ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1905 การท้าทายของหนานเฉิน
เมื่อเห็นเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัว ผู้คนต่างกล่าวอย่างตื่นตะลึงว่า “ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นเชื้อเพลิงจักรพรรดิ มันสามารถทำให้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพกลายเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพได้ชั่วคราว ซึ่งมันยอดเยี่ยมมาก มู่เฉินซีเจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว”
“สมกับที่เป็นคุณหนูของสุดยอดกองกำลังระดับสี่ มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพยังไม่พอ วันนี้ยังสามารถนำของที่แปลกตาเช่นนี้ออกมาได้อีกด้วย”
“หากมู่เฉินซียอมแพ้โดยเร็วน่าจะดีกว่า พลังเปลวเพลิงนั่นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หากถูกแผดเผาไปจนถึงใบหน้าคงจะน่าเวทนายิ่ง!”
สีหน้าของเซี่ยโหวจือเคร่งขรึม คิดจะยอมแพ้อย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!
แม้ว่าจะไว้ชีวิตผู้หญิงคนนี้ แต่ก็ต้องทำลายใบหน้าที่ใช้ยั่วยวนคุณชายจูเชว่นั่นให้ได้เสียก่อน
“เก้าอสรพิษพิฆาตสังหาร!”
อสรพิษเก้าหัวพุ่งเข้ามาทางมู่เฉียนซีอย่างดุร้าย ขณะเดียวกันมู่เฉียนซีก็หมุนเวียนพลังธาตุวายุให้พุ่งทะยานออกไป
“เกราะพลังวายุ!”
ปัง ปัง ปัง!
ธาตุอัคคีเดือดพล่าน เต็มเปี่ยมไปด้วยอานุภาพที่ทรงพลัง และเมื่ออาวุธได้กลายเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพก็แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ในเวลานี้มังกรเพลิงกำลังจะอกแตกตายด้วยความโกรธเกรี้ยวแล้ว “นายท่าน นายท่านให้ข้าออกไปกลืนกินมันเสียเถอะ มีอะไรถึงได้กำเริบเสิบสานถึงเพียงนั้นกัน เฮอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวปลอบมังกรเพลิงว่า “เจ้าสิ่งของไร้ค่านี่ ไม่ถึงขั้นต้องให้เจ้ามังกรเพลิงออกโรงเองหรอก ดูข้าก็พอแล้ว!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
“……”
ปัง ปัง ปัง!
ต่อมาการโจมตีและการหลบหลีกของมู่เฉินซีก็ทำให้ผู้คนต้องเวียนหัว ซึ่งสีหน้าของคุณหนูเซี่ยโหวก็ยิ่งโหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
สถานการณ์การต่อสู้สนามนี้อันตรายเป็นอย่างมาก หากไม่ทันระวังแล้วละก็ แม้แต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ก็คงจะมาช่วยเหลือเอาไว้ไม่ทัน และอาจจะต้องถึงขั้นสูญเสียชีวิตเป็นแน่
ถึงสถานการณ์การต่อสู้จะอันตรายเป็นอย่างมาก แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับหลบหลีกได้โดยไร้ความเสี่ยงทุกครั้งไป
พวกเขาเหลือบมองไปที่อีกสองคนที่อยู่บนชั้นที่เก้า และดูเหมือนว่าพวกเขาไม่เป็นห่วงมู่เฉินซีเลยแม้แต่น้อย
หรือว่าพวกดูเหมือนจะสนิทสนมกัน แต่ความจริงแล้วมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก
เหยียนและฉู่หลีจำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องใดกัน? แม้แต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำยังเป็นไปได้ยากที่คิดจะทำร้ายมู่เฉียนซีได้ แล้วนับประสาอะไรกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดอย่างเซี่ยโหวจือคนหนึ่งกันล่ะ
ปัง ปัง ปัง!
เมื่อต่อสู้กันอย่างดุเดือดอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของเซี่ยโหวจือก็เริ่มดูแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ
การโจมตีเช่นนี้ อย่างมากที่สุดก็ทำให้ชายเสื้อของมู่เฉินซีมีรอยไหม้เท่านั้น และคิดไม่ถึงว่ามันจะไม่สามารถทำร้ายมู่เฉินซีได้เลยแม้แต่น้อย
“หลบหรือ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะสามารถหลบไปได้ตลอดน่ะ”
“อรสรพิษแปลงพลันสังหาร!”
เซี่ยโหวจือดึงเอาพลังวิญญาณออกมาอย่าบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีที่รวดเร็วเพียงใด ก็คิดแต่เพียงว่าจะโจมตีให้โดนมู่เฉียนซีให้จงได้
ปัง ปัง ปัง!
