ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1911 เนรคุณ
พรึ่บ!
ธนูอาบยาพิษดอกนั้น ได้ทะลุแขนที่เรียวบางของนางไป
ร่างบางล้มลงไปตรงหน้า แต่ทว่าฉู่หลีก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเมินเฉย และไม่เข้าไปช่วยประคองคนไว้เลยแม้แต่น้อย
บนใบหน้าของเขา ยังคงไม่แสดงสีหน้าอื่นใดออกมาเลย
เหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “โอ้! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะได้รับการช่วยเหลือจากสาวงามที่มาช่วยวีรบุรุษเช่นนี้ด้วย!”
ผู้คนต่างหันไปมองสาวงามที่ช่วยวีรบุรุษผู้นั้น ด้วยรูปร่างที่เล็กกะทัดรัดนั้น และมีใบหน้าที่งดงามจนทำให้คนรู้สึกเอ็นดู
“เป็นแม่นางเมิ่ง!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแม่นางเมิ่ง”
“……”
เมิ่งเสี่ยวชิงในตอนที่อยู่ในงานชุมนุมอัจฉริยะ แม้ว่าจะถูกฉู่หลีจัดการได้ภายในพริบตาเดียว แต่นางก็ยังสามารถรักษาลำดับในชั้นที่แปดไว้ได้ตลอด และเมื่อมีคนมาท้าทายนางก็สามารถเอาชนะมาได้อย่างง่ายดาย
นางเป็นอัจฉริยะที่รองลงมาจากตู๋กูล่างและหนานเฉิน ซึ่งคิดไม่ถึงเลยว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพื่อที่จะช่วยเหลือฉู่หลี
เลือดสีดำไหลลงมาตามแขนของนาง สีหน้าของเมิ่งเสี่ยวชิงยิ่งซีดเผือดมากขึ้นเรื่อย ๆ
นางจ้องมองไปที่ฉู่หลีด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าพลางกล่าวว่า “คุณชายฉู่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”
มีสาวงามเข้ามาช่วยอย่างสุดชีวิต ชายหนุ่มโดยทั่วไปคงต้องรู้สึกปลาบปลื้ม และต้องรู้สึกสงสารไปด้วย แต่ทว่าฉู่หลียังคงไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมาเลย
หลังจากนั้นเขาก็หันกลับไปจัดการกับศัตรู เพราะเขายอมไปต่อสู้ดีกว่ายอมที่จะต้องมาสนใจคนผู้นี้
และสิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างตะลึงงัน นี่…เกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายคนนี้กันแน่?
พวกเขาไม่เคยเห็นชายที่ไม่รับน้ำใจเช่นนี้มาก่อนเลย คนอื่นต้องมาได้รับบาดเจ็บเพราะเขาเชียวนะ!
เหยียนกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “ฉู่หลี เจ้าหมอนี่มีปัญหาอะไรหรือไม่นะ? เขาไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย ดูคุณหนูเมิ่งใกล้จะร้องไห้เต็มทีแล้ว”
มู่เฉียนซีมองไปที่เมิ่งเสี่ยวชิง ก่อนหน้านี้ลูกธนูดอกนั้น แม้ว่าเมิ่งเสี่ยวชิงจะไม่วิ่งออกมาขวางมันเอาไว้ ศิษย์พี่ก็สามารถหลบมันได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว ซึ่งการทำเช่นนี้ของนางมันไม่มีความจำเป็นเลย
แต่อย่างน้อยก็เป็นคนที่มาช่วยศิษย์พี่ เนื่องจากศิษย์พี่ขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจเรื่องพวกนี้ มู่เฉียนซีจึงได้เดินเข้าไปแทน
“แม่นางเมิ่ง พิษนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พิษที่ร้ายแรงนัก แต่ท่านรีบรักษาให้หายก่อนจะดีกว่า! ยาแก้พิษนี้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ท่านรับมันสักหน่อยเถอะ!”
