ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1906 ยกเว้นศิษย์น้อง
ตูมมมม!
การต่อสู้ของทั้งสองคนยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายแล้วก็เป็นการเผชิญหน้ากันของผู้ที่แข็งแกร่ง
ทักษะที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้แต่กลับสู้กันตัวต่อตัวอย่างไม่กลัวตาย พวกเขาทั้งสองจะบ้าบิ่นเกินไปแล้ว
“ถึงจะทำเช่นนี้แต่ก็ไม่เป็นอะไรเลย ไม่หลบหลีกอีกทั้งยังไม่ป้องกัน แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บ พวกเขายังเป็นมนุษย์กันอยู่อีกหรือ?”
“หรือว่าทั้งสองคนนี้จะเป็นสัตว์ประหลาดกันนะ?”
“ยอดเยี่ยมเหลือเกิน!”
การต่อสู้แบบตัวต่อตัวเช่นนี้ คาดว่าคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทนรับได้ แต่ทว่าคนที่อยู่บนสนามประลองทั้งสองนั้นกลับยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อย ๆ
หนานเฉินกล่าวว่า “ข้าไม่คิดเลยจริง ๆ ว่า แม่นางมู่ก็จะเป็นผู้ขัดเกลาร่างกายคนหนึ่งเช่นกัน!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าก็มองเจ้าไม่ออกเช่นกัน! หายากมากที่จะพบผู้ที่ฝึกฝนการขัดเกลาร่างกาย พวกเรามาต่อสู้กันอย่างสบายใจเถอะ! แต่ข้าอยากจะบอกเจ้าว่า การต่อสู้ผลาญพลังเช่นนี้ สุดท้ายแล้วคนที่ชนะต้องเป็นข้าแน่นอน ทางที่ดีเจ้าคิดหาทางเอาชนะข้าให้ได้ก่อนที่พลังวิญญาณจะถูกใช้ไปจนหมดเสียดีกว่า”
“ข้าเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูต พลังวิญญาณของข้าจะต้องถูกเผาผลาญช้ากว่าเจ้าแน่! อีกทั้งข้าก็รู้ว่าพวกเจ้าเตรียมตัวมาอย่างดี และยังเตรียมยาลูกกลอนมาด้วยไม่น้อย ฉะนั้นจึงสามารถต่อสู้กันอย่างสบายใจได้อีกนานเลยล่ะ!” หนานเฉินกล่าวตอบ
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา มุมปากของมู่เฉียนซีก็เผยรอยยิ้มออกมาจาง ๆ หลังจากนั้นก็เริ่มโจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ตูมมม โครมมม!
เหล่าคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างก็นับจนไม่แน่ชัดแล้วว่าสัตว์ประหลาดที่บ้าคลั่งทั้งสองนี้ประมือกับมากี่รอบแล้ว พวกเขาใช้ยาลูกกลอนในการเติมพลังวิญญาณไปมากเท่าไรแล้วนะ?
จนกระทั่งยาลูกกลอนของหนานเฉินถูกใช้ไปจนหมด เขาจึงตระหนักได้ว่าเขาที่คิดว่าตนเองเตรียมพร้อมมาอย่างสมบูรณ์แบบ แต่กลับเจอมู่เฉินซีที่เตรียมพร้อมมาอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า
และถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต แต่ทว่าสำหรับการควบคุมพลังวิญญาณนั้นมีความแม่นยำเป็นอย่างมาก การผลาญพลังวิญญาณช้ายิ่งกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตอย่างเขาเสียอีก
หลังจากที่ใช้พลังวิญญาณไปอย่างเต็มที่แล้ว สีหน้าของหนานเฉินก็ซีดเผือดไปเล็กน้อย เขากล่าวว่า “ข้าแพ้แล้ว!”
