ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1903 เอาชนะในสิบกระบวนท่า
ทันใดนั้น ร่างของซ่งหมิงเยว่ก็พุ่งทะยานออกไปราวกับสายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น
มุมการโจมตีของเขานั้นไม่ได้เป็นเส้นตรง แต่เป็นรูปแบบที่คดเคี้ยว ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเขาจะโจมตีเข้ามาจากทิศทางใดกันแน่?
ทว่ามู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังวิญญาณธาตุวายุในการหลบหลีกออกไปได้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่านางไม่สามารถที่จะปกปิดระดับของพลังวิญญาณเอาไว้ได้
“ระดับเจ็ด…ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต!”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต!”
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตมาร่วมงานชุมนุมอัจฉริยะนี้ได้อย่างไร นี่มันไม่ปกติแล้ว!”
ความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดคาดว่าหากอยู่ในกองกำลังระดับสามก็ถือได้ว่าไม่เลวแล้ว แต่ทว่าเหล่าโอรสสวรรค์ที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นอัจฉริยะของกองกำลังระดับสี่ทั้งสิ้น และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนระดับต่ำเช่นนี้
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเข้าไปถึงชั้นเก้าของศิลาจารึกหนานหลิงหรือ!”
“ศิลาจารึกหนานหลิงใช้การไม่ได้แล้วหรือเปล่านะ!”
“……”
แม้แต่เหล่าผู้พิทักษ์อาวุโสหลายท่านยังประหลาดใจเล็กน้อย พลังวิญญาณที่ปกคลุมไปทั่วสนามประลองนั้น ต้องดูอยู่หลายรอบถึงจะสามารถยืนยันได้
“เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดจริง ๆ ด้วย!”
ซ่งหมิงเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าข่าวลือจะถูกต้อง”
ในวันที่ทดสอบวันนั้นแม้แต่คนโง่เง่าก็ยังต้องเคยเห็นมู่เฉียนซีลงมือมาก่อน แน่นอนว่ามันจะต้องมีข้อมูลรั่วไหลออกมาอยู่แล้ว
และยิ่งหากเป็นคนที่ตั้งใจหาข้อมูลด้วยแล้ว แน่นอนว่าต้องสามารถหาข้อมูลมาได้ เพียงแต่มีหลายคนที่ไม่เชื่อเท่านั้นเอง
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ถูกต้องแล้ว! ข้าคือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดจริง ๆ”
ตู๋กูล่างหัวเราะเยาะขึ้นมา “แค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดคนเดียวเท่านั้น ซ่งหมิงเยว่ สังหารนางด้วยกระบวนท่าเดียวก็พอแล้ว! ความสามารถเพียงเล็กน้อยเท่านี้ยังคิดที่จะมาอยู่เหนือนายน้อยอย่างข้าอีกหรือ!”
คนอย่างซ่งหมิงเยว่ไม่ได้หลงระเริงเหมือนอย่างตู๋กูล่าง แต่ทว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเพียงคนเดียวนี้ แน่นอนว่าเขาไม่เห็นอยู่ในสายตาเท่าไรอยู่แล้ว
ซ่งหมิงเยว่กล่าวว่า “ข้าจะเห็นแก่หน้าแม่นางมู่สักเล็กน้อย ฉะนั้นข้าจะเอาชนะแม่นางมู่ในสิบกระบวนท่าก็แล้วกัน”
มู่เฉียนซีหยิบเอาพัดวิหคเฟิงหลิงออกมา จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เอาชนะข้าในสิบกระบวนท่า คุณชายซ่งดูจะมั่นใจในตนเองมากเกินไปแล้วจริง ๆ”
และนางก็เริ่มลงมืออย่างรุนแรงแล้วเช่นกัน “พลังวายุจันทราไร้คู่!”
พลังวิญญาณธาตุวายุที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าจู่โจมซ่งหมิงเยว่ทันที และพลังนี้ก็ทำให้ซ่งหมิงเยว่สัมผัสได้ถึงอันตราย เขาจึงหมุนเวียนพลังวิญญาณเพื่อสกัดกั้นเอาไว้!
ตูมมมม!
ด้วยการปะทะกันหนึ่งกระบวนท่า ทำให้พวกเขาเพิ่งตระหนักรู้ถึงความแข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดผู้นี้
“จอมภูตพลังธาตุวายุ!”
“นางเรียนรู้ทักษะเช่นนี้มาจากที่ใดกันนะ! วิปลาสนัก มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว หากเปลี่ยนเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ด คงไม่อาจสกัดกั้นไว้ได้เป็นแน่!”
“……”
ซ่งหมิงเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกแม่นางมู่มากเกินไปจริง ๆ แต่ระดับของแม่นางมู่ก็ยังต่ำเกินไปอยู่ดี หากสูงขึ้นอีกสักระดับหนึ่ง บางทีอาจจะมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับข้าได้!”
