู่เฉียนซีก็ไม่อาจที่จะโน้มน้าวเขาได้
“ท่านก็ต้องปกป้องตัวเองด้วย” มู่เฉียนซีกล่างอย่างเคร่งขรึม
จูเชว่กล่าวว่า “ซีซี พวกเราควรจะออกเดินทางได้แล้ว! มิเช่นนั้นจะช้ากว่าเป่ยกงจั๋วไปก้าวหนึ่ง”
“ได้! ไปกันเถอะ!”
พาหนะที่ใช้ในครั้งนี้เป็นสัตว์เทพที่บินได้ ด้วยความรวดเร็วฉับไว ทำให้เพียงไม่นานก็พุ่งทะยานมาจนถึงเขตสัตว์ร้ายที่อยู่ทางใต้สุดของราชวงศ์ตงหวงแล้ว
เมื่อไปถึงส่วนที่อยู่ริมสุดของเขตสัตว์ร้าย ก็มีสัตว์วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาโจมตี ซึ่งแต่ละตัวก็ได้ต่อสู้อย่างดุร้ายสมชื่อมาก ๆ
“คุณชาย ควรร่อนลงได้แล้วขอรับ! มิเช่นนั้นจะกลายเป็นเป้าเคลื่อนที่ให้ถูกล้อมโจมตีเอาได้”
“ตกลง เช่นนั้นก็รีบร่อนลงเร็วเข้า!”
หลังจากที่ได้ร่อนลงแล้ว พวกเขาก็พุ่งตรงเข้าไปยังส่วนลึกของเขตสัตว์ร้ายทันที
การร่วมมือกันของคุณชายจูเชว่และคุณชายไป๋เจ๋อ บวกกับหมอปีศาจอีกคนหนึ่ง จึงทำให้เป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ถึงความเร็วของพวกเขาจะเร็วมาก แต่มู่เฉียนซีกลับไม่ได้รั้งท้ายพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
พวกเขารู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ เนื่องจากภายในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่แล้วต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงขึ้นไปทั้งนั้น และมู่เฉียนซีที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งต้องผิดแผกแน่นอนอยู่แล้ว ฉะนั้นเรื่องนี้จึงทำให้พวกเขารู้สึกแปลกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ยอมให้ผู้ที่สามารถจะกลายเป็นคนถ่วงแข้งถ่วงขาเช่นนี้เข้ามาได้ นี่ความเฉลียวฉลาดของเหล่าคุณชายหายไปหมดแล้วหรือ? แต่ทว่าความเร็วที่มู่เฉียนซีเปิดเผยออกมาในตอนนี้ ทำให้พวกเขาไม่มองนางอย่างดูถูกเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
“โฮกกกกก!”
เมื่อมีมนุษย์บุกเข้าไปในเขตสัตว์ร้ายโดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากสัตว์วิญญาณเหล่านี้ จึงทำให้สัตว์วิญญาณเหล่านี้จู่โจมพวกเขา แต่ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือในกลุ่มของพวกเขา สัตว์วิญญาณเหล่านี้ก็หนีเตลิดไปทันที
พวกเขาได้แผ่กระจายแรงกดดันออกไป และมันก็ทำให้สัตว์วิญญาณเหล่านั้นไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้