เซี่ยโหวจือพยายามที่จะโจมตีอย่างสุดความสามารถ จนพลังวิญญาณที่ถูกใช้ไปจนหมดแล้วถูกเติมเต็มอีกครั้ง แต่มู่เฉียนซีกลับกดศักยภาพของตนเองภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าของนาง
มู่เฉียนซีพุ่งออกมาเหยียบบนเปลวเพลิง หลังจากนั้นก็กล่าวว่า “เซี่ยโหวจือ ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าทำได้เพียงเท่านี้หรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การประลองในครานี้ก็น่าจะสิ้นสุดลงได้แล้ว”
“ใช่ ถึงเวลาสิ้นสุดลงได้แล้ว ไปตายซะเถอะ!” เซี่ยโหวจือกล่าวอย่างเดือดดาล
แต่ทว่าร่างที่อยู่เบื้องหน้ากลับหลบการโจมตีของนางได้ราวกับเป็นภูตผีอย่างไรอย่างนั้น และหลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากสถานที่ที่ไม่คาดคิดแล้วโจมตีมาที่นาง!
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
หลังจากที่เซี่ยโหวจือสกัดกั้นการโจมตีที่มาจากอีกทิศทางหนึ่งได้ กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีการโจมตีพุ่งมาจากทิศทางอื่นด้วย
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
ตึง!
ร่างของเซี่ยโหวจือล้มลงบนเปลวเพลิง และกระดูกทั่วทั้งร่างของนางก็ราวกับกำลังจะแหลกสลาย จนนางไม่อาจที่จะลุกขึ้นมาได้อีก
การประลองได้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้คนต่างกระพริบตาปริบ ๆ พลางกล่าวว่า “เมื่อครู่…การโจมตีครั้งสุดท้ายของมู่เฉินซีเมื่อครู่นี้ ที่จริงแล้วเปลี่ยนการโจมตีไปที่ศัตรูกี่รอบกัน นางโจมตีไปแล้วทั้งหมดกี่ครั้งกันนะ?”
“เร็วเกินไปแล้ว ข้านับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ! ความรวดเร็วนี้แปลกประหลาดเกินไป ตอนที่นางเผชิญหน้ากับซ่งหมิงเยว่ นางคงยังไม่ได้แสดงความเร็วออกมาอย่างเต็มที่เลยสินะ!”
“……”
ซ่งหมิงเยว่จ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซี เดิมทีเขาคิดที่จะไปหามู่เฉียนซีเพื่อแก้มืออีกครั้ง แต่ทว่าตอนนี้เขาทำได้เพียงแต่ละทิ้งแผนการนี้ไปเสีย
เขาคิดไม่ออกเลยว่าความเร็วสูงสุดของนางแท้จริงแล้วจะสูงถึงแค่ไหนกันแน่?
สุดท้ายมู่เฉียนซีก็ชนะการประลองอีกครั้ง และในเวลานี้หนานเฉินก็กล่าวขึ้นมาว่า “แม่นางมู่ ข้าอยากจะต่อสู้กับท่านสักครั้งได้หรือไม่?”
“หนานเฉินก็ท้าทายมู่เฉินซีเช่นกันหรือ แต่เมื่อครู่นี้มู่เฉินซีใช้พลังวิญญาณในการต่อสู้ไปมากแล้ว ไม่เหมาะที่จะต่อสู้ต่อไปเลย เช่นนั้นก็คงจะปฏิเสธสินะ!”
“ต้องปฏิเสธแน่นอนอยู่แล้ว มิเช่นนั้นมันจะเสียเปรียบมากเกินไป”
“……”
การท้าทายของหนานเฉิน ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ
และดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะตอบรับโดยไม่คิดเลยด้วยซ้ำ ถึงพลังวิญญาณจะถูกใช้ไปค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย
นางกล่าวว่า “ได้สิ!”
มู่เฉียนซีทะยานขึ้นไปบนสนามประลองอีกครั้ง ทันทีที่การประลองเริ่มขึ้น หนานเฉินก็ก้าวเข้ามาใกล้มู่เฉียนซีด้วยวิธีการที่แปลกประหลาด นั่นก็คือการชี้นิ้วหนึ่งนิ้วที่พ่วงมาด้วยพลังวิญญาณอันน่าเกรงขามไปที่มู่เฉียนซี
และถึงแม้มู่เฉียนซีจะหลบหลีกไปด้านข้าง แต่หนานเฉินก็ยังคงเข้าใกล้นางด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวอย่างต่อเนื่อง
และการหมุนวนพลังธาตุวายุของมู่เฉียนซียิ่งเร็วมากขึ้นไปอีก นางกล่าวอย่างเยือกยะเย็นว่า “เกราะพลังวายุ!”