ซ่งหมิงเยว่ใช้มือทั้งสองข้างในการกางผนึก ทันใดนั้นเสียงระเบิดนับไม่ถ้วนก็ดังมาจากทั่วทุกสารทิศ และมันก็ได้พุ่งตรงไปทางมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังธาตุวายุในการหลบหลีก การตอบสนองที่เฉียบคมอีกทั้งยังมีระดับความเร็วนั้นทำให้ซ่งหมิงเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก และทันใดนั้นก็มีหมอกปะทุขึ้นทั่วทั้งสนามประลอง
“ซ่งหมิงเยว่เป็นจอมภูตพลังธาตุหมอก นี่เป็นการแปรสภาพมาจากจอมภูตพลังธาตุวารีสินะ!”
“หลังจากที่เข้าไปในหมอกของเขาแล้ว การรับรู้ทั้งหมดก็จะอ่อนแอลง และหลังจากนั้นก็จะถูกซ่งหมิงเยว่เชือดทิ้ง”
“ดูแล้วแม่นางมู่ผู้นี้คงต้องแพ้แล้วล่ะ!”
ท่ามกลางหมอกที่หนาทึบ การโจมตีของซ่งหมิงเยว่ก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทว่าทุกการโจมตีมู่เฉียนซีต่างก็หลบหลีกได้ทั้งนั้น
“สมกับที่เป็นจอมภูตพลังธาตุวายุ เชียวชาญเรื่องความเร็วยิ่งนัก แต่ทว่านี่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นความเร็วที่สูงที่สุดของข้า”
ซ่งหมิงเยว่เพิ่มความเร็วในการโจมตีต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น และพัดวิหคเฟิงหลิงของมู่เฉียนซีก็กางออก จากนั้นพลังธาตุวายุก็มารวมตัวกัน
“พลังวายุทำลายดับสูญ!”
พลังธาตุวายุระเบิดขึ้น จากนั้นก็เป่าหมอกเหล่านั้นให้กระจายออกไป
ซ่งหมิงเยว่ยังคงเรียบเฉยเป็นอย่างมาก “ไม่มีประโยชน์หรอก!”
จากนั้นเขาก็หมุนเวียนพลังธาตุหมอกอีกครั้งหนึ่ง และบริเวณโดนรอบก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่ากำลังจะถูกแช่แข็งอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่คิดเลยว่าพลังธาตุที่แปรสภาพจะรับมือยากเช่นนี้!” มีคนกล่าวพลางถอนหายใจ
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้ซ่งหมิงเยว่รู้สึกประหลาดใจก็คือ ความเร็วของมู่เฉียนซียังคงไม่ลดลงมากเท่าไรนัก
แต่ก็ไม่เป็นไร เนื่องจากว่าพลังของกระบี่ได้กวาดไปทางมู่เฉียนซีแล้ว
ปัง ปัง ปัง!
ก่อนหน้านี้ซ่งหมิงเยว่พูดอย่างเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าจะจัดการมู่เฉียนซีให้ได้ในสิบกระบวนท่า ทว่าตอนนี้ก็ผ่านสิบกระบวนท่าไปแล้ว แต่มู่เฉียนซีก็ยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
ปัง ปัง ปัง!
เสียงระเบิดจำนวนนับไม่ถ้วนดังขึ้น พลังอันยิ่งใหญ่ในวันนี้ของซ่งหมิงเยว่พัดกระแทกเขาจนลอยละลิ่วออกไป
“แม่นางมู่ ดูท่าข้าจะดูถูกเจ้าเกินไปหน่อยแล้ว!”
“มีกระบวนท่าใดอีกก็รีบงัดมาใช้เถอะ! คุณชายซ่ง” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
หลังจากที่บรรลุผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดแล้วนางก็ฝึกฝนและหาประสบการณ์มาอย่างต่อเนื่อง จนในตอนนี้นางก็ได้มาถึงระดับเจ็ดขั้นสูงซึ่งเป็นคอขวดของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตแล้ว
ครั้งนี้ได้ต่อสู้กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดที่เป็นอัจฉริยะระดับสูงสุง แน่นอนว่านี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีมากในการบรรลุขั้นต่อไป
ซ่งหมิงเยว่กล่าวว่า “นี่เป็นความต้องการของแม่นางมู่ เมื่อถึงเวลาอย่าหาว่าข้ารังแกเจ้าก็แล้วกัน”
ซ่งหมิงเยว่ได้นำเอาพลังหมอกบนสนามประลองออกไป แม้ว่ามันจะถูกดึงกลับไปแล้ว แต่ทว่าเขากลับทำให้ผู้อื่นรู้สึกอันตรายมากยิ่งขึ้นไปอีก
“หมอกคลั่งสังหาร!”
