ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1919 เหตุผลใหม่
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ภายในความทรงจำที่ได้สืบทอดมาจากท่านผู้อาวุโส มีวิธีการซ่อมแซมมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ วิธีการเช่นนั้น สามารถซ่อมแซมสุดยอดมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพได้หรือไม่?”
พวกของอาถิงถูกทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าจะสามารถหลับลึกเพื่อฟื้นฟูในมิติวิญญาณของนางได้ แต่ทว่าผลที่ได้กลับยังไม่สมบูณแบบที่สุดอยู่ดี
พวกเขาคือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ หากสามารถใช้วิธีการทางการหลอมอาวุธทำให้พวกเขาฟื้นฟูเร็วขึ้นได้ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีมากเลยทีเดียว
ท้ายที่สุดแล้ว เพลิงหงส์อมตะของเทพหงส์ครั้งที่แล้วกลับให้ผลฟื้นฟูที่ดีกว่าการที่พวกเขาหลับใหลไปหลายปีเสียอีก
ผู้อาวุโสกล่าวถามว่า “มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพขั้นสุดยอดนั้นมีอยู่หลายชนิด ที่เจ้าพูดเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพขั้นสุดยอด มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพเหนือสุด หรือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพไร้เทียมทาน หรือว่าจะเป็น…”
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เป็นอย่างที่ท่านผู้อาวุโสกล่าว ชนิดสุดท้ายนั่น!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! หากแม่สาวน้อยไม่ใช่คนที่ได้รับมรดกของข้า หรือเป็นคนที่ถูกข้าเลือก นับว่าเจ้าช่างมีความกล้าหาญเสียเหลือเกิน คิดไม่ถึงเลยว่าอยากจะซ่อมแซมมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์! หากเจ้าสามารถทำได้จริง ๆ ข้าคงจะไม่ได้กลายมาเป็นนักหลอมอาวุธอย่างเปล่าประโชยน์แล้ว” ผู้อาวุโสหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่านักหลอมอาวุธทุกคนต่างใฝ่หา เนื่องจากว่าผู้ที่หลอมพวกมันขึ้นมานั้นไม่ใช่นักหลอมอาวุธคนใดเลย หรือจะพูดได้ว่ามันถูกหลอมขึ้นมาโดยนักหลอมอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด เนื่องจากว่านักหลอมอาวุธผู้นี้เป็นผู้มีพลังของฟ้าดิน และนี่ก็คือการมีอยู่ที่นักหลอมอาวุธทุกคนหมดหนทางที่จะเหนือกว่าได้”
ทันทีที่กล่าวถึงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ ความตื่นเต้นของผู้อาวุโสท่านนี้ก็พุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เช่นนั้นผู้อาวุโส มีหนทางหรือไม่”
“หากพูดถึงการซ่อมแซมมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพเหนือสุด ข้าสามารถแนะนำเจ้าสักอย่างสองอย่างได้ แต่หากเป็นถึงระดับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถไปเตะต้องได้ หากจะบอกว่าเจ้าต้องการที่จะเรียนรู้จริง ๆ โรงหลอมอาวุธโบราณที่เป็นสำนักใหญ่อันดับหนึ่งอย่างสำนักเคล็ดวิชาเทพฟ้าดินได้เป็นผู้ทำการศึกษาเกี่ยวกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ทั้งหมด พวกเขาน่าจะรู้อะไรบ้าง”
“และข้าเรียนรู้มาจากหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง มีแร่ศิลาชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าศิลาโกลาหลลึกลับที่ดูเหมือนว่าจะมีผลในการซ่อมแซมมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพทุกชนิด หากเจ้าสามารถหามันพบ ก็สามารถลองดูได้!”
“สิ่งที่ข้ารู้ ก็มีเพียงเท่านี้ล่ะ! หอหนานหลิงอาจจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง และให้เด็กน้อยอย่างพวกเจ้าเข้ามาเล่นสนุกกันได้ แต่ทว่าจิตสำนึกของข้า จะต้องดับสูญไปแล้วล่ะ”
มู่เฉียนซีก็สามารถสัมผัสได้ว่าจิตสำนึกของผู้อาวุโสแห่งหอหนานหลิงท่านนี้หายไปแล้ว และในตอนที่มันกำลังสูญสลายไป หอหนานหลิงที่อยู่กลางอากาศก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เหล่าผู้อาวุโสทุกท่านต่างพากันประหลาดใจเล็กน้อย “หอหนานหลิงเป็นอะไรไปแล้ว? เป็นครั้งแรกที่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น จะไม่เกิดเรื่องอะไรใช่หรือไม่?”
การสั่นสะเทือนนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น และต่อมามันก็สงบลง ซึ่งดูแล้วจะเป็นเพียงการตื่นตูมกันไปก่อนเท่านั้น
บนชั้นที่เก้ามีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่ผู้อาวุโสหลอมอาวุธเอาไว้มากมาย และมู่เฉียนซีก็เอาพวกมันไปทั้งหมดอย่างไม่เกรงใจเลย รวมไปถึงหนังสือการหลอมอาวุธที่กองอยู่เต็มที่นี่ทั้งหมด
มู่เฉียนซีก็เอาไปด้วยเช่นกัน!
