ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1901 เกิดผิดเสียแล้ว
เมื่อได้ยินมู่เฉียนซีกล่าวเช่นนี้ จูเชว่ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“สิ่งที่เรียกว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแดนซวนเทียนของมู่หลินหลางล้วนมาจากการแสดงออกของตัวนางเองกับคำคุยโวโอ้อวดของลูกน้องของนางเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้วมีหลายคนที่เกียจคร้านเกินว่าจะต่อสู้กับนาง หากมีการจัดอันดับที่คุ้นหูผู้คนออกมา และหลังจากที่นางรู้ว่าอันดับชื่อเสียงของนางถูกบดขยี้มันจะต้องทำให้นางโกรธมากอย่างแน่นอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าวว่า “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
เพื่อที่จะจัดการมู่หลินหลางซึ่งเป็นศัตรูคนเดียวกันของจูเชว่และโม่ซวน ทั้งสองจึงได้เริ่มหารือเรื่องแผนการที่จะจัดการคนน่ารังเกียจนั่น และหลังจากนั้นจูเชว่ก็ไปทุ่มเททำงานอย่างสุดกำลัง
ไม่นานข่าวก็ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ว่าการชุมนุมอัจฉริยะทางตอนใต้ของราชวงศ์ตงหวงในครั้งนี้ ผู้ที่เข้าสู่ร้อยอันดับแรกได้ไม่เพียงแต่สามารถได้รับโอกาสในการเข้าไปในหอหนานหลิงเท่านั้น แต่ยังสามารถล่าสมบัติ อีกทั้งยังสามารถเข้าร่วมการจัดอันดับอัจฉริยะทางตอนใต้ของคุณชายจูเชว่ได้อีกด้วย
หลังจากประกาศรายชื่อแล้ว ชื่อเสียงและความสำเร็จของพวกเขาก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งราชวงศ์ตงหวง และแน่นอนว่ามีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อยเลย
เนื่องจากรายชื่อถูกตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก ฉะนั้นคนที่อยู่ในสิบอันดับแรกจะได้รับรางวัลพิเศษจากคุณชายจูเชว่ด้วย
ต่อมาเหล่าอัจฉริยะที่มาเมืองหนานหวางเพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมในครั้งนี้ต่างก็พากันฮึกเหิมขึ้นมา จนทำให้จูเชว่งานยุ่งเป็นเท่าตัว
แต่ถึงอย่างไร ก่อนที่เขาจะทำการลงทะเบียนครั้งสุดท้าย เขาก็ได้แต่งกายด้วยชุดของสตรีที่ห่างหายไปเสียนาน จากนั้นก็ถอดหน้ากากออก และมุ่งหน้าไปยังเขาหนานหลิง
“ซีซี เจ้าจะไม่ไปเป็นเพื่อนข้าหน่อยจริง ๆ หรือ?” ดวงตาของสาวงามที่นุ่มนวลอ่อนโยน จ้องมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างน่าสงสาร
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย “เจ้าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ทางเสียหน่อย ยังต้องให้ข้าไปเป็นเพื่อนอีกหรือ?”
“แต่ว่าข้าอยากให้เจ้าไปเป็นเพื่อนด้วยนี่นา!”