เมื่อรอให้เข้าไปยังส่วนลึกของเขตสัตว์ร้าย มู่เฉียนซีก็กระซิบกระซาบกับจูเชว่ว่า “ให้ทุกคนลดความเร็วลงหน่อย ข้างหน้ามีคนอยู่ กลิ่นอายของพวกเขาแข็งแกร่งมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกของเป่ยกงจั๋ว ไม่คิดเลยว่าจะเผชิญหน้าเร็วถึงเพียงนี้”
ในเวลานี้ ฉู่หลีได้คว้าตัวมู่เฉียนซีเอาไว้แล้วกล่าวว่า “ศิษย์น้อง ความสามารถขอเจ้าจะโดดเด่นเกินไปแล้ว”
ความจริงนิรันดร์ก็คิดที่จะพูดเช่นกัน แต่กลับถูกฉู่หลีแย่งพูดไปเสียแล้ว
“ไอ้หนู หากเจ้ามีหนทางก็จัดการเสีย ข้าจะต้องกลับไปที่มิติพันธสัญญาของศิษย์ที่รักก่อน ส่วนเจ้าคนทรยศที่กำลังหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกค้นพบได้นั้นก็ต้องระมัดระวังเสียหน่อย” กล่าวจบนิรันดร์ก็กลับไปยังมิติพันธสัญญา
ฉู่หลีได้คว้ามือของมู่เฉียนซีเอาไว้ จากนั้นก็กล่าวว่า “ดูดซึม!” และเพียงไม่นานกลิ่นอายก็ได้เปลี่ยนไป เปลี่ยนจนมีกลิ่นอายที่คล้ายกับของฉู่หลี ทั้งยังมีความสามารถเหมือนกันกับฉู่หลีอีกด้วย
ถึงคนอื่นประหลาดใจเล็กน้อย แต่ทว่าผู้ที่ทำให้คุณชายทั้งสองสามารถให้ความสำคัญได้ถึงเพียงนี้ จะต้องมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่
จูเชว่กล่าวว่า “ช้าลงหน่อย! ข้างหน้ามีคนอยู่ จงเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้อยู่ตลอดเวลา”
“ขอรับ!”
พลังจิตวิญญาณของเป่ยกงจั๋วไม่แข็งแกร่งเท่ามู่เฉียนซี ฉะนั้นเขาจึงสัมผัสถึงพวกเขาได้ก็ต่อเมื่อเข้ามาใกล้แล้ว
“มีคน เป็นกองกำลังกองหนึ่ง ความสามารถแข็งแกร่งมาก” เป่ยกงจั๋วกล่าวอย่างเคร่งขรึม
เขาประหลาดใจเล็กน้อย นั่นจะใช่มู่เฉียนซีหรือไม่นะ?
แต่ทว่าด้วยความสามารถของมู่เฉียนซีไม่มีทางที่จะมียอดฝีมือไว้ในครอบครองมากมายถึงเพียงนี้ได้หรอก หรือบางทีนางอาจจะหามู่เฟิงอวิ๋นเจอแล้วอย่างนั้นหรือ?
ทว่ามู่เฟิงอวิ๋นไม่ใช่มู่เฟิงอวิ๋นคนก่อนหน้านี้อีกแล้ว และเขาก็ไม่มีความสามารถนี้เช่นกัน!
คอยสังเกตการณ์ไปก่อนก็แล้วกัน!
หากเป็นมู่เฉียนซี ด้วยพลังจิตวิญญาณของนางน่าจะค้นพบเขาเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่หลีกทางไปเลย
เป่ยกงจั๋วครุ่นคิดอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่นานทั้งสองกลุ่มก็มาเผชิญหน้ากัน
ชายที่สวมชุดสีแดงราวกับเปลวเพลิงเหลือบมองไปที่เป่ยกงจั๋วแล้วกล่าวทักทายว่า “โอ้! เป็นองค์รัชทายาทเป่ยกงจริง ๆ ด้วย! พวกท่านระดมพลมายังเขตสัตว์ร้ายของราชวงศ์ตงหวงเช่นนี้ หรือว่าจะค้นพบสมบัติอะไรบางอย่างแล้วอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นจะแบ่งมาให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่?”
