ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1918 คนไร้ความสามารถที่ยังไม่เจียระไน
“แม่นางน้อย เจ้าพูดอะไรนะ?” เสียงที่กึกก้องนี้ดังสะท้อนอยู่ในหู
แม่นางน้อย สามคำนี้ทำให้ทั้งมู่เฉียนซีและเหยียนต่างก็ตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ทนไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมา “พรืดด! แม่นางน้อยอย่างนั้นหรือ”
มู่เฉียนซีมองไปทางเหยียนพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วกล่าวว่า “แม่นางน้อย สวัสดีจ้ะ!”
สีหน้าของจูเชว่แข็งทื่อขึ้นมาทันที เขาไม่ใช่แม่นางน้อย เขาคือชายหนุ่มต่างหากล่ะ
น่าเสียดายที่การแปลงโฉมของเขานั้นสมบูรณ์แบบมากเกินไป แม้แต่ผู้อาวุโสต่างก็ถูกหลอกไปด้วยอีกคน
จูเชว่กล่าวว่า “ที่แท้ชีวประวัติที่น่าอัศจรรย์ของหอหนานหลิง ก็เป็นสถานที่ที่นักหลอมอาวุธท่านหนึ่งได้ทิ้งเป็นมรดกไว้ให้นี่เอง”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว หอหนานหลิงแห่งนี้เป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่ข้าเคยทำมา ที่ข้าอยู่ที่นี่มาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ก็เพื่อรอคนที่เหมาะสมจะมาเป็นผู้สืบทอดนั่นแหละ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส เหตุใดท่านถึงไม่บอกคนทั้งโลกว่ามรดกที่ท่านทิ้งไว้เป็นสถานที่ของนักหลอมอาวุธท่านหนึ่ง คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นจอมภูตมาโดยกันทั้งนั้น การที่ท่านจะรอผู้สืบทอดที่เหมาะสมมาถึงมันก็ดูจะแปลกเกินไปหน่อย ส่วนที่พวกข้าขึ้นมาได้ก็เป็นเพียงแค่ความโชคดีเท่านั้น”
นักหลอมอาวุธท่านนี้ก็รู้สึกหดหู่มากเช่นกัน “ในตอนแรกข้าไม่ได้คิดมากมายถึงเพียงนั้น ใครจะไปคาดคิดว่าผลมันจะเป็นเช่นนี้ได้เล่า! ไม่ได้ ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ขึ้นมาได้แล้ว ไม่ว่าพวกเจ้าจะเข้าใจในการหลอมอาวุธหรือไม่ หรือจะเป็นนักปรุงยาอะไรก็ตาม พวกเจ้าก็ต้องลองดูสักครั้งสิ?”
มู่เฉียนซีและจูเชว่ต่างก็ถูกกดดันให้เรียนหลอมอาวุธ แม้จูเชว่จะเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคี แต่กลับไม่มีคุณสมบัติในการเรียนรู้เรื่องการหลอมอาวุธเลยแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสท่านนี้ถูกพรสวรรค์ในการหลอมอาวุธที่พิกลพิการจนไม่อาจจะพิกลพิการได้อีกแล้วของเขาทำให้ต้องหงุดหงิดใจ
“เจ้ามันไม้ผุที่แกะสลักไม่ได้แล้วจริง ๆ ไร้ความสามารถ!”
จูเชว่ในนามเหยียนกล่าวว่า “เช่นนั้นท่านอาวุโส ท่านยอมแพ้เสียเถอะ! ข้าเคยเรียนการหลอมอาวุธเบื้องต้นมาบ้าง แต่ปรมาจารย์หลอมอาวุธต่างก็สิ้นหวังกันไปหมดแล้ว หากท่านต้องการที่จะได้ผู้สืบทอดคนหนึ่งจริง ๆ ท่านสามารถมอบมรดกมาให้ข้าได้ ข้าสามารถส่งต่อให้กับคนที่เหมาะสมได้! ข้ารับประกันว่าท่านจะต้องพอใจกับผู้มีพรสวรรค์คนนั้นแน่”
“ข้ามีหลักการ นั่นคือจำเป็นต้องมารับมรดกที่นี่”
“แต่ไม่รู้ว่าการเปิดของหอหนานหลิงในครั้งต่อไปจะต้องรอไปจนถึงเมื่อไรนะ!”
