ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1913 ตรงเข้าไปเผาทำลาย
ความสามารถของตู๋กูล่างนั้นแข็งแกร่งมาก และเขาก็ยังมีความคุ้นเคยกับโถงกระบี่แห่งนี้มากกว่าพวกเขาทั้งสองคนอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงทะลวงผ่านโถงกระบี่ได้เร็วกว่าพวกไป๋จิ่งเยว่และชิงเสวียนเท่าหนึ่ง นอกจากนี้เขายังได้รับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพของโถงกระบี่แห่งนี้มาเล่มหนึ่งด้วย
ทว่าไป๋จิ่งเยว่และชิงเสวียนกลับอยู่ภายในนั้นอย่างตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ทะลวงผ่านโถงกระบี่ออกมาได้ อีกทั้งยังเก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เพียงแต่ตอนที่พวกเขาออกมาจากโถงกระบี่ ก็ได้รับบาดเจ็บกันอยู่ไม่น้อย และพลังวิญญาณก็ถูกใช้ไปค่อนข้างมากอีกด้วย
ตูมมมม!
ทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกโจมตีอย่างกะทันหัน คิดไม่ถึงเลยว่าตู๋กูล่างจะรอพวกเขาอยู่ด้านนอกนี่
สีหน้าของไป๋จิ่งเยว่บึ้งตึงขึ้นในทันที เขากล่าวว่า “ตู๋กูล่าง นี่เจ้าหมายความว่าเช่นไรกัน?”
ตู๋กูล่างกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “หมายความว่าอย่างไรรึ? แน่นอนว่าข้าอยากที่จะฆ่าพวกเจ้านะสิ พวกเจ้าอย่าได้โทษข้าเลย หากจะโทษก็โทษที่ความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของพวกเจ้ากับมู่เฉินซีก็แล้วกัน ฆ่าพวกเจ้าให้ได้ก่อน แล้วค่อยจัดการนางผู้หญิงคนนั้น”
“ฝันไปซะเถอะ!” ชิงเสวียนกล่าวด้วยเสียงเย็นชา จากนั้นก็กลืนยาลูกกลอนเพื่อฟื้นพลังวิญญาณ
กระบี่ปีศาจถูกชักออกมา จากนั้นก็มองไปที่ตู๋กูล่างอย่างดุร้าย
ไป๋จิ่งเยว่ก็ไม่ได้รอช้า และรีบลงมือเช่นกัน
“คิดอยากที่จะฆ่าพวกข้า มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นหรอก”
จากนั้นไป๋จิ่งเยว่และชิงเสวียนก็ร่วมมือกันจัดการกับตู๋กูล่าง แต่ตู๋กูล่างกลับทำราวกับว่าเขาจะชนะได้อย่างแน่นอน
“แม้ว่าพวกเจ้าจะร่วมมือกัน แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี”
แต่สิ่งที่ทำให้ตู๋กูล่างประหลาดใจก็คือ พลังวิญญาณที่เดิมทีหมดไปแล้วของพวกเขาทั้งสองกลับฟื้นฟูกลับมาได้รวดเร็วเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้พลังในการต่อสู้ของพวกเขายังเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก ดูท่าแล้วการจะจัดการพวกเขาคงเสียเวลาไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ในตอนที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ร่างสีขาวร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานออกมา
“ท่านพี่ตู๋กู นี่ท่าน?”
“ซ่งหมิงเยว่ เจ้ามาได้ทันเวลาพอดี ฆ่าพวกเขาทั้งสองคนนี้ซะ เมื่อตอนที่ไปยังห้องโถงอื่น ข้าจะบุกทะลวงไปด้วยกันกับเจ้า เช่นนี้โอกาสชนะของเจ้าก็จะสูงขึ้นเป็นอย่างมาก”
ทันทีที่ซ่งหมิงเยว่ได้ยิน ดวงตาก็เขาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที “เช่นนั้นคงต้องขอบคุณท่านพี่ตู๋กูก่อนเสียแล้ว”
การสู้แบบสองต่อหนึ่งของไป๋จิ่งเยว่และชิงเสวียนยังพอสามารถสกัดกั้นตู๋กูล่างเอาไว้ได้ แต่เมื่อมีซ่งหมิงเยว่เพิ่มมาใหม่อีกคนหนึ่ง สถานการณ์ของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นอันตรายมากในทันที
พรวด พรวด พรวด!
ในตอนนี้ไป๋จิ่งเยว่และชิงเสวียนได้รับบาดเจ็บ แต่ทว่าจิตวิญญาณในการต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้ลดน้อยลงเลย
ตู๋กูล่างหัวเราะขึ้นมาอย่างชั่วร้าย “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! คุณชายไป๋ อย่างน้อยเจ้าก็เป็นลูกศิษย์ที่มีสำนัก ความจริงแล้วข้าก็ไม่อยากทำเรื่องให้มันสุดโต่งมากเกินไป หากเจ้าคุกเข่าร้องขอความเมตตา ข้าจะเหลือศพของเจ้าไว้ให้ก็ได้!”
