ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1898 พบได้ยากยิ่ง เรื่อง ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
- Home
- ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
- ตอนที่ 1898 พบได้ยากยิ่ง เรื่อง ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
เมื่อมาถึงชั้นที่เจ็ดแล้ว ความเร็วของมู่เฉียนซีก็ลดลง
เนื่องจากว่าคู่ต่อสู้ของนาง เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ดถึงเจ็ดคน อีกทั้งพวกเขายังมีประสบการณ์ในการต่อสู้ที่สมบูรณ์พร้อม ซึ่งมันแตกต่างจากผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตธรรมดาทั่วไปราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีพยายามที่จะต่อสู้อย่างเต็มที่ และธาตุวายุก็ไหลเวียนจนถึงขีดสุด
นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
พลังที่ถึงขีดสุดได้ระเบิดออกมา
ตูมมมม!
และศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าก็ล้มระเนระนาดไปทีละคน
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวว่า “แม่นางมู่ใช้เวลาไปนานถึงเพียงนี้แล้ว ดูเหมือนว่าการทดสอบของหอหนานหลิงนี้จะไม่ธรรมดาเลย ข้าก็อยากที่จะลองหาประสบการณ์ดูสักรอบเช่นกัน”
ชิงเสวียนพยักหน้ารับเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงพลังวิญญาณออกมา และเข้าไปด้วยเช่นกัน
และมีเพียงแค่ฉู่หลีเท่านั้นที่ดูไม่ร้อนรนเลยแม้แต่น้อย เขายังคงเฝ้าอยู่ข้างหลังของมู่เฉียนซีโดยที่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
ตึง!
ในตอนนี้คู่ต่อสู้คนที่เจ็ด ก็ได้ล้มลงอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีแล้ว
แน่นอนว่าชั้นที่เจ็ดนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก แต่ทว่ามันก็ยังบีบนางให้ถึงขีดสุดไม่ได้ มู่เฉียนซีกำพัดวิหคเฟิงหลิงเอาไว้แน่น และนางก็ตั้งตารอคู่ต่อสู้ชั้นที่แปดมากเลยทีเดียว
“ชั้นที่แปดนั่น มีคนพุ่งขึ้นไปแล้ว”
“นี่เป็นคนที่หกที่พุ่งทะยานขึ้นไปถึงชั้นที่แปดของศิลาจารึกหอหนานหลิงในครั้งนี้ได้”
“……”
ชั้นที่แปด เห็นได้ชัดว่าทั้งอันตรายและน่าตื่นเต้นมาก
นางจะต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดถึงแปดคน และการต่อสู้ครั้งนี้ก็หนักหนาจนต้องบีบคั้นเอาพลังแฝงออกมา
ร่างสีม่วงพุ่งทะยานออกไปราวกับสายฟ้าฟาดอย่างไรอย่างนั้น พลังธาตุวายุนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร นางได้เข้าโจมตีคู่ต่อสู้คนหนึ่ง ส่วนการโจมตีของอีกเจ็ดคนที่เหลือ มู่เฉียนซีนั้นเลือกที่จะหลบหลีกมัน
ในฐานะที่เป็นจอมภูตพลังธาตุวายุ และเป็นจอมภูตพลังธาตุมิติ แม้ว่าจะถูกปิดล้อมจากผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดถึงเจ็ดคน แต่มู่เฉียนซีก็ยังสามารถที่จะหลบหลีกออกไปได้อย่างปลอดภัยอยู่ดี
ตูมมม โครมมม!
มู่เฉียนซีพุ่งเข้าโจมตี และใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเสียหายหนักที่สุด และผลาญพลังของมันมากที่สุด
ด้วยเพราะต่อสู้มาเป็นเวลานาน มันจึงทำให้ทุกเส้นประสาทของมู่เฉียนซีกำลังตึงเครียด แต่สวรรค์ก็ย่อมที่จะเมตตาต่อคนที่มีความเพียร และในที่สุดมู่เฉียนซีก็จัดการคนแรกได้สำเร็จแล้ว
พัดวิหคเฟิงหลิงแยกออก และก็สังหารคนที่สองได้สำเร็จ นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต่อไป!”
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังต่อสู้อยู่ที่ชั้นแปด และทุกคนก็ได้ค้นพบว่ายังมีอีกสองคนที่พุ่งทะยานขึ้นไปยังชั้นที่เจ็ดด้วยความรวดเร็ว ต้องบอกว่าสำหรับเหล่าอัจฉริยะของรา
หลังจากที่ศัตรูคนสุดท้ายล้มลงไป ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แม้แต่เหล่าผุ้อาวุโสที่คอยเฝ้าศิลาจารึกหนานหลิงสองสามคนนั้นยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าจะมีคนขึ้นไปถึงชั้นเก้าได้?