นี่เป็นครั้งแรกที่จูเชว่และไป๋เจ๋อได้เห็นเป่ยกงจั๋วอย่างใกล้ชิดถึงเพียงนี้ องค์รัชทายาทเป่ยกงที่อยู่เบื้องหน้านี้ผู้นี้สวมชุดคลุมสีขาวสะอาด รูปร่างหน้าตางดงามประณีตราวกับรูปสลักก็มิปาน และเป็นบุรุษที่สมบุรณ์แบบราวกับเทพเจ้าอย่างไรอย่างนั้น
เป่ยกงจั๋วคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นคุณชายจูเชว่เองหรือ? ดูท่าแล้วทุกเรื่องบนดินแดนนี้ต่างก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาเจ้าไปได้เลยจริง ๆ! ยิ่งกว่านั้นข้าก็เดินทางผ่านมาจากทางใต้ด้วย”
จูเชว่นั้นกระตือรือร้นสูงราวกับเปลวเพลิง ส่วนเป่ยกงจั๋วนั้นสุภาพอ่อนโยนราวกับธารน้ำ
โม่ซวนกล่าว “จูเชว่นั้นชอบสร้างความวุ่นวาย ท่านเป่ยกงจั๋วโปรดอย่าถือสา! ท้ายที่สุดแล้วที่นี่ก็คืออาณาเขตของราชวงศ์ตงหวง พวกข้าคงจะรู้สึกเสียเกียรติยิ่งนักหากถูกผู้อื่นมาพรากสมบัติไป ทางราชวงศ์ยังไม่ได้มีการตอบสนองใด ๆ ออกมาก ดังนั้นทางพวกข้าจึงได้ล่วงหน้ามาก่อนอย่างเสียมารยาทเช่นนี้”
“ท่านผู้นี้น่าจะเป็นคุณชายไป๋เจ๋อสินะ!” เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนว่าสมบัตินั้นย่อมได้มาตามความสามารถ และข้าก็ไม่ได้สนใจมันอยู่แล้ว” ในขณะที่พูดอยู่นั้น สายตาของเขาก็กวาดมองไปทั่วทุกคน
มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณและผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้กำลังคนของทางฝ่ายพวกเขา คุณชายจูเชว่นั้นมีชื่อเสียงที่สมคำร่ำลือจริง ๆ เป็นคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์เลยทีเดียว!
ยอดฝีมือของอีกฝ่ายก็ไม่น้อยเช่นกัน เพียงแต่เขาไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายแววตาของเขาก็มาตกลงอยู่ที่คนทั้งสอง เป็นชายชุดสีดำคนหนึ่ง และหญิงสาวชุดสีม่วงคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มองไปยังหญิงสาวในชุดม่วงผู้นั้น เขาก็อดที่จะมองให้ทะลุปรุโปร่งทั้งนอกและในไม่ไหว
ร่างที่สวมชุดสีแดงร่างหนึ่งมาขวางหน้าของมู่เฉียนซีเอาไว้พลางกล่าวว่า “องค์รัชทายาทเป่ยกง ถึงท่านจะมีคนที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว! แต่หากยังมองยอดรักของข้าเช่นนี้ ข้าก็หึงหวงได้เช่นกันนะพ่ะย่ะค่ะ”
เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อยทั้งสองนี้ดูจะมีความสามารถที่แข็งแกร่ง ไม่ทราบว่าจะแนะนำสักหน่อยได้หรือไม่”
ฉู่หลีกวาดสายตามองไปยังเป่ยกงจั๋วอย่างเรียบเฉย นี่ก็เป็นอีกคนที่ทำให้ศิษย์น้องของเขาไม่สบอารมณ์
ในชั่วขณะหนึ่งเป่ยกงจั๋วสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความอันตราย เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางเท่านั้น มันจึงทำให้เป่ยกงจั๋วรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย
เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉู่หลี!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ฉู่จิ่ว!”
“ทั้งสองท่านเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันหรือ?” กลิ่นอายของทั้งสองนั้นใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก ซึ่งดูแล้วน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีมากเลยทีเดียว
ฉู่หลีกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “อืม!”
จากนั้นเขาก็ทำท่าคร้านที่จะสนใจเป่ยกงจั๋วออกมา และนั่นก็ทำให้องครักษ์ของเป่ยกงจั๋วผู้นั้นเดือดดาลขึ้น
“บังอาจนัก ไม่คิดเลยว่าจะไร้มารยาทกับองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้”
จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คนผู้นี้มีนิสัยเฉยเมยเช่นนี้อยู่แล้ว และเขาก็ทำเช่นนี้กับทั้งข้าและไป๋เจ๋อด้วยเช่นกัน เฮ้! ถึงอย่างไรพวกเราก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว องค์รัชทายาทเป่ยกงเป็นผู้ที่ใจกว้างมาตลอด คงจะไม่ถือสาหรอกใช่หรือไม่?”