ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 189 พลังจงลดลง
ผู้เฒ่าใหญ่ “เขาเป็นหลานชายของท่านผู้เฒ่าหก หน้าตาเขาเหมือนผู้เฒ่าหกก็ไม่เห็นแปลก”
มู่เฉียนซีกล่าว “เท่าที่ข้ารู้มาผู้เฒ่าหกไม่มีหลานมิใช่รึ ?”
ผู้เฒ่าใหญ่ตอบกลับ “เอ่อคือ… ท่านผู้นำตระกูล เขาเป็นหลานที่…”
มู่เทียนกล่าวแทรก “จะถามอะไรให้มากความ หรือว่าท่านผู้นำตระกูลจะกลัวข้าแล้ว ? หากกลัวก็ยอมแพ้เสียเถอะ! ประเดี๋ยวถึงเวลาเข้าจริง ๆ ข้าจะได้ไม่ต้องทำให้ท่านผู้นำบาดเจ็บ”
มู่เฉียนซีหันกลับไปถามท่านผู้เฒ่า “ผู้เฒ่าใหญ่ วันนี้เป็นวันเลี้ยงฉลองที่ข้าเป็นผู้ใหญ่ แต่ข้ายังไม่เห็นหน้าผู้เฒ่าหกเลย”
ผู้เฒ่าใหญ่เหงื่อไหลพราก หรือว่ามู่เฉียนซีจะจับผิดได้ ? แต่ต่อให้นางจับผิดได้ นางก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี
มู่เฉียนซีนำเอากระบี่มังกรเพลิงชี้ไปที่มู่เทียนพลางกล่าว “ข้ากลัวเจ้าตอนไหนรึ ? วันนี้ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด ข้าจะทำให้เจ้าพ่ายแพ้ไม่เหลือชิ้นดี”
“เหอะ! คุยโวอย่างไร้ยางอาย …พลังวายุพิฆาต!” มู่เทียนตะโกน
วิชามีดของเขานั้นเหี้ยมโหดนัก ทว่าปลายกระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีชี้ขึ้นฟ้า ฉับพลันทันใดมังกรเพลิงแดงฉานพุ่งเข้าใส่ร่างของมู่เทียนทันที
“หลงเหยียนพิฆาต!”
อันตรายยิ่งนัก!
สีหน้ามู่เทียนพลันเปลี่ยนไปทันที เมื่อมังกรเพลิงแดงฉานนั้นใกล้เข้ามา เขารีบหลบอย่างรวดเร็วทว่ายังหลบช้าไป ร่างของเขานั้นโดนมังกรเพลิงแดงฉานแผดเผาในทันที
ทันใดนั้นพลังอันแกร่งกล้าอย่างหาที่เปรียบมิได้พลันระเบิดออกมา เขาได้ปกป้องตัวเองภายในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้
“อ๊าก! พรวด! พรวด! พรวด!” มู่เทียนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและกระอักเลือดคำโตออกมาอย่างต่อเนื่อง
เขาประเมินนางต่ำไปจริง ๆ เขาไม่คิดเลยว่าคนอย่างมู่เฉียนซีจะบีบให้เขาถึงทางตันและทะลวงพลังปรมาจารย์ยุทธ์ระดับสูงสุดออกมาได้
ทุกคนตกตะลึงกับการโจมตีเมื่อครู่นี้อย่างมาก แม้ว่าการโจมตีของนางสามารถทำให้ปรมาจารย์ยุทธ์บาดเจ็บสาหัสได้ มู่เทียนในตอนนี้ยังมีลมหายใจ ถึงแม้ว่าผมเผ้าและเสื้อผ้าของเขาจะถูกเผาอย่างน่าสังเวช ผิวหนังไหม้เกรียม ทว่าเขาก็ยังมีลมหายใจอยู่!
มู่เทียนพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี ตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “มู่เฉียนซี วันนี้เจ้าไม่มีทางชนะเป็นอันขาด!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ทันใดนั้นพลังของมู่เทียนระเบิดขึ้นอีกครั้ง เขาทะลวงพลังเป็นราชายอดยุทธ์ระดับสูงสุดภายในชั่วพริบตาเดียว
ทุกคนผงะไปตาม ๆ กัน “เป็นไปได้อย่างไร ? ภาพลวงตาเป็นแน่! อายุสิบห้าสิบหกกลับทะลวงพลังเป็นถึงราชายอดยุทธ์ระดับเก้า เก่งกาจกว่านายท่านสามในตอนนั้นเสียอีก”
“ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเป็นแน่ เกิดอะไรขึ้นกับมู่เทียน ?”
