ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1881 ยากที่จะซ่อนเร้น
ฉู่หลีกล่าว “ศิษย์น้องพักผ่อนให้เต็มที่!”
ในเมื่อนิรันดร์กล่าวมาเช่นนี้แล้ว มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกวางใจ
ทันใดนั้นร่างสีแดงก็วาบเข้ามาข้างใน คนที่มาถึงก็คือจูเชว่นั่นเอง
“ซีซี ข้าสั่งให้พ่อครัวฝีมือดีที่สุดทำอาหารรสเลิศให้เจ้าแล้ว มา ข้าจะป้อนเจ้าเอง!”
นิรันดร์กล่าวด้วยความโกรธ “ไสหัวไป! หากจะป้อนข้าจะเป็นคนป้อนเอง!”
“คนท่าทางสูงส่งอย่างเจ้าคงจะดูแลใครไม่เป็น ข้าไม่วางใจหรอก!” จูเชว่ตอบโต้กลับ
“ใครว่า ข้าดูแลผู้อื่นเป็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะการดูแลผู้หญิง”
“อ่อ! ดูเหมือนท่านนิรันดร์จะมีประสบการณ์มาไม่น้อยเลยนะ”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยท่าทางจนปัญญา “พวกเจ้าอย่าได้มาต่อล้อต่อเถียงกันเลย! จูเชว่ ทางฝั่งวังเป่ยกงมีข่าวคราวอันใดหรือไม่?”
“ไม่มีเลย ข่าวคราวถูกตัดไปหมดแล้ว แต่ข้าได้ซ่อนข่าวคราวของซีซีไว้แล้ว ดินแดนทางทิศใต้เป็นอาณาเขตของข้า ถึงแม้คนของราชวงศ์เป่ยกงจะมาตามหาตัวเจ้า ก็ไม่มีทางตามหาเจออย่างแน่นอน” จูเชว่กล่าว
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”
“ซีซีดูแลรักษาตัวให้ดี อย่าทำให้พวกเราต้องเป็นกังวลอีก”
เมื่อมีนิรันดร์อยู่ มู่เฉียนซีก็สามารถรักษาและฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อมู่เฉียนซีกำลังพักรักษาตัวอยู่นั้น จูเชว่ก็ไม่อยากรบกวน ในตอนนี้สภาพร่างกายของนางได้รับการฟื้นฟูแล้ว ความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจของจูเชว่ก็ได้ระเบิดออกมา
“ซีซีไม่เคยบอกชื่อที่แท้จริงกับข้า ข้ารู้สึกเสียใจมากจริง ๆ!” จูเชว่กล่าวด้วยความโศกเศร้า
“ข้ามีนามว่ามู่เฉียนซี ไม่ได้มีนามว่ามู่เฉินซี ส่วนเหตุผลที่ข้าเปลี่ยนนาม นั่นก็เป็นเพราะข้าต้องการฝึกฝนในแดนซวนเทียนด้วยความสงบไปก่อนสักระยะ พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าเป่ยกงจั๋วต้องการจับตัวข้า ไม่เพียงแค่นั้น คู่หมั้นของเขาอย่างมู่หลินหลางก็ต้องการกำจัดข้า หากนามที่แท้จริงและข่าวคราวของข้าไปถึงหูพวกเขา ข้าคงมีชีวิตที่สงบสุขต่อไปไม่ได้” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
จูเชว่กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ซีซีเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณสามธาตุ หากมู่หลินหลางจะจัดการเจ้าด้วยความหึงหวงก็เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เป่ยกงจั๋วจิตใจสกปรก คิดเพ้อฝันว่าต้องการซีซีไปเป็นชายา รนหาที่ตายชัด ๆ”
“แต่ข้ารู้สึกประหลาดใจมากว่าคนผู้นั้นเป็นใคร?” จูเชว่เอ่ยถาม
จูเชว่สัมผัสได้ว่าคนที่ทำให้ซีซียอมเสี่ยงอันตรายช่วยชีวิตนั้นจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แล้วคนผู้นั้นมีความสัมพันธ์อันใดกับองค์รัชทายาทเป่ยกงกันแน่?