ทันใดนั้น หมอกนั้นได้ก่อตัวจนกลายเป็นคลื่นที่หมุนวนราวกับจะกลืนกินบางอย่าง และคลื่นที่ปั่นป่วนนี้ก็ได้พัดโหมกระหน่ำไปทางมู่เฉียนซี
และนี่ก็เป็นเคล็ดวิชาระดับสูงเช่นกัน!
“ทักษะของมู่เฉินซีนั้นร้ายกาจมาก แต่ซ่งหมิงเยว่ก็เป็นถึงลูกศิษย์ของกองกำลังระดับสี่ ทักษะของเขาก็มีความแข็งแกร่งมากเช่นกัน ครานี้มู่เฉินซีได้เจอปัญหาใหญ่เข้าเสียแล้ว” ผู้คนต่างกล่าวอย่างตื่นเต้น
ด้วยทักษะอันน่าสะพรึงกลัวของมู่เฉียนซีทำให้ระดับที่ต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ดไม่อาจรับมือได้ แต่ทว่าอัจฉริยะของทั่วทั้งแดนใต้ก็มีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดอยู่ไม่น้อยเลย
นางเผชิญหน้ากับซ่งหมิงเยว่ที่อยู่อันดับต้น ๆ และยังสามารถยืนหยัดมาจนถึงเวลานี้ได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากแล้ว
พรึ่บ!
ทันใดนั้นพัดวิหคเฟิงหลิงก็กางออก และพลังวิญญาณที่เหมือนกับสายน้ำนั้นก็ทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“เกราะพลังวายุ!”
ทักษะทั้งสองออกมาพร้อมกัน หลังจากที่ระเบิดทักษะการโจมตีที่แข็งแกร่งออกมาแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้กางเกาะป้องกันออกมาทันที
ตูมมม!
หลังจากที่กระบวนท่าสังหารทั้งสองปะทะเข้าด้วยกันอย่างรุนแรง เสียงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวก็ดังกึกก้องออกมา
ตึง!
ร่างของซ่งหมิงเยว่ถอยหลังออกไป ขณะเดียวกันร่างของมู่เฉียนซีก็ถอยไปจนถึงขอบสนามประลองเช่นกัน
มู่เฉียนซีที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดผู้นี้ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ซ่งหมิงเยว่อ่อนแอลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สีหน้าของซ่งหมิงเยว่เคร่งขรึมขึ้น และจู่โจมมู่เฉียนซีอีกครั้ง
ปัง ปัง ปัง!
ทั้งสองเข้าปะทะกันอีกครั้ง และถึงซ่งหมิงเยว่จะใช้การโจมตีที่แผงไปด้วยกลอุบายทุกรูปแบบ แต่ทว่ามู่เฉียนซีก็สามารถหลบหลีกไปได้อย่างงดงามทุกครั้งไป
“ข้าไม่เชื่อว่าความเร็วของเจ้าจะไร้ขีดจำกัด!”
การจู่โจมของซ่งหมิงเยว่รวดเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ เขารู้สึกว่าหากตนเองสามารถไล่ตามความเร็วของมู่เฉียนซีได้ และหากเขาสามารถไล่ตามจนโจมตีนางได้ เช่นนั้นท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะเป็นฝ่ายชนะ
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
“……”
ในตอนที่ทุกคนได้รู้ถึงความสามารถของมู่เฉินซี ทุกคนต่างก็รู้สึกว่ามู่เฉินซีคงจะไม่สามารถยืนหยัดได้นานเท่าไรนัก
แต่ทว่าการต่อสู้ของชั้นที่เก้าในเวลานี้ แน่นอนว่าตั้งแต่เริ่มการประลองขึ้น เป็นสนามที่ต่อสู้กันมายาวนานมากที่สุด อีกทั้งความห่างชั้นกันของระดับยังมากที่สุดอีกด้วย
ตู๋กูล่างกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าความสามารถของซ่งหมิงเยว่ก็ไม่เท่าไร เพียงแค่จัดการผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเพียงคนเดียว ไม่คิดว่าจะใช้เวลานานถึงเพียงนี้”
การโจมตีด้วยพลังวิญญาณของซ่งหมิงเยว่ ไม่คิดเลยว่าจะบีบบังคับจนอาวุธหลุดออกจากมือของมู่เฉียนซีได้
“อาวุธของมู่เฉินซีไม่มีแล้ว ดูท่าการประลองครั้งนี้จะสามารถตัดสินได้แล้ว”
“อาวุธกึ่งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพนี้ ช่วยเพิ่มความสามารถให้นางอยู่ไม่น้อยเลย หากไม่มีมันแล้ว คาดว่าคงไม่มีพลังในการต่อสู้อีกแล้ว”
“……”
ในตอนที่อาวุธหลุดออกจากมือไป พวกเขาคิดว่ามู่เฉินซีจะต้องพ่ายแพ้ โดยที่ไม่มีความช่างใจเลยแม้แต่น้อย
.
.