เมิ่งเสี่ยวชิงยิ้มอย่างอ่อนแรงพลางกล่าวว่า “ขอบคุณแม่นางมู่ที่หวังดี ข้าก็มียารักษาอาการบาดเจ็บอยู่เช่นกัน”
นางไม่ได้รับยาของมู่เฉียนซี และหยิบเอายาของตนเองออกมากลืนลงไปเม็ดหนึ่ง และในเวลานี้ก็มีใครบางคนพุ่งทะยานเข้ามาอย่างกะทันหันแล้วกล่าวว่า “มู่เฉินซี อย่าคิดว่าเจ้าได้ที่หนึ่งจากงานชุมนุมอัจฉริยะครั้งนี้แล้วจะวิเศษวิโสมากนักหรืออย่างไร คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามาทำร้ายน้องเมิ่งของข้า”
คุณหนูเซี่ยโหวพุ่งเข้ามาเพื่อสังหาร และโจมตีมาทางมู่เฉียนซีด้วยแส้ยาวที่เป็นเหมือนกับอสรพิษอย่างไรอย่างนั้น
มู่เฉียนซีหลบหลีกร่างกายไปมา จนเซี่ยโหวจือที่ไล่กวดเข้ามาเห็นว่ามีเลือดสีดำอยู่ที่แขนของเมิ่งเสี่ยวชิง
“มู่เฉินซี เจ้าวางยาพิษตู๋กูล่างและฉวยโอกาสเอาชนะมาได้ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะมาวางยาน้องเมิ่งด้วย จับนางมาให้ข้า ข้าจะต้องทำให้ผู้หญิงนางนี้ได้เรียนรู้ซะบ้าง! วันนี้มีข้าอยู่ นางอย่าคิดที่จะเข้าไปในหอหนานหลิงได้เลย”
เซี่ยโหวจือรู้ดีว่าตนเองเพียงคนเดียวไม่สามารถที่จะจัดการมู่เฉียนซีได้ และแน่นอนว่าต้องออกคำสั่งกับคนที่อยู่ข้างกายตนเองแทน
เมิ่งเสี่ยวชิงกล่าวว่า “ท่านพี่เซี่ยโหว นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดแล้ว! แม่นางมู่ไม่ได้ทำร้ายข้า”
“น้องเมิ่ง เจ้าใจดีเกินกว่าจะตามแผนการของนางทัน แต่ข้าไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นแน่ จัดการซะ!”
ตูมมม โครมมม!
การตะลุมบอนรุนแรงมากขึ้น แต่ไม่ว่าพวกเขาพยายามที่จะจัดการกับมู่เฉียนซีอย่างไร มู่เฉียนซีต่างก็สามารถหลบหลีกได้ทั้งสิ้น
เสียงเอะอะที่ออกมาจากทางทิศตะวันออกนั้นไม่ใช่เล็กน้อยเลย อีกทั้งมันยังใกล้กับเมืองหนานหลิงถึงเพียงนั้น แน่นอนว่าผู้อาวุโสที่อยู่บนเขาหนานหลิงจะต้องตระหนักถึงมันได้อยู่แล้ว
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
มีร่างสองสามร่างร่อนลงมา และในเวลานี้คนของจูเชว่ก็ได้มาถึงแล้วเช่นกัน
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าสร้างเรื่องวุ่นวายในเวลาเช่นนี้ นี่ไม่เห็นผู้อาวุโสอย่างพวกข้าอยู่ในสายตาเลยจริง ๆ สินะ หยุดเดี๋ยวนี้!” ผู้อาวุโสเหล่านี้ค่อนข้างมีอำนาจเป็นอย่างมาก ทันทีที่เขาเอ่ยปาก เหล่าคนชุดดำที่โผล่ออกมาเหล่านั้นก็ล่าถอยออกไปทันที
เซี่ยโหวจือยังคิดที่อยากจะลงมือ แต่ทว่าคนของนางได้ถูกลูกน้องของจูเชว่ขวางเอาไว้แล้ว
เซี่ยโหวจือกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส มู่เฉินซีเพื่อที่จะลดจำนวนคู่แข่งที่หอหนานหลิงลง คิดไม่ถึงเลยว่านางจะวางยาพิษน้องเมิ่งของข้า คนเช่นนี้ถึงแม้ว่าจะมีความสามารถที่ไม่เลว แต่คนที่มีนิสัยเช่นนี้ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปในหอหนานหลิง”
มู่เฉียนซียิ้มเยาะ “คุณหนูเซี่ยโหว เจ้านี่ก็จะพูดเล่นเกินไปหน่อยแล้วนะ! ด้วยความสามารถของข้า ถึงแม้จะเข้าไปในหอหนานหลิงแล้ว ศักยภาพในการแข่งขันของคนอื่นสำหรับข้าแล้วไม่ได้มากมายเลย แล้วข้าจำเป็นที่จะต้องมาเสียแรงลงมืออยู่ตรงนี้ไปทำไมกัน”
“ท่านพี่เซี่ยโหว ท่านเข้าใจผิดแล้ว! ที่ข้าบาดเจ็บไม่ได้เป็นเพราะแม่นางมู่ แต่เป็นเพราะคนลึกลับเหล่านั้นต่างหาก และแม่นางมู่ยังจะให้ยาแก้พิษแก่ข้าด้วย” เมิ่งเสี่ยวชิงลุกขึ้นมากล่าวอธิบาย
“ใช่แล้ว! แม่นางเมิ่งได้รับบาดเจ็บเพราะจะช่วยเหลือฉู่หลีผู้นั้น!”