มู่เฉียนซีจ้องมองไปทางจูเชว่แล้วกล่าวว่า “จูเชว่ เจ้าเคยสงสัยว่าเจ้าเกิดมาผิดบ้างหรือไม่? ใบหน้าที่เล็กได้รูปนี้ เสียงกังวานใสนี่ ให้เป็นผู้ชายเช่นนี้ถือว่าสวรรค์ไม่มีตาเลยจริง ๆ”
“ซีซี ข้าเป็นชายชาตรีจริง ๆ นะ!” จูเชว่กล่าวอย่างจริงจังเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ก่อกวนมู่เฉียนซีด้วยท่าทางที่ตุ้งติ้งนี้อีกต่อไป และมุ่งหน้าไปยังเขาหนานหลิง ด้วยความรวดเร็วฉับไว
จากนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ จูเชว่สามารถบุกทะลวงไปจนถึงชั้นเก้าได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย
ในตอนที่เขากำลังเข้ารับการทดสอบ ก็ได้ดึงดูดผู้คนที่อยู่โดยรอบมานับไม่ถ้วน ทุกคนล้วนต่างชื่นชมความงดงามของเขา
และไม่ได้มีเพียงแค่ความงามที่ล่มเมือง หรือใบหน้าที่สร้างภัยพิบัติได้เท่านั้น ทั้งความสามารถและพรสวรรค์ก็เทียบชั้นฟ้า จนทำให้ผู้คนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว
เมื่อจูเชว่ได้ป้ายหยกสีดำสนิทมาไว้ในมือแล้ว ก็ไม่แม้แต่จะมองไปยังคนที่หมกมุ่นต่อเขาเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังจากไปอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมที่จะไปแจ้งข่าวอันน่ายินดีนี้ต่อมู่เฉียนซีอีกด้วย
และผู้ที่สามารถเข้าสู่ชั้นที่เก้าของศิลาจารึกหนานหลิงได้ รวมตอนนี้ก็มีถึงสามคนแล้ว
การปรากฏตัวที่มากมายภายในคราวเดียวเช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
งานชุมนุมอัจฉริยะ ใกล้ที่จะเริ่มขึ้นแล้ว เวทีการประลองโบราณแห่งหนานหลิงได้ถูกจัดเตรียมขึ้นโดยผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งหลายท่าน และพวกเขาก็คือผู้พิทักษ์ของหอหนานหลิงนั่นเอง
ทั่วทั้งสนามประลองโบราณแห่งหนานหลิงในเวลานี้มีผู้คนเนืองแน่นจนมืดฟ้ามัวดิน ความคึกคักเช่นนี้เมื่อเทียบกับงานแข่งขันของอัจฉริยะทางดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้แล้วดูยิ่งใหญ่กว่ามาก
เวทีการประลองโบราณแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นส่วนเวทีประลองและส่วนที่นั่งรอของผู้สมัคร ซึ่งเขตพื้นที่ของผู้สมัครมีถึงเก้าชั้นเลยทีเดียว
ยิ่งขึ้นไปข้างบนพื้นที่ว่างก็ยิ่งกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังมีที่นั่งน้อยลงเรื่อย ๆ ด้วย
การจัดที่นั่งเรียงตามผลคะแนนในตอนที่สมัครเข้าร่วมทดสอบศิลาจารึกหนานหลิง และมีเพียงผู้ที่ครอบครองป้ายหยกสีดำสนิทเท่านั้น ถึงจะสามารถขึ้นไปยังชั้นเก้าได้
มีผู้คนนับหมื่นคนที่อยู่ที่ชั้นหนึ่ง แต่ผู้ที่มาถึงชั้นที่เจ็ดได้มีเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้น
ส่วนชั้นที่แปดมีเพียงแค่ยี่สิบกว่าคน และทั้งยี่สิบกว่าคนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ของทั่วทั้งราชวงศ์ตงหวงทางตอนใต้เลยก็ว่าได้
ในเวลานี้พวกของไป๋จิ่งเยว่รวมไปถึงชิงเสวียนก็ได้มาถึงสนามแล้ว พวกเขามองไปยังทางเข้าเพื่อรอการมาถึงของมู่เฉียนซีและพรรคพวก
ขณะเดียวกันนั้นก็มีชายหนุ่มรูปงามทรงเสน่ห์คนหนึ่งและหนุ่มน้อยที่หน้าตาหล่อเหลามากคนหนึ่งเข้ามายังสนามแล้ว จากนั้นพวกเขาก็เดินตรงไปยังชั้นที่แปดในทันที
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของทั้งสองคนแล้ว ก็มีคนกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “มาดูเร็ว นั่นคือตู๋กูล่างที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักหลางซิง และนั่นน่าจะเป็นซ่งหมิงเยว่เป็นแน่”
หลังจากที่สองคนนี้มาถึงแล้ว ก็ยังมีชายหนุ่มที่สุภาพเรียบร้อยซึ่งดูราวกับเป็นบัณฑิตอ่อนแอเดินตรงไปทางชั้นที่แปดเช่นกัน และมีคนกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “นั่นคือหนานเฉิน!”