“ข้าสามารถรอได้!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เหยียน เจ้าถอยไปทางนั้นไป! ข้าจัดการเอง”
“น้องซีเอ๋อร์ พรสวรรค์ด้านการปรุงยาของเจ้าดีถึงเพียงนี้ ไม่อาจทำให้ความสามารถของเจ้ามีมลทินเพื่อมาเรียนรู้การหลอมอาวุธได้นะ!” จูเชว่กล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อะไรคือการเรียนหลอมอาวุธแล้วจะเป็นมลทิน เห็นได้ชัดว่าการหลอมอาวุธมีอนาคตกว่าการปรุงยาเป็นไหน ๆ การหลอมอาวุธสามารถสร้างอาวุธวิเศษที่มีประสิทธิภาพได้ สามารถสร้างสหายในการต่อสู้ได้มากมาย นักปรุงยาก็ทำได้เพียงแค่กินยาเท่านั้น มันไร้สาระเกินไป!” ผู้อาวุธกล่าวโต้แย้ง
มู่เฉียนซีตอบกลับว่า “ท่านผู้อาวุโส ที่ท่านกล่าวก่อนหน้านั้น ข้าน้อยเห็นด้วยเป็นอย่างมาก แต่ที่ท่านพูดตอนท้ายนั้น ข้าน้อยกลับไม่เห็นด้วยเลย ในฐานะนักปรุงยาคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่สามารถหลอมยาที่ช่วยในการฝึกฝนออกมาได้เท่านั้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือสามารถช่วยรักษาคนได้”
“หากรู้เรื่องยา ความลี้ลับที่มหัศจรรย์ของมันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนได้ แต่ท่านผู้อาวุโสที่ดูแคลนมันด้วยคำพูดไม่กี่คำเช่นนี้ อาจจะทำให้ถูกโกรธเอาได้นะเจ้าคะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ผู้อาวุโสรู้ว่าคำพูดของตนเองนั้นไร้เหตุผลมากเกินไป หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “ข้าเถียงสู้เจ้าไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าก็ต้องลองกับข้า! ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นนักปรุงยาด้วยหรือไม่!”
“เช่นนั้นผู้น้อยเช่นข้าก็จะยอมลองดูสักครั้ง!” มู่เฉียนซีตอบกลับ
“น้องซีเอ๋อร์…”
มู่เฉียนซีมองไปทางเหยียนแล้วกล่าวว่า “เหยียน ข้าเป็นนักปรุงยา แต่ข้าก็ไม่เคยบอกว่า ข้าไม่ใช่นักหลอมอาวุธนะ!”
เหยียนผงะไปครู่หนึ่ง “เป็นไปไม่ได้! น้องซีเอ๋อร์เจ้าเป็นนักหลอมอาวุธหรือ?”
“ข้าเรียนมาแค่ผิวเผินเท่านั้น และข้าก็มีความสนใจในการปรุงยามากกว่า ดังนั้นจึงไม่ได้เชี่ยวชาญเท่าไรนัก”
เหยียนกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “น้องซีเอ๋อร์ หากเจ้าเป็นนักหลอมอาวุธแล้วละก็ จะต้องผ่านการทดสอบนี้เป็นแน่ และก็รับมรดกมา หลังจากนั้น…คิ คิ คิ…”
“ถึงอย่างไรก็ให้น้องซีเอ๋อร์รับมันมาให้ได้ก่อน แล้วข้ามีข่าวดีที่จะบอกกับเจ้า!”
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว “ตกลง!”
“หากแม่นางน้อยเป็นนักหลอมอาวุธ เช่นนั้นก็ลองดูก่อนเถิด!”
“เจ้าค่ะ ท่านผู้อาวุโส!”
หากกล่าวว่าจูเชว่เป็นไม้ผุพังที่ไร้ความสามารถแล้วละก็ เช่นนั้นมู่เฉียนซีก็ต้องเป็นหยกที่ยังไม่ได้เจียระไนเป็นแน่ ผู้อาวุโสนักหลอมอาวุธที่สายตาเคยเศร้าซึมก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นคนที่ร่าเริงไปเสียแล้ว
“ต้นกล้าที่ดี! เป็นต้นกล้าที่ดีจริง ๆ สวรรค์ช่วยข้าแล้ว”
“มานี่สิ แม่สาวน้อย มาลองอันนี้!”
“แล้วก็อันนี้ด้วย!”
“ด้วยพลังจิตวิญญาณของเจ้า สามารถลองหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว”
มู่เฉียนซีพยักหน้า “เจ้าค่ะ!”
การท้าทายวิธีการหลอมอาวุธระดับนี้ ถึงมู่เฉียนซีจะล้มเหลวอยู่หลายครั้ง แต่หลังจากนั้นก็ทำมันได้สำเร็จ!
เหยียนเหม่อลอยอยู่อีกด้านหนึ่งตลอดเวลา เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามู่เฉียนซีจะไม่ได้เป็นเพียงนักปรุงยาขั้นศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเท่านั้น แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ได้กลายเป็นนักหลอมอาวุธขั้นศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งไปเสียแล้ว
สามารถหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ เท่านี้ น้องซีเอ๋อร์ยังบอกว่าตนเองเรียนหลอมอาวุธมาเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้นอีกอย่างนั้นหรือ โกหกชัด ๆ!
