ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1894 น่าเสียดายมาก
ตูมม!
ร่างกายของโม่ซวนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ใบหน้านั้นไม่ได้ขาวซีดเหมือนกับคนป่วยอีกแล้ว แต่มันกลายเป็นสีขาวอมชมพู อีกทั้งยังดูสุขภาพดีมากด้วย
นอกจากนี้ โม่ซวนยังบรรลุได้แล้ว!
ผลของการให้ยาลูกกลอนขั้นเทวะเก้าชั้นนั้นแข็งแกร่งมาก บวกกับที่ตลอดหลายปีมานี้เนื่องด้วยสภาพร่างกายของโม่ซวนขัดขวางไม่ให้เขาสามารถบรรลุได้
แต่เมื่อตอนนี้มียาลูกกลอนขั้นเทวะเก้าชั้นคอยกระตุ้นไปด้วย จึงทำให้มันปะทุออกมาในทันที
เขาบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ และผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง จากนั้นก็ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง และสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามภายในเวลาอันรวดเร็ว
มีคนกล่าวด้วยความตื่นตกใจว่า “พระเจ้า! ร่างกายของคุณชายโม่ซวนดีขึ้นแล้วจริง ๆ ด้วย”
“ไม่เพียงแต่ดีขึ้นเท่านั้นยังเลื่อนขั้นต่ออีกด้วย เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามที่อายุน้อยเพียงเท่านี้ จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
“ยาลูกกลอนขั้นเทวะเก้าชั้น เป็นยาลูกกลอนขั้นเทวะเก้าชั้นจริง ๆ ท่านหมอผู้นั้นเก่งกาจเกินไปแล้ว”
จูเชว่ก็ตะลึงงันไปเช่นกัน “ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ให้ตายเถอะ! ไม่คิดว่าข้าจะถูกแซงหน้าไปแล้ว มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าเนี่ย! จะโชคดีเกินไปแล้ว”
สีหน้าของคนจากสำนักหลางชิงก็พลันซีดเผือด “บัดซบ! มีคนขวางหูขวางตาเพิ่มมาอีกคนแล้ว ก็แค่คนที่อาศัยยาลูกกลอนขั้นเทวะในการบรรลุเท่านั้น ไม่มีทางเทียบกับฝ่าบาทได้หรอก”
โม่ซวนไม่เพียงแต่กลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเท่านั้น แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของตนเองนั้นก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
หากว่าตอนนี้จะให้เขาหลอมยาขั้นศักดิ์สิทธิ์ออกมา ก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถทำสำเร็จได้ถึงเจ็ดส่วนเลยทีเดียว
นิรันดร์รู้สึกว่า ถึงจะต่อสู้กับฉู่หลีไปก็ไร้ความหมาย เพราะอย่างไรก็ไม่อาจที่จะฆ่าคนผู้นี้จริง ๆ ได้ สุดท้ายแล้วเขา…
เขาจึงร่อนลงมาอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าหนูนั่นฟื้นตัวได้แล้ว เช่นนั้นศิษย์ที่รัก พวกเราลงไปเก็บกวาดเจ้าพวกขยะเหล่านั้นกันเถอะ!”
“ตกลง!” มู่เฉียนซีกล่าวพลางพยักหน้ารับ
ทันทีที่นิรันดร์โบกมือ อาณาเขตป่าดอกท้อแห่งสายลมก็หายวับไปในชั่วพริบตา
สายลมที่พัดผ่านไป ทำให้ดอกท้อปลิวว่อนไปในอากาศทั่วทั้งเมืองหนานหวาง
เมืองหนานหวางถูกปกคลุมไปกลีบดอกท้อสีชมพู ราวกับกำลังมีหิมะโปรยปรายลงมาอย่างไรอย่างนั้น
นิรันดร์ยังคงยืนอยู่กลางอากาศ และกวาดสายตามองไปยังทุกคนที่อยู่เบื้องล่าง
เขากล่าวว่า “ข้าผู้นี้คืออาจารย์ของหมอปีศาจ ทั่วทั้งปรภพนี้ หากผู้ใดกล้ามาแตะต้องสิ่งของของศิษย์รักของข้า จะต้องตายอย่างไม่ได้รับการให้อภัย!”
ตัวตนของท่านผู้นี้ ในที่สุดก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนเสียที
เขาไม่ใช่หมอปีศาจอย่างที่พวกเขาได้คาดเดาไว้ แต่กลับเป็นอาจารย์ของหมอปีศาจ ขนาดอาจารย์ยังเก่งกาจเช่นนี้แล้วพลังของท่านหมอปีศาจจะอ่อนแอได้อย่างไร? และทั้งสองคนนี้ก็คงไม่มีผู้ใดยั่วยุได้เป็นแน่!