“น้องเมิ่ง เจ้าจะต้องแก้แค้นให้กับข้า เจ้าจงไปท้าทายมู่เฉินซีในตอนนี้เสีย นางได้ผลาญพลังวิญญาณไปมากมายถึงเพียงนี้แล้ว แน่นอนว่าจะต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเป็นแน่!” เซี่ยโหวจือถูกมู่เฉียนซีทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนตอนนี้ก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าร่วมการแข่งขันต่อ ฉะนั้นจึงทำได้เพียงแค่ให้น้องสาวที่แสนดีเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและช่วยลงมืออีกแรง
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “ตกลง! ข้าจะทำอย่างที่ท่านพี่บอก”
มู่เฉียนซีเพิ่งจะออกมาจากสนามประลอง เมิ่งเสี่ยวชิงก็กล่าวขึ้นมาว่า “แม่นางมู่ ด้วยความสามารถที่แข็งแกร่งมากของท่านทำให้ข้าชื่นชมยิ่งนัก เช่นนั้นข้าจึงอยากที่จะท้าทายท่านด้วย”
มู่เฉินซีเพิ่งลงมาจากสนามประลองหลังจากที่ต่อสู้เสร็จ แต่เมิ่งเสี่ยวชิงกลับกล่าวท้าทายออกมา นี่มันจะใจร้ายเกินไปหน่อยแล้ว
พวกเขาเหลือบมองไปยังท่าทางอาฆาตแค้นนั้นของเซี่ยโหวจืออย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และดูเหมือนว่าแม่นางเมิ่งกำลังจะแก้แค้นให้กับพี่สาวที่แสนดีของนาง
ในเวลานี้ เสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“นางปฏิเสธ เช่นนั้นข้าจะเป็นคนสู้เอง”
ในที่สุดชายหนุ่มรูปงามที่ดูราวกับไร้ตัวตนที่อยู่บนชั้นเก้าก็เอ่ยปากออกมาจนได้ เมิ่งเสี่ยวชิงผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนคลี่ยิ้มกล่าวว่า “ตกลง!”
ทั้งสองคนขึ้นไปบนสนามประลอง และเมิ่งเสี่ยวชิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้มอันอ่อนหวานว่า “คุณชายฉู่ โปรดปรานีด้วย!”
ผลสุดท้ายแล้วทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น ฉู่หลีก็ไม่ได้ลงมืออย่างปราณีเลยสักนิด อีกทั้งยังใช้เพียงกระบวนท่าเดียวในการจัดการกับเมิ่งเสี่ยวชิงภายในชั่วพริบตาด้วย
เขาไม่เพียงแต่ลงมือในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น แต่ยังทำให้นางบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย ถึงอย่างไรก็ตามวันนี้คงจะไม่สามารถท้าทายมู่เฉินซีได้อีกแล้ว
เมิ่งเสี่ยวชิงถูกเอาชนะอย่างไม่ให้เกียรติถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่ได้โกรธเคืองเลย อีกทั้งนางที่กำลังอ่อนเพลียกลับจ้องมองไปยังฉู่หลีที่อยู่บนชั้นเก้าด้วยแววตาที่เปล่งประกายอีกด้วย
และแววตานั้นก็ถูกเหยียนสังเกตเห็นเข้าแล้ว นางกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “น้องซีเอ๋อร์ หญิงสาวผู้นั้นคงจะไม่ได้เป็นบ้าไปแล้วหรอกใช่หรือไม่! ถูกฉู่หลีเอาชนะอย่างไร้ความปรานีถึงเพียงนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะชอบฉู่หลีเข้าเสียแล้ว”
มู่เฉียนซี กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นจะให้ทำอย่างไร คนที่มีเสน่ห์อย่างฉู่หลีจะมีคนมาตกหลุมรักไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ชายหนุ่มที่ชื่นชอบเจ้าก็มีอยู่ไม่น้อย! เจ้าอย่าไปอิจฉาไปเลย!”
ฉู่หลีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าไม่ชอบที่ถูกคนอื่นมาชอบ มันน่ารำคาญ!”