“ส่วนผู้บำเพ็ญอิสระผู้นี้ รีบตายไปซะจะเป็นทางที่ดีที่สุด!”
ชิงเสวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าสู้ลูกพี่ไม่ได้จึงได้มาลงมือกับพวกเราแทนหรอกหรือ ช่างน่าสงสารจริง ๆ เจ้าขยะไร้ค่าเอ้ย!”
“เจ้าลองพูดอีกรอบสิ?” ทันทีที่ชิงเสวียนเอ่ยปาก มันก็ทำให้ตู๋กูล่างระเบิดด้วยความเกรี้ยวกราด
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ในเวลานี้ ก็ได้มีเสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ตู๋กูล่าง เจ้าโกรธเคืองมากจนไร้ซึ่งความละอายใจไปแล้วสินะ หรือว่าสิ่งที่ชิงเสวียนพูดมันจะผิดอย่างนั้นหรือ? เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่ขยะที่ไร้ค่าเท่านั้นแหละ”
ร่างสีม่วงพุ่งทะยานออกมาราวกับภูตผีอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นมู่เฉียนซีก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตู๋กูล่างและซ่งหมิงเยว่
นางบุกทะลวงผ่านโถงดาบ และหลังจากที่บุกมาจนถึงโถงกระบี่ ก็ได้มาเห็นกับฉากเช่นนี้ โลกนี้มันช่างกลมเสียจริง ๆ เลย!
ตู๋กูล่างยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “ดีมาก ดีมากจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาหาถึงที่เช่นนี้ ดูท่าข้าคงไม่จำเป็นต้องไปหาเจ้าเป็นพิเศษแล้ว เจ้าตายไปซะเถอะ!”
ซ่งหมิงเยว่ก็พุ่งทะยานไปด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าไป๋จิ่งเยว่และชิงเสวียนไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาทั้งสองรุมโจมตีมู่เฉินซีได้ ฉะนั้นเขาทั้งสองจึงเข้าไปขวางซ่งหมิงเยว่เอาไว้
ถึงการ่วมมือกันของพวกเขาทั้งสองจะไม่อาจต่อกรกับตู๋กูล่างได้ แต่มันก็เพียงพอที่จะตรึงซ่งหมิงเยว่เอาไว้ได้
ตูมมม!
มู่เฉียนซีและตู๋กูล่างสู้กับแบบตัวต่อตัว ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อตู๋กูล่างเลยแม้แต่น้อย
“ตู๋กูล่าง เจ้านี่ไม่มีความก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย ความสามารถเพียงน้อยนิดแค่นี้ของเจ้า ยังคิดที่จะมาสู้กับข้า นี่กำลังคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่กันแน่?”
พลังธาตุพฤกษาและพลังธาตุดินได้พุ่งเข้าโจมตีมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่าฝีมือการโจมตีเช่นนี้ของเขาเป็นสิ่งที่มู่เฉียนซีเคยเห็นมาก่อนแล้ว อีกทั้งตอนนี้นางเลื่อนขั้นกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดแล้วด้วย ฉะนั้นการโจมตีเพียงเล็กน้อยนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อนางเลย
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะเจอกับกระบวนท่าไหนก็สามารถจัดการได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้สีหน้าของตู๋กูล่างย่ำแย่ลงเป็นอย่างมาก
นางเอ่ยปากกล่าวว่า “ตู๋กูล่าง เจ้ามีทีเด็ดอะไรก็รีบงัดออกมาเสีย ตอนนี้อยู่ภายในหอหนานหลิง เวลาก็เป็นดั่งของล้ำค่า ข้าไม่อยากที่จะเสียเวลากับเจ้ามากเกินไปนัก”
ตู๋กูล่างกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “เป็นเจ้าที่บังคับข้า เจ้าบีบบังคับข้าเองนะ มู่เฉินซี!”
ทันใดนั้น ดอกไม้สีเขียวเข้มช่อหนึ่งก็ปรากฏออกมาตรงหน้าของมู่เฉียนซี
ไป๋จิ่งเยว่ชะงักงันไปครู่หนึ่ง “คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นสัตว์วิญญาณธาตุพฤกษาที่หายากเช่นนี้ ไม่คิดเลยว่าตู๋กูล่างจะได้รับสมบัติที่ล้ำค่าขนาดนี้ได้”
สัตว์วิญญาณสายโจมตีที่มีธาตุพฤกษานั้นมีจำนวนน้อยมาก และก็มีเพียงจอมภูตธาตุพฤกษาเท่านั้นที่จะสามารถปราบมันได้
ซ่งหมิงเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ความสามารถของพี่ตู๋กูลึกเกินหยั่งถึงเสียจริง! สัตว์วิญญาณธาตุพฤกษานี้ถือได้ว่าเป็นกึ่งสัตว์เทพแล้ว ฉะนั้นการจะจัดการมู่เฉินซีคงเป็นเรื่องที่ง่ายดายไปเลย!”