มุมปากของจูเชว่คลี่ยิ้มออกมา คนที่อยู่ชั้นที่เก้าผู้นั้นเป็นใครอย่างนั้นหรือ? เรื่องนั้นเขารู้ดีที่สุด มันจะต้องเป็นซีซีแน่นอนอยู่แล้ว!
ต่อมาก็มีอีกสองคนที่เข้าไปถึงชั้นที่แปด และมีคนกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “มีคนขึ้นไปที่ชั้นที่แปดอีกสองคน หรือว่านี่เป็นการรวมตัวกันของอัจฉริยะอย่างนั้นหรือ”
เวลานี้ชิงเสวียนถูกเอาชนะได้แล้ว และวิญญาณของเขาก็ถูกดูดออกมา ต่อมาก็มีป้ายหยกของศิลาจารึกหนานหลิงชั้นแปดแผ่นหนึ่งก็ลอยออกมา แล้วตกลงไปในมือของชิงเสวียน
“เป็นเขา! คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไปถึงชั้นที่แปดแล้ว” ทุกคนต่างพาหันประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ถึงอย่างไรจากเครื่องแต่งกายของชิงเสวียน และดูไม่ออกว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักใหญ่ที่ไหน แต่ดูเหมือนกับว่าเป็นผู้ฝึกฝนซอมซ่อทั่วไปเสียมากกว่า ไหนเลยจะคิดว่าเขาจะมีพรสวรรค์ที่สูงมากถึงเพียงนี้ได้
มือของชิงเสวียนวางลงบนกระบี่ปีศาจ “เหมือนจะยังอ่อนแอเกินไป เอาชนะได้เพียงแค่สองคนเท่านั้นเอง”
หลังจากที่ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง วิญญาณของไป๋จิ่งเยว่ก็ถูกดูดออกมาเช่นกัน และตราสัญลักษณ์ของชั้นที่แปดอีกชิ้นหนึ่งก็ลอยออกมา
“คุณชายจิ่งเยว่อย่างนั้นหรือ? เขาก็ไปถึงชั้นที่แปดแล้วเช่นกันสินะ!”
“ก่อนหน้านี้ไม่นานคุณชายจิ่งเยว่ยังเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ดเท่านั้น หรือว่าภายในเวลาอันสั้นนี้เขาสามารถบรรลุได้แล้วเช่นนั้นหรือ”
“จะต้องบรรลุแล้วแน่นอน หากไม่มีความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดจะสามารถขึ้นไปถึงชั้นที่แปดได้อย่างไร?”
ไป๋จิ่งเยว่รู้สึกหดหู่เล็กน้อย “ขาดไปเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง”
คู่ต่อสู้ยิ่งมากขึ้นก็ยิ่งจัดการได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ หากตอนแรกไม่เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับหุ่นเชิดมาก่อน คาดว่าพวกเขาคงจะไม่ได้มีผลงานที่ดีเช่นนี้หรอก
ไป๋จิ่งเยว่กวาดตามองไปที่การต่อสู้ของชั้นที่เก้า “ซีเอ๋อต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน”
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่มู่เฉียนซีจะจัดการกับผู้ที่มีความสามารถมากกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ดได้ และแน่นอนว่าพลังของเจ้าพวกนี้ไม่อาจที่จะคงอยู่ได้ตลอดไป ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงกัดฟันต่อสู้เพื่อผลาญพลังของมัน
หากใช้พลังของธาตุวารีและอัคคี รวมทั้งใช้กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ แน่นอนว่าต้องจัดการได้อย่างรวดเร็วเป็นแน่ แต่ในทางกลับกันตอนนี้อัจฉริยะทั่วทั้งตอนใต้แห่งราชวงศ์ตงหวงต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ และคาดว่ามีคนของราชวงศ์ตงหวงจำนวนมากจับจ้องมาที่นี่ด้วย
หากว่าทนไม่ไหวจนต้องใช้พลังธาตุอื่นที่นี่ หรือหากว่าตอนแข่งขันไม่สามารถควบคุมได้จนใช้ออกมาแล้วละก็ การที่ปกปิดมาได้อย่างยาวนานเช่นนี้คงจะไร้ประโยชน์ไปในทันที
นางใช้พละกำลังบีบเค้นศักยภาพออกมา และพยายามอย่างเต็มที่ในการผลาญพลังของฝ่ายต้องข้ามให้มากที่สุด
มู่เฉียนซีอยู่ภายในเป็นเวลานานมากแล้ว และหลังจากที่รอให้ทุกคนได้รับการทดสอดจนเสร็จเรียบยร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็ยังคงต่อสู้อยู่กับศัตรูที่ชั้นเก้าอยู่เลย
มีสามคนที่ถูกเผาผลาญพลังงานจนตายไป แต่ก็ยังคงเหลืออยู่อีกหนึ่งในสามเลยทีเดียว
คนอื่นต่างได้รับการทดสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว และในตอนนี้ผู้ที่อยู่ชั้นเก้าเป็นผู้ใดนั้นก็ชัดเจนมากแล้ว พวกเขาจ้องมองไปที่หญิงสาวชุดสีม่วงคนหนึ่งนั้นด้วยความตกตะลึง
นางก็คือคนที่ต่อสู้ไปจนถึงชั้นที่เก้า อีกทั้งยังเป็นคนที่แข็งแกร่งพอจะอยู่บนชั้นเก้าได้นานถึงเพียงนี้อีกด้วย!