ผู้มีอายุไม่ถึงยี่สิบปีจะทะลวงพลังเป็นถึงราชายอดยุทธ์ระดับเก้า เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
มู่อวู่ซวงกล่าวถามขึ้นด้วยความสงสัย “ผู้เฒ่าใหญ่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”
ผู้เฒ่าใหญ่ขมวดคิ้วมุ่น เขาเองก็ไม่คิดเช่นกันว่ามู่เทียนจะถูกมู่เฉียนซีบีบบังคับจนทะลวงพลังออกมาเช่นนี้ เขายิ้ม กล่าวว่า “เมื่อครั้งยังเด็ก มู่เทียนได้รับโอกาสให้ฝึกฝน พลังของเขาจึงพุ่งสูงเช่นนี้”
มู่เทียนกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “มู่เฉียนซี เมื่อก่อนเจ้ามันขยะไร้ความสามารถ แต่มาวันนี้เจ้ากลับมีความสามารถขึ้นมาก็นับว่าเป็นโชคดีของเจ้า แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแข็งแกร่งไปกว่าข้าเป็นอันขาด!”
“เจ้ารู้เอาไว้เลยว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ผู้อัจฉริยะมิใช่ว่าเจ้าจะเป็นได้เพียงผู้เดียว หากวันนี้เจ้าพ่ายแพ้ เจ้าก็จงสละตำแหน่งผู้นำตระกูลซะ! ตำแหน่งผู้นำตระกูลมู่มันไม่เหาะสมกับคนอย่างเจ้า!”
มู่เทียนในตอนนี้ยิ่งผยองมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาพยายามยั่วโทสะมู่เฉียนซีอย่างสุดความสามารถ
ดวงตาของมู่อวู่ซวงในเวลานี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เขาตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้า… บังอาจยิ่งนัก!”
ผู้เฒ่าใหญ่กล่าวขึ้น “นายท่านสาม นี่เป็นการประลองของเด็กรุ่นหลัง นายท่านสามอย่าเข้าไปก้าวก่ายเลยจะดีกว่า ข้าเชื่อว่ามู่เทียนแยกแยะได้ เขาไม่มีวันทำร้ายท่านผู้นำตระกูลเป็นแน่”
มู่เฉียนซีแค่นเสียงเยียบเย็น “เจ้าคิดว่าเจ้าทะลวงพลังเป็นราชายอดยุทธ์ระดับสูงแล้วจะหยิ่งผยองได้รึ ? พลังจงลดลง!”
ต่อมาทุคนก็ได้เห็นในสิ่งที่เหลือจะเชื่อ หลังจากที่มู่เฉียนซีตะโกนสั่งให้พลังลดลง ทันใดนั้นพลังความแข็งแกร่งของมู่เทียนก็ลดลง
มันลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ พลังของมู่เทียนลดลงเหลือเพียงปรมาจารย์ยุทธ์ระดับเก้า!
สวรรค์! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พลังลดลงสั่งได้รึ ?
เหล่าผู้เห็นเหตุการณ์ปากอ้าตาค้าง พวกเขามองมู่เทียนด้วยความประหลาดใจ ทว่ามู่เทียนเป็นผู้ที่ประหลาดใจยิ่งกว่า เขากล่าวขึ้นว่า “อ๊าก! มู่เฉียนซีเจ้าทำอะไรกับข้า ? เจ้า… เจ้า…”
มู่เทียนไม่ทันได้สังเกตเห็น ในตอนนี้นั้นมีเข็มยาขนาดเล็กปักฝังอยู่ตรงหลังหูของเขา
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวอย่างพึงพอใจ “เสี่ยวหง เจ้าทำได้ไม่เลว”
หลังจากที่นางโจมตีด้วยพลังหลงเหยียนพิฆาตเมื่อครู่ เสี่ยวหงก็ซ่อนตัวในเปลวไฟนั้นออกไปด้วย เสี่ยวหงอยู่ในระดับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นความเร็วของมันจึงรวดเร็วมาก แน่นอนว่าพลังความแข็งแกร่งของมันสูงกว่ามู่เทียน ตอนที่มันเอาเข็มยาแทงเข้าที่หลังหูของมู่เทียน มู่เทียนไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไร้เดียงสา “มู่เทียน เจ้าหลงทำอะไรผิดไปจนพลังและวิชาของเจ้าเสื่อมลงเอง แล้วเจ้าจะมาโทษข้าได้อย่างไร ? มีผู้อื่นจับตามองมากมายเช่นนี้ ข้าเป็นแค่เพียงจอมภูตระดับเจ็ดจะไปทำอะไรราชายอดยุทธ์อย่างเจ้าได้ ?”
ทุกคนกล่าวพลางทอดถอนใจ “ที่แท้ก็วิชาเสื่อมลงนี่เอง ฟังแล้วดูมีเหตุมีผลดีแท้”
“คราวหน้าเวลาพวกเราจะฝึกวิชาอะไรก็ต้องศึกษาให้ดี ๆ แล้ว มิเช่นนั้นอาจจะตกม้าตายเอาได้ ถึงตอนนั้นแล้วต้องนอนร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นแน่”
“ข้าก็ว่าอยู่แล้วเชียว เจ้าเด็กมู่เทียนยังเยาว์นัก อายุแค่สิบห้าสิบหก จะไปมีพลังถึงขั้นราชายอดยุทธ์ได้อย่างไรกันเล่า ที่แท้ก็เล่นวิชาแรงเช่นนี้นี่เอง เป็นอย่างไรล่ะ ลงเอยเช่นนี้ สมน้ำหน้าจริง ๆ”
เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน มู่เทียนโกรธจัด ตะโกนขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด “ไม่ใช่เช่นนั้นเสียหน่อย พวกเจ้าไม่รู้เรื่องก็หุบปากไปเสียดีกว่า!”