หรือจะเป็นคนมากบุคลิก หรือยังมีเหตุผลอื่นอยู่อีก
มู่เฉียนซีกล่าว “เขาคือกู้ไป๋อี เป็นหนึ่งในคนที่สำคัญกับข้ามาก ๆ คนหนึ่ง ในตอนที่ปะทะกับเป่ยกงจั๋วในครั้งแรก เดิมทีก็ใกล้จะจัดการเจ้านั่นได้แล้ว แต่เขากลับใช้วิชาลับยึดร่างเสี่ยวไป๋ไป! ร่างนั้นไม่ใช่ของเป่ยกงจั๋ว”
“ร่างของเป่ยกงจั๋ว อยู่ที่นี่!” มู่เฉียนซีนำร่างของเป่ยกงจั๋วที่นางนำไปวางไว้ในมิติมาโดยตลอดออกมา ร่างของเขาถูกแช่อยู่ในยามานานขนาดนี้ ทว่ากลับไม่เปื่อยยุ่ยแต่อย่างใด
จูเชว่และโม่ซวนต่างก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง บุรุษที่แช่อยู่ในของเหลวสีโปร่งใสผู้นี้ละม้ายคล้ายคลึงกับเป่ยกงจั๋วที่พวกเขาได้พบเจอในเขตสัตว์ร้ายเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงจุดเล็ก ๆ เท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน
โม่ซวนกล่าว “พวกเขาทั้งสองมีหน้าตาคล้ายกันมาก”
“เสี่ยวไป๋ยังมีอีกนามหนึ่ง นามว่าเป่ยกงหาน เพียงแต่เขาไม่ชอบนามนี้ก็เท่านั้น”
เขามีนามของราชวงศ์เป่ยกงอันสูงส่งอยู่กับตัว ทว่านามนี้กลับไม่มีผู้ใดทราบ แม้กระทั่งจูเชว่ผู้รอบรู้ข่าวสารก็ยังไม่ทราบ
นามนี้ คนผู้นี้ดูเหมือนจะถูกลบออกจากราชวงศ์เป่ยกงไปแล้ว
“จากรูปร่างหน้าตานี้ พวกเจ้าเองก็ลองคาดเดาสถานะระหว่างพวกเขาดูสิ?”
โม่ซวนกล่าวตอบ “เป็นพี่น้อง เกรงว่าจะเป็นฝาแฝดด้วยกระมัง แต่ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีคนคนนี้อยู่ด้วย
ทั่วทั้งดินแดนซวนเทียนนอกจากมู่หลินหลางผู้มากความสามารถแล้วก็คือเป่ยกงจั๋ว องค์รัชทายาทเป่ยกง
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้คำที่งดงามน่าฟังที่สุดในใต้หล้าไปบรรยายเขา เรียบเรียงเล่าขานจนเขาราวกับเป็นตำนาน เป็นโอรสสวรรค์ที่ยากนักจะได้พบเจอ
ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่าเสด็จพี่ผู้เป็นฝาแฝดของเขาจะเงียบหายไปอย่างไร้เงาเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “ส่วนความเป็นมาเป็นไปของข้า ตัวข้าเองก็มีความลับอยู่หลายอย่างที่ไม่อาจบอกพวกเจ้าได้ แต่การที่พวกเจ้าเสี่ยงอันตรายต่อสู้กับเป่ยกงจั๋วเคียงข้างข้าในครั้งนี้ ทำให้ข้าตัดสินใจที่จะบอกพวกเจ้า และข้าก็คิดว่าพวกเจ้าจะไม่นำไปบอกกับผู้อื่น”
“เรื่องของข้าข้าก็ได้บอกไปหมดแล้ว เช่นนั้นจูเชว่ เจ้า…”
สายตาของมู่เฉียนซีสาดส่องไปที่หน้ากากของจูเชว่ จากนั้นจึงจะกล่าว “ข้าควรเรียกเจ้าว่าจูเชว่! หรือเหยียนดีล่ะ?”
จูเชว่กล่าว “จูเชว่เป็นเพียงนามแฝงของข้าเท่านั้น ก็เหมือนกับเสี่ยวซวนซวนที่ถูกเรียกว่าคุณชายไป๋เจ๋อนั่นแหละ ข้ามีนามว่าเหยียน เหยียนตัวอักษรเดียวเท่านั้น ข้าไม่ได้ตั้งใจหลอกซีซีหรอกนะ ข้าเองก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงเหมือนกัน…”
มู่เฉียนซีจึงแสดงออกว่าเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี “ก็เพียงแค่บุรุษที่มีรสนิยมชอบแต่งกายเป็นสตรีเท่านั้น เรื่องนี้ข้ายังพอรับได้”
จูเชว่แทบอยากจะร้องไห้ออกมา “ข้า…ข้าไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นเสียหน่อย! เพียงแต่เรื่องที่ข้ารู้มันมีมากเกินไป การที่มีสถานะบุรุษและสตรีจึงจะปลอดภัยที่สุด แบบนี้จึงจะไม่มีผู้ใดตามหาร่องรอยของข้าเจอ ข้าเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนกัน!”
“หลีกเลี่ยงไม่ได้ เหตุใดข้าจึงดูไม่ออกเลยนะ? โม่ซวนเจ้าว่าอย่างไร?”