อุณหภูมิของสายลมในอากาศลดต่ำลงอย่างกะทันหัน ซึ่งมันก็ทำให้ผู้ที่ได้สัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว โดยเฉพาะคนจากสำนักหลางซิงเหล่านั้น
ในเวลานี้พวกเขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าความน่าสะพรึงกลัวคืออะไร
“ถอย! รีบถอยเร็วเข้า!”
ผู้ที่สามารถกลายเป็นนักปรุงยาระดับเทพขั้นที่เก้าได้ จะมีความสามารถที่อ่อนแอได้อย่างไร? อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีความสามารถเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณระดับสูง ซึ่งคนที่มีความสามารถเช่นนี้ พวกเขาไม่อาจที่จะยั่วยุได้เลย
“ถอยเร็ว! รีบถอยเร็วเข้า!”
“กลับสำนัก!”
“……”
นิรันดร์กล่าวอย่างยิ้มเยาะว่า “จะหนีรึ ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว!”
ทันทีที่นิรันดร์โบกมือ จากนั้นดอกท้อที่อยู่บนพื้นก็กลายเป็นกำแพงมาขวางกั้นพวกเขาเอาไว้
เห็นได้ชัดว่ากำแพงที่ทำมาจากกลีบดอกไม้ ซึ่งดูแล้วเปราะบางเป็นที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำลายมันได้
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คนของสำนักหลางซิง อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว ฆ่ามัน!”
ไป๋เจ๋อรีบพุ่งทะยานลงไป ร่างกายของเขากลับมาแข็งแรงแล้ว อีกทั้งความสามารถก็ยกระดับขึ้นอีกด้วย มันจึงทำให้เขาคิดอยากที่จะสังหารศัตรูเหล่านี้ให้หมดไปอย่างรววดเร็ว
ตูมมม โครมมมม!
นิรันดร์พุ่งเข้าไปกลางค่ายของศัตรู ราวกับจิ้งจอกที่เข้าไปกลางฝูงแกะ และกวาดล้างไปจนสิ้นซาก
“อ๊ากกกก!”
“พวกเจ้าฆ่าข้าไม่ได้ สำนักหลางซิงของพวกข้าเป็นถึงกองกำลังระดับสี่เชียวนะ”
นิรันดร์กล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “ก็เป็นเพียงสำนักขยะของกองกำลังระดับสี่เท่านั้น ทำลายพวกเจ้าแล้วมันจะเป็นอะไรไปล่ะ?”
“นายท่านโปรดไว้ชีวิตด้วย! นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด! เข้าใจผิดแล้ว!”
พวกเขาถูกทำให้หวาดกลัวไปอย่างสิ้นเชิง และพวกเขายังทำได้เพียงแต่ร้องขอความเมตตาเท่านั้น!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เป็นพวกเจ้าที่มาเป็นไก่ให้พวกข้าได้เชือดให้ลิงดู หากยอมปล่อยพวกเจ้าไป การเชือดไก่ให้ลิงดูมันคงจะไม่ได้ผลเอาน่ะสิ”
“เสี่ยวโม่โม่ เผาพวกมันซะ!”
“เจ้าค่ะ!”
ตูมมม โครมมม!
กลุ่มคนจากสำนักหลางซิงที่มาจัดการหอหมอปีศาจกลุ่มนี้ได้ถูกทำลายไปแล้ว รวมไปถึงยอดฝีมือระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณที่มู่หลินหลางส่งมาก็โดนไปด้วยเช่นกัน
ทางด้านของตระกูลตานก็น่าสังเวชไม่ต่างกัน และผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นต่างก็ตายไปจนหมดสิ้นแล้ว
นี่เป็นการต่อสู้ที่ถูกบดขยี้เพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะความสามารถที่แสดงออกมาให้ได้เห็นของนิรันดร์ ทำให้เหล่าคนที่เดิมทีรู้สึกไม่พอใจกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ของหอหมอปีศาจจนต้องการจะจัดการเสีย แต่ในตอนนี้แม้ว่าจะให้ความกล้าหาญพวกเขาอีกมากมายก็คงไม่กล้าอีกแล้ว
การร่วมมือกันในการจัดการหอหมอปีศาจของตระกูลตานและกองกำลังระดับสี่อย่างสำนักหลางซิง ก็จบลงด้วยความล้มเหลวของพวกเขา
จากสงครามใหญ่ในครานี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นหมอปีศาจ แต่ก็ยังได้เห็นท่านนักปรุงยาระดับเทพขั้นที่เก้าที่เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แทน
การมีอยู่ของท่านนี้ แม้แต่กองกำลังระดับห้ายังไม่มีเลยด้วยซ้ำ และหลังจากนี้หากผู้ใดหาญกล้ามายั่วยุหอหมอปีศาจอีก นั่นก็คือการรนหาที่ตายอย่างสมบูรณ์
สงครามครั้งใหญ่ได้สิ้นสุดลง และการเก็บกวาดก็เป็นไปอย่างราบรื่น
จูเชว่เดินไปทางนิรันดร์แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือซวน”
ร่างกายของซวนนั้นแย่มาก เขาหานักปรุงยามามากมายเพื่อหาทุกวิถีทาง ก่อนหน้านี้เขาเคยกลัวว่ายังไม่ทันรอให้พวกเขาแยกกันไปก้าวหน้า พวกเขาคงจะต้องเสียผู้เปรียบเสมือนพี่น้องผู้นี้ไปเสียแล้ว
โชคดีที่…
นิรันดร์กล่าวว่า “ผู้ที่เจ้าควรจะขอบคุณคือศิษย์ที่รักของข้า หากไม่ใช่เพราะศิษย์ที่รักของข้า ข้าผู้นี้ไม่มีทางลงมือแน่!”