“ต้องเป็นมู่เฉียนซีแน่ ๆ มู่เฉียนซีนางต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรบางอย่างกับข้าแน่ ๆ!”
มู่เฉียนซียิ้มเยาะเย้ยก่อนจะกล่าวว่า “เจ้ายังต้องการจะสู้ต่อหรือไม่ล่ะ ? หากไม่สู้ก็ยอมแพ้แล้วไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
มู่เทียนกำมีดแน่น พุ่งเข้าหามู่เฉียนซี “มู่เฉียนซี เจ้าอย่าดีใจเร็วไปนัก ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ต่อให้พลังของข้าจะลดระดับลงเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ระดับเก้าก็ตามแต่ อย่างไรข้าก็ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อเจ้าเป็นอันขาด ข้าไม่ใช่เจ้าขยะไร้ประโยชน์อย่างมู่ฮ่าว!”
“พลังทมิฬ!”
ฉับพลันทันใด มีดสั้นในมือมู่เทียนเคลื่อนไหวราวกับเสือโคร่งสีดำพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี การโจมตีครั้งนี้เขาบีบเค้นเอาศักยภาพทั้งหมดของเขาออกมา แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บมากเพียงใด ก็หมายใจว่าจะต้องฆ่าสังหารมู่เฉียนซีสตรีมากอุบายผู้นี้ให้ได้
ทันใดนั้นเอง พลังในร่างของมู่เฉียนซีพลันผันผวนขึ้นก่อนจะระเบิดออกมา นางทะลวงพลังเพิ่มขึ้นอีกระดับแล้ว
คนผู้หนึ่งอุทาน “ท่านผู้นำตระกูลมู่! ท่านผู้นำตระกูลมู่ทะลวงพลังเลื่อนขั้นแล้ว”
“พลังของท่านผู้นำตระกูลมู่ถึงขั้นจอมภูตระดับแปดแล้ว โอ้!”
“เมื่อตอนที่ท่านผู้นำตระกูลมู่เป็นจอมภูตระดับเจ็ดนางยังจัดการกับพลังระดับเก้าได้อย่างง่ายดาย มาบัดนี้นางพัฒนาไปเป็นระดับแปด คู่ต่อสู้นางมีหวังต้องตายเป็นแน่แท้”
กระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีขยับและกวาดผ่านอากาศเบา ๆ เสียงอันเย็นยะเยือกดังก้องขึ้น
“เหยียนหลงพิฆาต!”
มังกรเพลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังเหยียนหลงพิฆาตนี้ หากมู่เทียนยังเป็นราชายอดยุทธ์ระดับเก้า เขาจะสามารถต้านทานพลังนี้เอาไว้ได้ น่าเสียดาย เขาเป็นเพียงปรมาจารย์ยุทธ์ระดับเก้าเท่านั้น ชะตากรรมของเขาถูกลิขิตให้น่าสังเวชอย่างยิ่ง
“อ๊าก!” เสียงร้องตะโกนที่เสียดแทงหัวใจดังขึ้น ทุกคนได้กลิ่นเนื้อย่างไหม้เกรียมพร้อม ๆ กัน
— ตูม! —
ร่างของมู่เทียนกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง ทั่วทั้งร่างของเขาขณะนี้มีแผลลึกจนเห็นกระดูกโผล่ออกมา เส้นลมปราณทุกเส้นก็แตกสิ้นเสียแล้ว
ผู้เฒ่าใหญ่โกรธจนใบหน้าหม่นคล้ำ เขาลุกพรวดยืนขึ้นก่อนจะตะโกนอย่างเดือดดาล “ท่านผู้นำ! วันนี้เป็นเพียงแค่การท้าประลองของลูกหลานในตระกูล เหตุใดผู้นำตระกูลถึงได้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมไร้ปรานีเช่นนี้ ทำร้ายลูกหลานรุ่นหลังของตระกูลให้บาดเจ็บสาหัสเจียนตาย ข้าในฐานะผู้เฒ่าที่อยู่ในตระกูลมู่มายาวนานเจ็บปวดใจยิ่งนัก!”
ผู้เฒ่ารองก็ยืนขึ้นเช่นกัน เขารีบกล่าวให้ร้ายไม่ไว้หน้ามู่เฉียนซี “ข้าว่าท่านผู้นำตระกูลต้องอิจฉาริษยาในความสามารถและความอัจฉริยะของมู่เทียนเป็นแน่ ถึงได้รีบกำจัดมู่เทียนเช่นนี้”
มู่เฉียนซีแสดงสีหน้าอ่านยาก “เหอะ! อิจฉาริษยาความสามารถของเขาเช่นนั้นรึ ? พวกเจ้าคิดว่าข้าจะริษยาเจ้าเศษสวะไร้ประโยชน์นี่หรืออย่างไร ? เขาที่ฝึกฝนมาเป็นห้าสิบหกสิบปีกว่าจะได้เป็นราชายอดยุทธ์ระดับเก้านี่น่ะรึ ?”