ผู้อาวุโสที่คอยคุ้มครองศิลาจารึกหนานหลิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะไม่เคยมีผู้ใดเคยอยู่ได้นานถึงเพียงนี้มาก่อน
คนผู้นี้คือคนที่ติดตามคุณชายจูเชว่มาด้วย และทุกวันนี้ถึงคุณชายจูเชว่จะงานยุ่งแต่ก็ยังคงหาโอกาสอยู่เคียงข้างนาง พวกเขาจึงกล่าวกับจูเชว่ว่า “คุณชายจูเชว่ สิ่งที่เข้าไปยังศิลาจารึกหนานหลิงเป็นเพียงจิตสำนึกของจิตวิญญาณ ซึ่งสิ่งนี้มันก็ผลาญพลังจิตวิญญาณเป็นอย่างมาก แต่แม่นางผู้นี้อยู่ข้างในนานแล้วยังไม่ออกมาเสียที พวกเรากลัวว่าศิลาจารึกหนานหลิงจะเกิดปัญหาขึ้น เราจำเป็นต้องไปขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสสักหน่อยหรือไม่”
เวลานานถึงเพียงนี้แล้ว แม้จะเป็นผู้ที่มีพลังจิตวิญญาณของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะถูกผลาญพลังจนหมดและถูกขับไล่ออกมาได้ แล้วนับประสาอะไรกับแม่สาวน้อยคนหนึ่งเช่นนี้
จูเชว่กล่าวตอบว่า “ข้าคิดว่าไม่เกิดปัญหาใหญ่อะไรหรอก รอซีซีออกมาก่อนเถิด!”
แน่นอนว่าจูเชว่นั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีนั้นมากมายจนแปลกประหลาดมากขนาดไหน ฉะนั้นการเผาผลาญพลังไปเพียงเท่านี้เดิมทีไม่ส่งผลต่อนางอยู่แล้ว
หลังจากที่จัดการไปแล้วสามคน มู่เฉียนซีก็จัดการอีกสามคนที่เหลือ แล้วก็ยังมีอีกสามคน…
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ทันใดนั้นพัดวิหคเฟิงหลิงก็ถูกกางออกอย่างกะทันหัน และพายุอันบ้าคลั่งที่น่าสะพรึงกลัวพัดโหมกระหน่ำเข้าใส่คู่ต่อสู้ที่เหลืออีกสามคน
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีเพื่อโจมตีนางด้วย
ความเร็วของมู่เฉียนซีนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก และคงไม่อาจปล่อยให้โดนพวกเขาโจมตีได้สำเร็จเป็นแน่
ตูมม โครมมม!
และการต่อสู้ที่ดุเดือดก็เกิดขึ้นอีกระลอกหนึ่ง ใบมีดแห่งสายลมที่แน่นขนัดได้พุ่งเข้าไปโจมตีจากทั่วทุกทิศทาง…
ในเวลานี้พระอาทิตย์ได้มาหยุดอยู่ตรงยอดเขา ใกล้ที่จะตกดินแล้ว แต่ทว่าอัจฉริยะที่มาทดสอบที่หอหนานหลิงเหล่านั้นยังคงไม่จากไปไหน
เนื่องจากว่าพวกเขาอยากจะรู้มากว่า สาวน้อยผู้มั่นใจตนเองผู้นั้น จะท้าทายชั้นที่เก้าได้สำเร็จหรือไม่? หากว่าทำสำเร็จ พวกเขาก็จะเป็นพยานให้กับอัจฉริยะคนหนึ่งที่สามารถพิชิตชั้นที่เก้าของศิลาจารึกหนานหลิงได้ และนี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่พบได้ยากยิ่งทีเดียว!
.
.