“น้องซีเอ๋อร์ เจ้าคงไม่คิดที่จะศึกษาการหลอมอาวุธจริง ๆ หรอกใช่หรือไม่! นี่เจ้าไม่เหลือแม้แต่หนังสือที่ผุพังเหล่านี้ไว้เลยหรือ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในตอนแรกที่ข้าเรียนหลอมอาวุธ เป็นเพราะกระบี่ของข้ามักจะหักจนต้องซ่อมแซมอยู่เสมอ เลยจำเป็นต้องเรียนรู้ แต่ว่าตอนนี้ ข้ามีเหตุผลใหม่ในการศึกษาการหลอมอาวุธแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีความพยายามสักหน่อย! พลังวิญญาณของข้าแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว และการแบ่งส่วนหนึ่งมาศึกษาการหลอมอาวุธก็ไม่ส่งผลต่อการหลอมยาด้วย”
“เหตุผลใหม่ นั่นเป็นเพราะมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์หรือ!” เหยียนตะลึงงันไป
“ที่ตัวข้าตอนนี้ มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์อยู่ แต่กลับได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้นข้าจึงอยากมีความสามารถในการซ่อมแซมพวกเขา”
ในตอนนี้นางสามารถทำได้เพียงมอบพลังวิญญาณให้อย่างเหมาะสม และให้พวกเขาหลับใหลเพื่อฟื้นฟูอยู่ในมิติวิญญาณ ส่วนที่เหลือพวกเขาทำได้เพียงแค่พึ่งตนเองเท่านั้น
ไม่พอ เรื่องทั้งหมดที่นางสามารถทำได้มันน้อยเกินไป
ก่อนหน้านี้ตำแหน่งของดินแดนทั้งสี่ทิศนั้นต่ำเกินไป และไม่อาจหาหนทางในการซ่อมแซมได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อมาถึงดินแดนซวนเทียน นางอาจจะสามารถลองพยายามทำเรื่องอะไรได้บ้าง?
“ดังนั้นเรื่องศิลาโกลาหลลึกลับ เจ้าไปหาข้อมูลมาให้ข้าหน่อย ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ ข้าว่าจะทดลองมันเสียหน่อย”
เหยียนในเวลานี้กำลังตกอยู่ในภวังค์ มู่เฉียนซีกล่าวว่า “คำพูดของข้าเจ้าได้ยินหรือไม่!”
“น้องซีเอ๋อร์เจ้าชอบข้าสุด ๆ เลยใช่หรือไม่ เช่นนั้นถึงได้แบ่งปันความลับเช่นนี้กับข้า ข้ามีความสุขมากเลยจริง ๆ มีความสุขจนไม่อาจควบคุมตนเองได้แล้ว” เหยียนทำท่าทางราวกับจะลอยได้อยู่แล้ว และใบหน้าที่งดงามนั้นดูเหมือนจะมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก
“ข้าแค่รู้สึกว่าเจ้าน่าจะเดาบางอย่างถูกแล้ว!” มู่เฉียนซีกล่าว
“คาดเดาก็คือคาดเดา แต่น้องซีเอ๋อร์พูดออกมาจากปากด้วยตนเองเช่นนี้ ตามหลักแล้วมันมีความแตกต่างมากสำหรับข้า!”
สามารถมอบหม้อเลียนแบบของหม้อเทพนิรันดร์ให้กับซวนได้ตามอำเภอใจ แน่นอนว่าทั้งเขาและซวนต่างก็คาดเดาถึงอะไรบางอย่างได้?
นอกจากว่าจะมีของที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ในมือ มิฉะนั้นก็คงไม่มีใครสามารถให้ของที่ล้ำค่ามากเช่นนั้นได้หรอก
มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์แสดงถึงอะไร? มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่น่าสะพรึงกลัวนั่นเพียงพอที่จะทำให้เกิดพายุเลือดขึ้นที่ดินแดนซวนเทียนได้ หากถูกผู้ใดรู้เข้าก็อาจจะทำให้เจ้าของของมันตกอยู่ในอันตรายได้เลยทีเดียว
แต่ทว่าน้องซีเอ๋อร์กลับยอมที่จะแบ่งปันความลับเช่นนี้กับเขา มันช่างทำให้เขามีความสุขจนจะคลั่งไปแล้วจริง ๆ
“น้องซีเอ๋อร์จะประมาทเกินไปแล้ว ความลับเช่นนี้ ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี แต่ข้ารับประกันได้ว่า นอกจากว่าข้าจะตาย ข้าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้คนอื่นได้รู้อย่างแน่นอน! แม้แต่ซวน หรือแม้แต่ท่านพ่อบุญธรรมก็ตาม!” เหยียนมองไปทางมู่เฉียนซีและกล่าวอย่างจริงจังเป็นอย่างมาก
หากเป็นก่อนหน้านี้ เมื่อมีข้อมูลเกี่ยวกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพเช่นนี้ เขาจะต้องนำไปรายงานต่อพ่อบุญธรรมอย่างแน่นอน หากสามารถเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์มาได้ มันก็อาจจะช่วยเหลือพ่อบุญธรรมได้เป็นอย่างมาก
แต่ทว่า ตอนนี้ เขากลับเลือกที่จะซ่อนมันเอาไว้
“ไปเถอะ! ไปหาศิษย์พี่ของข้ากัน แล้วจากนั้นค่อยออกไปจากหอหนานหลิง!”