ในเวลานี้เขาสงสัยว่าตนเองกำลังฝันไปอยู่หรือไม่ เขาจึงเดินเข้าไปอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “น้องซีเอ๋อร์ เจ้าหยิกข้าหน่อย ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้เขากำลังฝันอยู่หรือไม่!”
มู่เฉียนซีไม่ได้หยิก แต่เตะเขาไปโดยตรง
ปัง!
“โอ้ย เจ็บ!”
เป็นความจริง!
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจ้าคนไร้ประโชยน์นั่นอวดดีในเรื่องการหลอมอาวุธของตนเอง เขาน่าจะคาดไม่ถึงว่าจะยังมีคนที่มีพรสวรรค์ในการหลอมอาวุธที่เก่งกาจยิ่งกว่าเขา และยังเป็นนักปรุงยาคนหนึ่งอีกด้วย!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” จูเชว่หัวเราะอย่างมีความสุขเป็นอย่างมาก
การแสดงออกของท่านผู้อาวุโสท่านนี้มีความพึงพอใจอย่างที่สุด “แม่สาวน้อย พรสวรรค์ของเจ้านั้นดีมาก ดูท่าที่ข้าเฝ้ารอมานานถึงเพียงนี้จะไม่เสียเปล่าแล้ว! หวังว่าเจ้าจะสามารถส่งเสริมทักษะการหลอมอาวุธที่ข้ามอบให้นั้นให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้!”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าพูดได้เพียงแค่ว่าจะพยายามอย่างเต็มที่เท่านั้น ก่อนที่ข้าจะกลายมาเป็นนักหลอมอาวุธคนหนึ่ง ข้าก็เป็นนักปรุงยาที่เรียนรู้การปรุงยามาแล้วหลายสิบปี และข้าก็รักการปรุงยามากด้วย”
ผู้อาวุโสรู้สึกขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งถอนหายใจด้วยความโกรธอีกหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็กล่าวว่า “หากมีคนที่ดูจะเป็นผู้สืบทอดต่อไปได้ ข้าอนุญาตให้เจ้าสั่งสอนมรดกของข้าให้แก่เขาได้ ข้าเชื่อในสายตาของเจ้า”
ต้นกล้าในการหลอมอาวุธที่ดีถึงเพียงนี้ แต่กลับหลงผิดเลือกเข้าไปเรียนปรุงยาเสียแล้ว อีกทั้งยังหลงทางอย่างไม่มีวันกลับได้อีกด้วย เขานี่ช่างเจ็บปวดใจเหลือเกิน!
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว “เจ้าค่ะ!”
“มาเถอะ! มารับมรกดของข้า ของสิ่งนี้มีความซับซ้อนเล็กน้อย แต่สาวน้อยเจ้าต้องรับมันเอาไว้ให้ได้” ผู้อาวุโสกล่าว
“ท่านผู้อาวุโส ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องข้าหรอก ข้าไม่เป็นไร!” ไม่ว่ามรกดของผู้อาวสุโสนักหลอมอาวุธท่านนี้ จะถือว่ามีความซับซ้อนหรือลึกซึ้งมากเพียงใด แต่ก็คงสู้คัมภีร์หมื่นคำสาปไม่ได้อย่างแน่นอน
คัมภีร์หมื่นคำสาปที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนั้นนางยังสามารถรับเอาไว้ แล้วรอดชีวิตมาได้ ฉะนั้นการรับมรดกของผู้อาวุโสท่านนี้ จึงไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ช่างเป็นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งเหลือเกิน น่าเสียดาย! ช่างน่าเสียดายจริง ๆ หากเจ้าเปลี่ยนใจมาฝึกฝนการหลอมอาวุธละก็ คาดว่าคงไม่ต้องใช้เวลาถึงร้อยปี ก็สามารถกลายเป็นนักหลอมอาวุธขั้นเทวะระดับสูงสุดคนหนึ่งได้อย่างแน่นอน”
มรดกนี้ มีความซับซ้อนมากจริง ๆ เพราะมีอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด
มู่เฉียนซีสามารถมองออกได้ว่านักหลอมอาวุธท่านนี้เป็นคนอารมณ์ร้อนและยังเป็นคนที่ประมาทเลินเล่อด้วย แต่เนื่องจากว่านางมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง เพียงไม่นานก็สามารถจัดเรียงความรู้ที่ซับซ้อนวุ่นวายมากมายเหล่านี้ให้เป็นระเบียบได้แล้ว หลังจากนั้นก็ทำให้นางค้นพบของที่น่าสนใจบางอย่างเข้า
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้ามีเรื่องบางอย่างที่อยากขอคำปรึกษาจากท่าน”
“พูดมาสิ! เมื่อหาผู้สืบทอดได้แล้ว อีกไม่นานจิตสำนึกของข้าก็จะหายไป หากต้องการคำแนะนำก็รีบถามเถอะ”
.
.