“คนที่ลึกลับผู้นี้ไม่รู้ว่าถูกส่งมากจากสำนักลึกลับหรือไม่ แต่เขากลับสามารถเอาชนะผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงมาได้มากมายเลยทีเดียว”
ทั้งสามท่านนี้ต่างก็เป็นผู้ที่เข้าไปถึงชั้นที่แปด อีกทั้งยังเกือบที่จะเป็นคนที่เข้าไปสู่ชั้นที่เก้าได้อีกด้วย และแน่นอนว่าจะต้องเป็นที่รู้จักของคนอื่นอยู่แล้ว
หลังจากที่ทั้งสามคนเข้ามาภายในงานแล้ว ร่างที่งดงามของสตรีสองร่างก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คน
เป็นหญิงสาวที่งดงามสองคน คนหนึ่งมีความงดงามอันทรงเสน่ห์ ส่วนอีกคนนั้นมีความงดงามที่โดดเด่น ทั้งสองต่างก็มีความงดงามเป็นของตนเองทั้งนั้น
“นั่นคือเซี่ยโหวจือแล้วก็ยังมีเมิ่งเสี่ยวชิงด้วย”
ทั้งสองเป็นคนที่มาจากสุดยอดกองกำลังระดับสี่ มีความสามารถที่น่าประทับใจอีกทั้งยังงดงามมากอีกด้วย ซึ่งก็ทำให้เป็นที่หลงไหลของผู้คนไม่น้อยเลยทีเดียว
ทุกคนเกือบที่จะมาถึงกันหมดแล้ว แต่ทว่าตู๋กูล่างกลับมองไปยังชั้นที่เก้า และข้างบนนั้นก็ยังไม่มีคนเลย
เขากล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “ก่อนหน้านี้คนที่สำเร็จชั้นเก้าสมบูรณ์นั้นมีน้อยมาก อยู่ ๆ จะโผล่มาถึงสามคนข้าว่ามันต้องมีเรื่องลับลมคมในเป็นแน่ พวกเขาคงจะมีเล่ห์เหลี่ยมแต่กลับไม่มีความสามารถที่แท้จริง พอตอนนี้ถึงได้ไม่กล้ามาสินะ!”
ซ่งหมิงเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ตู๋กูก็พูดล้อเล่นเกินไปแล้ว ข้าได้ยินมาว่ามีสองคนที่มาด้วยกันกับคุณชายจูเชว่ เขาคงไม่เป็นเช่นนั้นหรอก”
“จูเชว่!” ในตอนที่ตู๋กูล่างพ้นคำสองคำนี้ออกมา ดวงตาของเขาก็เย็นชาขึ้นทันที
ทันใดนั้น ก็มีร่างสามร่างปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางเข้า และทุกสายตานั้นก็ถูกดึงดูดไปยังทิศทางเดียวกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สวมชุดสีแดงราวกับเปลวเพลิงก็มิปานผู้นั้น ใบหน้าที่งดงามราวกับนางฟ้าทำให้ดูน่าหลงใหลอย่างที่สุด และราวกับว่ามันจะสามารถกระชากวิญญาณของผู้คนออกไปได้จริง ๆ
“นั่นคือเหยียนเหลียนเจีย เป็นนาง!”