หลังจากนั้นก็กล่าวว่า “ยกเว้นศิษย์น้อง! ถูกศิษย์น้องชื่นชอบไม่น่ารำคาญ”
เหยียนกล่าวอย่างโกรธเคือง “เจ้าก็อย่าหลงตนเองให้มันมากนักเลย! น้องซีเอ๋อร์ไม่เคยพูดว่าชื่นชอบเจ้าเสียหน่อย”
ฉู่หลีเอาชนะคุณหนูเมิ่งอย่างไม่ให้เกียรติเช่นนี้ ทำให้เหล่าบุรุษผู้พิทักษ์สาวงามต่างรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
“เจ้าฉู่หลีผู้นั้นยังถือว่าเป็นบุรุษอีกอย่างนั้นหรือ! ไม่คิดเลยว่าจะทำกับคุณหนูเมิ่งถึงเพียงนี้”
“ถึงความสามารถที่แข็งแกร่งนั้นจะยอดเยี่ยมมาก! แต่ด้วยความสามารถที่แข็งแกร่งนั้นสามารถทำให้ผู้อื่นต้องอับอายเช่นนี้ด้วยหรือ?”
“……”
เหยียนกล่าวพลางยิ้มเยาะว่า “เจ้าดูสิ เจ้าทำให้ผู้คนโกรธเคืองใหญ่แล้ว! อย่างน้อยเจ้าก็น่าจะต่อสู้กับนางสักสามสี่กระบวนท่าสิ!”
ฉู่หลีตอบกลับว่า “น่ารำคาญ ในเมื่อสามารถใช้เพียงกระบวนท่าเดียวก็จัดการได้แล้ว จะสิ้นเปลืองพลังใช้หลายกระบวนท่าไปทำไมกัน”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย และนางก็ได้ค้นพบว่าศิษย์พี่ของนางเป็นคนที่ขี้รำคาญมากคนหนึ่งจริง ๆ
ถึงฉู่หลีจะหยุดเมิ่งเสี่ยวชิงเอาไว้คนหนึ่ง แต่ทว่าตู๋กูล่างก็คิดที่จะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้ของมู่เฉียนซีในการเอาชนะนางเช่นกัน และวันนี้เขาก็จะคว้าเอาตำแหน่งอัจฉริยะอันดับหนึ่งมาให้จงได้
“มู่เฉินซี ข้าอยากที่จะท้าประลองกับเจ้า! ไสหัวลงมาเดี๋ยวนี้”
เหยียนกล่าวว่า “รอบที่แล้วฉู่หลีชิงลงมือไปเสียก่อน ฉะนั้นรอบนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเจ้าผู้ชายต่ำช้าผู้นี้เอง”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ต้องหรอก ยังไงข้าก็ต้องขึ้นไปอยู่ดี! เมื่อครู่ข้าพักผ่อนไปสักพักแล้ว และยังสัมผัสได้ว่าจะบรรลุแล้วด้วย เช่นนั้นควรฉวยโอกาสตีเหล็กตอนที่ยังร้อนด้วยการต่อสู้อีกสักรอบ แล้วค่อยดูว่าข้าจะสามารถบรรลุได้หรือไม่?”
เหยียนกล่าวว่า “ก็ได้ เช่นนั้นน้องซีเอ๋อร์ก็สั่งสอนมันเสียหน่อย มันน่ารังเกียจเกินไปแล้ว มันคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดกัน? คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาพูดกับน้องซีเอ๋อร์เช่นนี้”
ตู๋กูล่างผู้มีความสามารถที่แข็งแกร่งมากไม่คิดว่าจะฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้อื่นเช่นนี้ ซึ่งนี่ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้มู่เฉินซีต่างก็ไม่ได้รับคำท้าทาย และครานี้พวกเขารู้สึกว่าหากมู่เฉียนซีฉลาดแล้วละก็ น่าจะไม่รับคำท้าทายเช่นกัน
แต่ว่าในตอนนี้มู่เฉียนซีกลับลุกยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “ไสหัวรึ? ตู๋กูล่าง เจ้าสาธิตโดยการไสหัวตนเองไปบนสนามประลองให้คนอื่นเขาได้ดูก่อนสิ!”
“เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับข้าอย่างนั้นหรือ?” ตู๋กูล่างกล่าวอย่างเดือดดาล
“มีอะไรที่ต้องไม่กล้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าเก่งกาจนักหรืออย่างไร? ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ไสหัวขึ้นไปบนสนามประลอง หรือไม่ก็พูดกับข้าดี ๆ หากเจ้ายังคิดที่จะประลองกับข้าละก็นะ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
ภายในใจของตู๋กูล่างเดือดดาลเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเพื่อที่จะได้เอาชนะมู่เฉินซีจึงทำได้เพียงแต่ต้องอดทนเอาไว้ก่อนเท่านั้น
รอให้มู่เฉินซีขึ้นมาที่สนามประลองมาก่อนเถอะ เขาจะต้องทำให้นางเสียใจภายหลังแน่
“แม่นางมู่ ข้าต้องการที่จะท้าทายเจ้า! มาเถอะ พวกเรามาต่อสู้กันสักยก ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่กลัวข้าตู๋กูล่างผู้นี้หรอก ใช่หรือไม่?” ทันทีที่เขาพูดจบ ตู๋กูล่างก็พุ่งทยานขึ้นไปบนสนามประลองอย่างว่องไว
และมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานออกไปเช่นกัน นางกล่าวว่า “แน่นอนว่าข้าไม่กลัวเจ้าอยู่แล้ว!”
เมื่อตอนที่มู่เฉียนซีขึ้นมาบนสนามประลองก็มีคนไม่น้อยที่กล่าวพล่างทอดถอนหายใจว่า “เฮ้อ! มู่เฉินซีจะหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว”
“ประลองอย่างต่อเนื่องมาถึงสองสนาม อีกทั้งคู่ต่อสู้ต่างก็แข็งแกร่งมาก ตอนนี้ยังต้องมาเจอกับตู๋กูล่างอีก เกรงว่าครานี้คงจะพ่ายแพ้อย่างน่าเวทนาเป็นแน่”
“หากอดทนเสียหน่อย แล้วพักผ่อนสักวัน พรุ่งนี้ค่อยมาต่อสู้กัน แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับตู๋กูล่างก็มีความเป็นไปได้มากว่าต้องชนะเป็นแน่ เพราะถึงอย่างไรความสามารถทางด้านความเร็วและกายภาพของแม่นางมู่ก็แข็งแกร่งมากอย่างผิดปกติอยู่แล้ว”
และในตอนนี้เองหนานเฉินก็กลับมาถึงชั้นที่แปดอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “แม่นางมู่ไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว!”
“เฮอะ! ไม่มีทางแพ้รึ เจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน? นางเอาชนะเจ้าได้ เจ้ายังมองนางในแง่ดีถึงเพียงนั้นอีกหรือ เจ้าบ้าหรือไง!” เซี่ยโหวจือกล่าวไม่พอใจเป็นอย่างมาก
หนานเฉินจ้องมองไปที่ร่างสีม่วงนั้นก่อนจะคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เจอคู่ต่อสู้เช่นนี้”
เขาหันหน้าไปมองเซี่ยโหวจือแล้วกล่าวว่า “คนที่ป่วยน่าจะเป็นคุณหนูเซี่ยโหวอย่างเจ้ามากกว่า คุณหนูเซี่ยโหวเจ้าควรที่จะไปหานักปรุงยาดูสมองของเจ้าเสียบ้างนะ”
เซี่ยโหวโกรธขึ้นมาอีกครั้ง “หนานเฉิน ข้าต้องการจะท้าประลองกับเจ้า!”
“ข้าไม่รับ ดูการต่อสู้ของแม่นางมู่ยังน่าสนใจกว่าต่อสู้กับเจ้าเสียอีก” หนานเฉินกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
และเซี่ยโหวจือกำลังจะอกแตกตายด้วยความโกรธเกรี้ยวแล้ว นางกล่าวว่า “ดูไปเถอะ เจ้าคอยดูมู่เฉินซีที่เจ้าชอบนักหนาถูกตู๋กูล่างสังหารอย่างเหี้ยมโหดไปเสียเถอะ! อาศัยแค่ความกล้าของนาง จนต่อกรกับศิษย์พี่ของสำนักหลางซิงได้อย่างนั้นหรือ?”
.
.