“อื้ม!”
แน่นอนว่าฉู่หลียังคงอยู่ที่ชั้นที่แปดและไม่ได้ขึ้นไป เพราะต้องมีพลังธาตุอัคคีและต้องสามารถควบคุมพลังธาตุอัคคีได้อย่างสมบูรณ์แบบถึงจะผ่านไปยังชั้นที่เก้าได้ หากไม่มีทั้งสองอย่างนี้ ต่อให้มีความสามารถที่แข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่อาจขึ้นไปได้
และผลที่ได้นั้นมีเพียงแต่ต้องทำลายมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพอย่างหอหนานหลิงเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าฉู่หลีไม่คิดที่จะทำถึงขั้นนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ศิษย์พี่ พวกเราไปกันเถอะ!”
ฉู่หลีพยักหน้าพลางกล่าว “อื้ม!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีและพรรคพวกออกมาแล้ว เวลาปิดของหอหนานหลิงก็ใกล้มาถึงแล้วเช่นกัน และต่อมาก็มีคนทยอยออกมาทีละคนสองคน
มู่เฉียนซีและพรรคพวกไม่อยากที่จะพูดโอ้อวดว่าพวกเขาไต่ขึ้นไปถึงชั้นที่เก้า เช่นนั้นทันทีที่ออกมาก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ของหอหนานหลิงต่างก็รู้สึกหดหู่ใจ “อัจฉริยะในตอนนี้เหตุใดถึงถ่อมตัวได้ถึงเพียงนี้นะ! อันที่จริงแล้วเป็นผู้ใดที่ไต่ขึ้นไปถึงชั้นเก้าได้กันแน่ล่ะ! ตอนนี้หัวใจของข้าราวกับถูกแมวข่วนให้คันยุบยิบอย่างไรอย่างนั้นเลย!”
“มีคนมากกว่าสองสามคนที่ขึ้นไปได้ แต่มีคนหนึ่งที่ผ่านการทดสอบทั้งหมด คนผู้นั้นเป็นผู้ใดกันแน่นะ?”
“เอาล่ะ! พวกเจ้าอย่าได้สงสัยเลย เมื่อไต่ไปถึงชั้นที่เก้าได้ คาดว่าจะต้องได้รับของที่มีประโยชน์มาไม่น้อยอย่างแน่นอน และคาดว่าสุดยอดกองกำลังระดับสี่ที่โลภมากจะต้องอยากได้มันก็เป็นได้! คนหนุ่มสาวระมัดระวังสักหน่อยก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว มิฉะนั้นหากถูกคนอื่นรู้เข้าจริง ๆ คาดว่าคงต้องเจอกับปัญหาไม่รู้จบเป็นแน่”
“ใช่แล้ว! แม้ว่าจะหมดหนทางตอบสนองในความอยากรู้อยากเห็นนี้ แต่ไม่รู้ก็ดีเหมือนกัน! พวกเราปกป้องมานานถึงเพียงนี้ และยังรอจนมีคนสามารถผ่านการทดสอบของชั้นที่เก้าแห่งหอหนานหลิงได้เท่านี้ก็พอใจมากแล้ว”
“พวกเจ้ามันเป็นตาแก่จอมดื้อรั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเจ้าจะไม่สงสัยน่ะ!” มีผู้อาวุโสบางคนที่กล่าวขึ้นมาอย่างโกรธเคือง
“ศิษย์พี่ ทำไมศิษย์พี่ถึงยังไม่ออกมาอีก?”
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ล่ะ!”
ในเวลานี้คนของสำนักหลางซิงและคนของตระกลูเซี่ยโหวใกล้บ้าเต็มทีแล้ว เนื่องจากรอมานานถึงเพียงนี้แต่คนก็ยังไม่ออกมาเสียที
เป็นที่เชื่อกันว่าหอหนานหลิงนี้เป็นผลงานของนักหลอมอาวุธ ดังนั้นมันจึงมีจิตสังหารไม่มากนัก และแน่นอนว่าไม่ค่อยมีความอันตรายเช่นกัน
หากว่าตายอยู่ข้างในไม่ได้ออกมา เกรงว่าจะไม่ได้ตายเพราะหอหนานหลิง แต่ถูกคนฆ่าตายเสียมากกว่า ผู้กุมอำนาจของกองกำลังระดับสี่ทั้งสองเกรี้ยวกราดอย่างสมบูรณ์แล้ว “มันเป็นผู้ใด? เป็นผู้ใดที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมในหอหนานหลิงแห่งนี้กันแน่!”
.
.