ตู๋กูล่างยิ้มอย่างเต็มไปด้วยความมั่นใจ “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะในงานชุมนุมอัจฉริยะไม่อนุญาตให้ใช้สัตว์พันธสัญญา ข้าก็คงไม่มีทางถูกหญิงสาวอย่างมู่เฉินซีกดขี่ได้หรอก”
เมื่อเห็นสัตว์วิญญาณธาตุพฤกษานี้ มู่เฉียนซีกลับยิ้มออกมา
“ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากที่ใดกัน หากในงานชุมนุมอัจฉริยะอนุญาตให้ใช้สัตว์วิญญาณในการต่อสู้ได้ละก็ คาดว่าเจ้าคงจะถูกฆ่าภายในพริบตาเดียวเป็นแน่ เพราะ…”
“เสี่ยวโม่โม่ จงออกมา! เผาเจ้าของเล่นนี้ให้มอดไหม้ไปเสีย”
เปลวเพลิงสีดำระเบิดออกมา ด้วยแรงกดดันของสัตว์เทพทำให้ของเล่นที่เป็นเหมือนดอกไม้กินคนช่อนี้เหี่ยวเฉาลงในทันที อีกทั้งมันยังไม่มีความคึกคะนองเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว และคิดเพียงแต่จะกลับไปซ่อนตัวอยู่ในมิติพันธสัญญาของเจ้านายของมันอย่างรวดเร็วเท่านั้น
ตู๋กูล่างตะลึงงันไปอย่างสมบูรณ์ “สัตว์เทพ สัตว์เทพหงส์ธาตุอัคคี เป็นไปได้อย่างไร?”
พรึ่บ!
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดได้กลืนกินสัตว์วิญญาณธาตุพฤกษานั้นจนหายไปในทันที สุดท้ายแล้วมันก็ถูกแผดเผาจนไม่เหลือซากโดยไม่มีแรงขัดขืนเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของตู๋กูล่างเปลี่ยนเป็นซีดเผือดขึ้นมาทันที เขารีบถอยไปอย่างรวดเร็ว และอยากที่จะหนีไป เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์เทพที่ดูดุร้ายเช่นนี้ เขาก็หมดแรงในการต่อสู้ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คิดจะหนีตอนนี้ มันก็สายเกินไปแล้ว!”
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
ตู๋กูล่างในเวลานี้กระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก เขาไม่มีเวลาที่จะหลบหนีการโจมตีนี้เลยด้วยซ้ำ พลังโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของธาตุวายุได้ปะทุออกมา จากนั้นก็กระแทกตู๋กูล่างจนลอยละลิ่วออกไปไกล
พรวด!
ตู๋กูล่างล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง อีกทั้งยังรู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก เขากระอักเลือดออกมาจนสีหน้านั้นเปลี่ยนเป็นขาวซีด
แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ รีบตะเกียกตะกายขึ้นมาเพราะหวังที่จะหนี
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
พรวด พรวด พรวด!
ทั่วทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำ และถึงอยากจะหนีตอนนี้ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะวิ่งอีกแล้ว
พัดวิหคเฟิงหลิง ในเวลานี้ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ เพียงแค่มู่เฉียนซีมีความคิด ศีรษะของตู๋กูล่างก็จะตกลงบนพื้นในทันที
“มู่เฉินซี เจ้ากล้าฆ่าข้าก็ลองดูสิ! ข้าเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักหลางซิง หากเจ้าฆ่าข้า สำนักหลางซิงไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่” ตู๋กูล่างคำรามกล่าว
“จะไม่ปล่อยข้าก็ไม่ต้องปล่อยสิ เจ้าคิดว่าข้าจะสนใจอย่างนั้นหรือ?” ด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาดของพัดวิหคเฟิงหลิงทำให้ไม่เหลือแม้แต่รอยเลือดบนต้นคอของเขา มู่เฉียนซีนี่ช่างฆ่าคนได้อย่างคล่องแคล่วและหมดจดจริง ๆ
ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต สีหน้าที่เหลือเชื่อได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของตู๋กูล่าง คิดไม่ถึงว่าเมื่อมู่เฉินซีพูดว่าจะฆ่าก็ฆ่าได้ทันที โดยที่ไม่คำนึงถึงสถานะและผู้ที่อยู่เหนือเขาเลยแม้แต่น้อย
ซ่งหมิงเยว่ที่กำลังต่อสู้อยู่อย่างติดพันอยู่กับไป๋จิ่งเยว่และชิงเสวียน เมื่อได้เห็นมู่เฉียนซีสังหารตู๋กูล่างไปอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดขึ้นมาทันที หากเขายังอยู่ที่นี่ต่อไปเขากลัวว่าจุดจบของเขาจะกลายเป็นเหมือนกับตู๋กูล่างอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
.
.