โม่ซวนกล่าว “อืม! เพราะเขาหน้าตางามเดินไป จึงชอบเล่นอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก”
“ใส่ร้ายกันชัด ๆ! ข้าเพียงแค่ชอบเปลี่ยนมาแต่งอาภรณ์ในแบบสตรีเท่านั้น แต่ข้าก็ยังมีความเป็นชายอยู่มาก ซีซีเจ้าจะต้องเชื่อข้านะ”
นิรันดร์กล่าว “ทั้ง ๆ ที่บอกว่าชอบแต่งอาภรณ์ของสตรีแล้วแท้ ๆ เจ้าไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว อธิบายไปก็กลายเป็นกลบเกลื่อน”
จูเชว่อยากจะวิ่งเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด เขาคาดไม่ถึงเลยว่าตัวตนของตนเองจะต้องถูกเปิดเผยรวดเร็วถึงเพียงนี้
เขาเอ่ยถาม “ซีซี เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าสงสัยตั้งแต่ช่วงเดินทางไปเมืองหนานหวางแล้ว เจ้าเดินตามรอยเท้าของจูเชว่ทุกกระเบียดนิ้ว รู้จักเขามากเกินไป อีกทั้งยังเผยข้อพิรุธออกมานับไม่ถ้วน”
“แน่นอนว่าข้าก็เพียงแค่สงสัยเท่านั้น แต่แล้วเจ้าก็ได้ใช้กระดิ่งเก้าชั้นของเหยียนในสถานะของจูเชว่ ในตอนนั้นข้าจึงมั่นใจ! ที่คนอื่น ๆ ไม่รู้เพราะเจ้าไม่ได้คลุกคลีกับคนอื่น ๆ มากนัก เจ้าจึงใช้สองสถานะสลับเปลี่ยนกันไปมาได้ แต่ก็มีหลาย ๆจุดที่ข้าไม่ได้พิจารณาก็เลยไม่ได้สงสัยอะไร”
จูเชว่กล่าวด้วยความทอดถอนใจ “ดูเหมือนข้าจะยังปลอมตัวได้ไม่แนบเนียนมากพอ ข้ายังต้องฝึกฝนต่อไป”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้ทางฝั่งของราชวงศ์เป่ยกงจะไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะเป่ยกงจั๋วยังชิงร่างของเสี่ยวไป๋กลับมาไม่ได้ แต่ข้าคงอยู่ในดินแดนทางทิศใต้อีกไม่นาน คนพวกนั้นจะได้ไม่มาราวีข้าอีก เพราะฉะนั้นจึงต้องรีบหาดอกเยว่เซิงสมุนไพรวิญญาณชนิดสุดท้าย”
“ซีซีเจ้าไม่ต้องออกจากดินแดนทางทิศใต้หรอก ที่นี่เป็นอาณาเขตของข้า ข้าไม่กลัวพวกเขาสักหน่อย”
“ข้ากลัวว่าเป่ยกงจั๋วจะเป็นหมาจนตรอกแล้วรีบวิ่งแจ้นไปร่วมมือกับมู่หลินหลาง ถึงยามนั้นหากมีศัตรูขนาบทั้งสองฝ่ายคงไม่ดีแน่ ดังนั้นการจากไปไม่ใช่การยอมแพ้ อีกอย่างข้าก็อยากจะออกไปฝึกฝนที่ที่อื่น ๆ ด้วย” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
“เมื่อมีเจ้านี่อยู่การจะหายสมุนไพรวิญญาณก็ใช้เวลาไม่นานเท่านั้น! ศิษย์ที่รักพวกเรารีบรักษาเจ้าตัวที่ใกล้จะตายนี่ให้หายดีแล้วรีบออกจากที่นี่ดีกว่า ข้ารำคาญคนพวกนี้จะตายอยู่แล้ว” นิรันดร์นำหม้อยาหม้อหนึ่งที่ส่องประกายสีทองระยิบระยับมาวางไว้เบื้องหน้ามู่เฉียนซี
หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุที่เพิ่งทลายผนึกลงจนอ่อนแอก็กลายเป็นคนไร้ค่าไปชั่วขณะ เขาจึงไม่อาจช่วยอะไรได้ และประจวบกับมู่เฉียนซีบาดเจ็บสาหัส พวกของนิรันดร์จึงลืมเขาไปเสียสนิท
ทว่าเขาก็ได้ตามมาด้วยท่าทางน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง ถึงจะต้องตายเขาก็จะไม่ไป หม้อศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุกล่าวด้วยท่าทางเชื่อฟัง “สวัสดีนายท่าน นายท่าน ข้าคือเสี่ยวอู่ เสี่ยวอู่สุดน่ารัก! ความสามารถของข้านอกจากจะช่วยนายท่านปรุงยาได้แล้ว ยังสามาถช่วยนายท่านตามหาสมุนไพรวิญญาณได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นจอมเก็บสมุนไพรวิญญาณด้วย ข้าขอร้องให้นายท่านรับข้าไว้ด้วยเถิด ฮือ ฮือ ฮือ…”
“นายท่านจะต้องรับข้า รับข้าเท่านั้นนะ!”