“ศิษย์ที่รัก ข้ารู้สึกมึนหัวนิดหน่อย! ทรมานเหลือเกิน!” และร่างทั้งร่างของนิรันดร์เซถลาไปทางมู่เฉียนซี จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้พยุงรับนิรันดร์เอาไว้
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นิรันดร์!”
นิรันดร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์ที่รักเป็นห่วงข้าด้วย ช่างดีจริง ๆ!”
มู่เฉียนซีผลักนิรันดร์ออกไป หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “จูเชว่ โม่ซวน ที่นี่มอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว”
“ได้!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นิรันดร์ เจ้าสูญเสียพลังไปมากเกินไปแล้ว! ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้จักหักห้ามใจเสียบ้าง”
นิรันดร์ตอบกลับมาว่า “ถึงจะหักห้ามใจก็คงทนอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่วันอยู่ดี ไม่สู้โจมตีให้มันสะเทือนเลื่อนลั่น ให้เจ้าพวกลิงเหล่านั้นได้ดู ว่าราคาที่มันต้องจ่ายหากมารังแกศิษย์ที่รักของข้ามันเป็นอย่างไรเสียยังดีกว่า”
“แต่ทว่าน่าเสียดายมากเหลือเกิน ที่ข้าไม่สามารถใช้ร่างกายที่งดงามถึงเพียงนี้อยู่ข้างกายศิษย์ที่รักได้อีกแล้ว” นิรันดร์มองไปยังมู่เฉียนซีอย่างอาลัยอาวรณ์เป็นที่สุด จนความอ่อนโยนนั้นจะไหลออกมาเป็นสายเลือดอยู่แล้ว
“นิรันดร์เจ้าจะเพ้อเจ้อเกินไปแล้ว เจ้าก็ยังคงอยู่ข้างกายข้านี่” มู่เฉียนซีใกล้ที่จะทนสายตาของเจ้าหมอนี่ไม่ไหวแล้ว
นิรันดร์กล่าวว่า “นั่นมันไม่เหมือนกัน! มีเพียงรูปร่างหน้าตาที่งดงามเท่านั้นถึงจะสามารถคว้าศิษย์ที่รักของข้าเอาไว้ได้ หากมีเพียงร่างกายที่หลับไหลอยู่ในมิติของเจ้าแล้วละก็ ข้าจะแย่งชิงเจ้ามากลับมาจากเงื้อมมือของเจ้าเด็กชั่วหวงจิ่วเยี่ยนั่นได้อย่างไรกัน”
“แต่ก็ไม่เป็นไร รอให้ข้าตื่นขึ้นมาในครั้งหน้า ข้าจะต้องยิ่งพยายามแย่งชิงเอาหัวใจของศิษย์ที่รักกลับคืนมาให้ได้อย่างแน่นอน”
“เจ้าต้องรอข้านะ!”
สายลมเอื่อยพัดโชยผ่านใบหน้าได้รูปของมู่เฉียนซีไป ชายหนุ่มที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลผู้อยู่เบื้องหน้าเมื่อครู่นี้ได้หายไปจาสายตาของมู่เฉียนซีแล้ว และมู่เฉียนซีก็สามารถรับรู้ได้ว่านิรันดร์กลับเข้าไปหลับใหลในมิติเรียบร้อยแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พักผ่อนเสียเถอะ! เมื่อเจ้าฟื้นขึ้นมาในครั้งหน้า หวังว่าเจ้าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ดียิ่งกว่าเดิม”
หลังจากที่เก็บกวาดเรียบร้อยดีแล้ว จูเชว่และไป๋เจ๋อก็ได้มาหามู่เฉียนซี จูเชว่กล่าวว่า “ซีซี เจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่นเป็นอะไรไปหรือ?”
“เขาใช้พลังมากเกินไปหน่อย หลังจากนี้ไปคงต้องพึ่งพาพลังของตัวพวกเราเองไปอีกสักระยะหนึ่ง ระมัดระวังด้วย”
ฉู่หลีกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ยังมีข้าอยู่ทั้งคน!”
จูเชว่ผงะไปครู่หนึ่ง “เขา…เช่นนั้นเขาจะกลับมาเมื่อไร ขะ…ข้ายังต้องการให้เขาช่วยรักษาคนอีกคนหนึ่งด้วย”