ภายใต้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถครอบครองความเร็วเช่นนี้ และทักษะการฝึกฝนร่างกายของคนผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งนัก
“หนานเฉินก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านความเร็วคนหนึ่งเช่นกัน ดูท่าผู้ที่อาศัยความเร็วอย่างมู่เฉินซีครานี้จะได้เจอคู่ต่อสู้เสียแล้ว”
“หากไม่มีข้อได้เปรียบทางด้านความเร็ว ด้วยความสามารถที่ต่ำเช่นนั้นของมู่เฉินซี เกรงว่าคงจะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่”
“……”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!” มู่เฉียนซีกวาดพัดวิหคเฟิงหลิงออกไป
และสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกประหลาดใจก็คือ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของธาตุวายุที่แข็งแกร่งของมู่เฉียนซี หนานเฉินไม่เพียงแต่ไม่หลบหลีกเท่านั้น แต่กลับพุ่งตรงเข้าไปหามู่เฉียนซีโดยตรง
มู่เฉียนซีเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที นี่เขาคือ…
ปัง!
และการโจมตีก็กระแทกเข้ากับร่างกายของหนานเฉินอย่างแรง นอกจากเสื้อผ้าที่ขาดเป็นรูแล้ว หนานเฉินก็ไม่ได้รับรอยแผลใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
ทุกคนต่างพากันตกตะลึงเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่ามู่เฉินซีจะมีระดับที่ต่ำ แต่พลังการโจมตีก็รุนแรงมาก แม้จะเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปดแต่หากไม่มีการป้องกันใด ๆ เลย ก็น่าจะเจ็บปวดอยู่เช่นกัน
แต่ทว่าหนานเฉินกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย!
หนานเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางมู่ ข้าจับเจ้าได้แล้ว!”
“ดัชนีทลายสวรรค์!”
หนานเฉินเข้าใกล้มู่เฉินซี และทำการโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งมันก็รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเขายังไม่ได้ให้เวลามู่เฉียนซีในการหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย
นี่คือกระบวนท่าสังหารที่แข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับแปด ในเมื่อเข้าใกล้ถึงเพียงนี้ จึงไม่สามารถที่จะหลบหนีได้อีกทั้งยังป้องกันไว้ไม่ทันด้วย และคาดว่ามู่เฉินซีจะต้องเจ็บหนักเป็นแน่
ปึก!
นิ้วชี้นี้ต้องสัมผัสลงบนร่างกายของมู่เฉียนซีอย่างไม่ต้องสงสัย
มู่เฉินซีพ่ายแพ้แล้ว!
ทุกคนต่างก็ตัดสินแล้วว่าผลจะออกมาเช่นนี้ เพราะอย่างไรก็ตามด้วยความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดของมู่เฉินซีจะเอาชนะอัจฉริยะระดับสูงถึงสองคนได้อย่างไร เพราะหากเป็นเช่นนั้นคงจะน่าทึ่งเกินไปจริง ๆ
และในเวลานี้ การโจมตีธาตุวายุที่แข็งแกร่งก็พุ่งเข้าจู่โจมหนานเฉินอีกครั้ง
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
สีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหนานเฉิน และเขาก็ก้าวถอยหลังออกไป โดยใช้ความเร็วสูงสุด
ปัง ปัง ปัง!
ร่างสีม่วงพุ่งทะยานออกไป และไล่โจมตีหนานเฉิน!
“มู่เฉินซีไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ?”
“เมื่อครู่นี้การโจมตีของคุณชายหนานเฉินแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น เหตุใดนางถึงไม่ได้รับบาดเจ็บเลยล่ะ?”
“……”
ปัง ปัง ปัง!
ในตอนนี้ทั้งสองต่อสู้กันอย่างกันอย่างดุเดือดรุนแรงอีกครั้ง
และมันก็ทำให้คนธรรมดาไม่สามารถมองออกได้ แต่ทว่ายอดฝีมือระดับอาวุโสที่อยู่ภายในงานเริ่มที่จะมองออกแล้ว
“ทั้งสองคนนี้ ต่างก็ใช้วิธีการทางกายภาพฝึกฝนร่างกาย ฉะนั้นความแข็งแกร่งของร่างกายจึงเลยระดับของพวกเขาไปแล้ว และมันก็เกินไปมากแล้วด้วย!”
“ไม่คิดเลยว่าเด็กน้อยทั้งสองคนนี้ จะโหดร้ายกับตนเองถึงเพียงนี้!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! น่าสนใจจริง ๆ อัจฉริยะในการฝึกฝนทางกายภาพทั้งสองมาต่อสู้กันเองเช่นนี้ น่าจะไม่ทำให้พวกตาเฒ่าต้องผิดหวังเป็นแน่!”
.
.