“เจ้าหมอนั่นยังถือว่าเป็นผู้ชายได้อีกหรือ ไม่คิดเลยว่าจะให้ผู้หญิงคนหนึ่งมาขวางธนูให้ แม่นางเมิ่งช่วยเขาแล้ว แม้แต่คำขอบคุณเขายังไม่เอ่ยออกมาเลยด้วยซ้ำ”
“ความสามารถสูงส่งแล้วยังไง! ถึงอย่างไรก็ไม่ควรปฎิเสธความหวังดีที่คนอื่นมอบให้สิ”
วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของเมิ่งเสี่ยวชิงที่สาวงามช่วยวีรบุรุษในครั้งนี้มีผู้คนมากมายที่ได้เห็นมัน แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเมิ่งเสี่ยวชิงจะไม่งดงามเท่าเหยียนเหลียนเจียที่งดงามราวนางฟ้าก็ตาม แต่ก็มีคนที่ชื่นชมนางอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ในเวลานี้พวกเขาต่างก็อิจฉาฉู่หลีจนจะเป็นบ้ากันอยู่แล้ว คนอย่างฉู่หลีมีอะไรดีกัน เขาไม่เห็นแก่หน้าของคุณหนูเมิ่งและจัดการนางภายในชั่วพริบตาตั้งแต่ครั้งแรก แล้วเหตุใดนางจำต้องช่วยเขาถึงเพียงนี้ด้วย
เหยียนกล่าวหยอกล้อว่า “ฉู่หลี ที่ข้าพูดนั้นไม่ผิดเลย! ที่เจ้าจัดการนางภายในพริบตาเมื่อครั้งที่แล้ว มันได้ทำให้นางชอบเจ้าเข้าแล้ว! คราวนี้นางยังพยายามช่วยเจ้าอย่างสุดชีวิตอีก หรือว่าเจ้าจะไม่หวั่นไหวเลยอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่!”
จนถึงตอนนี้ฉู่หลีก็ยังไม่แม้แต่จะเหลือบมองเมิ่งเสี่ยวชิงเลยสักครั้ง ซึ่งนี่ต่างก็ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาช่างเป็นคนเนรคุณเสียจริง ๆ
มู่เฉียนซีมองไปทางเมิ่งเสี่ยวชิงแล้วกล่าวว่า “แม่นางเมิ่ง ฉู่หลีเป็นเพื่อนของข้า เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด เช่นนั้นข้าต้องขอโทษท่านแทนเขาด้วย”
ฉู่หลีมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างไม่เห็นด้วย และเมิ่งเสี่ยวชิงก็กล่าวขึ้นมาว่า “คุณชายฉู่ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก เพราะข้าเพียงแค่ทนเห็นคุณชายฉู่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้เท่านั้นเอง”
เมิ่งเสี่ยวชิงแอบมองไปที่ฉู่หลี จากนั้นนางก็ก้มหน้าลง และกำมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อนั้นเอาไว้แน่น
มู่เฉินซี เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงมาขอโทษแทนเขา? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกัน?
มู่เฉียนซีมองไปทางฉู่หลีแล้วกระซิบกระซาบถามว่า “ศิษย์พี่? เป็นอะไรไป? ท่านไม่ชอบที่ข้าทำเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลีตอบกลับไปว่า “ไม่มีความจำเป็น ข้าสามารถหลบมันได้ นางทำอะไรเกินตัวไปเอง ศิษย์น้องไม่ต้องขอโทษหรอก”
“แน่นอนว่าข้ารู้อยู่แล้ว! แต่ข้าไม่อยากให้คนอื่นพูดว่าศิษย์พี่ของข้าเป็นคนเนรคุณ ศิษย์พี่ออกจะดีขนาดนี้” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
ฉู่หลีกระซิบว่า “อื้ม! ดีมาก ศิษย์น้องคิดว่าดีก็พอแล้ว ส่วนคนอื่นข้าไม่สนใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“แต่ว่าเมิ่งเสี่ยวชิงผู้นั้น…” มู่เฉียนซีมองไปทางเมิ่งเสี่ยวชิง นางติดต่อกับคนผู้นี้ไม่มากนัก
คราวนี้นางเอาตัวมาขวางธนูไว้อย่างสุดชีวิต ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะชื่นชอบศิษย์พี่อยู่บ้าง แต่นางมักจะรู้สึกแปลก ๆ บางอย่าง
“เอาล่ะ! คนที่มาสร้างความวุ่นวายก็ไปแล้ว พวกเจ้ารีบขึ้นเขาไปเถอะ หอหนานหลิงจะเปิดแล้ว มารอกันอยู่ตรงนี้พวกเจ้าคิดจะกินข้าวกลางวันกันที่นี่หรืออย่างไร?” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวอย่างอารมณ์เสีย
เมื่อมีเหล่าผู้อาวุโสเหล่านี้คอยคุ้มกัน แน่นอนว่าตลอดครึ่งทางต่างไม่เกิดปัญหาใด ๆ เลย เพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงยอดเขาอย่างรวดเร็ว
บนยอดเขานั้นมีหน้าผาแห่งหนึ่งอยู่ ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า และหอสีขาวเก้าชั้นแห่งหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาตรงขอบหน้าผานั่น
.
.