ส่วนกลิ่นอายของหญิงสาวในชุดคลุมสีม่วงที่อยู่ข้างกายเหยียนเหลียนเจียแม้ว่าจะไม่เปล่งประกายออกมาเท่ากับนาง แต่กลับมีกลิ่นอายที่เหมือนกับไม่ได้เป็นของนางเอง
และเมื่อทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน ก็ได้ทำให้คุณหนูทั้งสองท่านก่อนหน้านี้ถูกบดบังรัศมีไปจนหมดสิ้นเลยทีเดียว
เซี่ยโหวจือเหลือบมองไปที่ใบหน้านั้นของเหยียนเหลียนเจียพลางกล่าวว่า “สมกับที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งแดนใต้ มีความงามเย้ายวนใจยิ่งกว่าปีศาจจิ้งจอกเสียอีก ช่างสมกับที่เป็นยอดโสเภณีในหอนางโลมเสียจริง ๆ”
ในฐานะที่เป็นถึงคุณหนูแห่งกองกำลังระดับสี่ แน่นอนว่านางจะต้องเกลียดชังตัวตนของเหยียนจนเข้ากระดูกดำอยู่แล้ว
งดงามแล้วจะทำไม? มีสถานะที่แสนต่ำช้าถึงเพียงนี้ มีเพียงชายที่โง่เขลาเหล่านั้นเท่านั้นถึงจะหลงใหลในตัวนางได้
เมิ่งเสี่ยวชิงคลี่ยิ้มอ่อนโยนพลางกล่าวว่า “พี่เซี่ยโหวอย่าได้ดูถูกแม่นางเหยียนเหลียนเจียนักเลย ความสามารถของนางนั้นลึกเกินหยั่งถึง และเกรงว่าวันนี้นางจะต้องเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งของพวกเราเป็นแน่”
“เฮอะ! กลอุบายดึงดูดผู้ชายเหล่านั้นมีผลสำหรับผู้ชายเท่านั้นแหละ แต่สำหรับข้าแล้วมันไม่มีผลเลยสักนิดเดียว”
เหยียนนั้นคุ้นชินกับสายตาเช่นนี้ของผู้คนมานานแล้ว นางยิ้มให้มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “น้องซีซี พวกเราขึ้นไปกันเถอะ! วิสัยทัศน์ข้างบนนั้นดีกว่านี้เสียอีก”
“อื้ม!”
และร่างทั้งสามนั้น ก็พุ่งตรงไปที่ชั้นเก้าทันที
ทุกคนต่างพากันตะลึงงัน พวกเขารู้แต่แรกแล้วว่าตอนที่ทดสอบหอหนานหลิงมีถึงสามคนที่สามารถเข้าไปถึงชั้นเก้าสมบูรณ์ได้ แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะเป็นทั้งสามคนนี้
ในเวลานี้พลังวิญญาณของทั้งสามคนได้ถูกสะกดกั้นเอาไว้ ทำให้พวกเขาดูความสามารถของพวกนางไม่ออกเลย
แววตาของตู๋กูล่างเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมขึ้นมาทันที แล้วกล่าวว่า “ข้าจะต้องตรวจสอบสองคนนั่น”
สำหรับเหยียนเหลียนเจียนั้นไม่ต้องตรวจสอบอีกแล้ว เพราะเป็นคู่ต่อสู้กันมานาน แต่ทว่าอีกสองคนนั้นพวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีใครเห็นเพราะจูเชว่มีการปกปิดข่าวไว้ แต่ทว่าตอนนี้เปิดเผยใบหน้าแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับสำนักหลางซิงที่จะตรวจสอบได้
“เจ้าปีศาจร้ายทั้งสามนั่นเข้าไปถึงชั้นเก้าสมบูรณ์หรือ! แต่ละคนดูล้วนแล้วอายุยังน้อยอยู่เลย เดิมคิดว่าคนที่จะมีความสามารถถึงเพียงนี้ได้ อย่างน้อยน่าจะมีอายุใกล้สามสิบได้แล้วเสียอีก” ทุกคนต่างมองไปยังทั้งสามคนที่อยู่บนชั้นเก้าอย่างตกตะลึง