ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1921 ศิษย์พี่มู่หรง
มีคนมากมายกระโจนใส่มู่เฉียนซี และด้วยความเร็วที่แปลกประหลาดนี้แม้จะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ก็ยากที่จะจับนางได้
แต่เมื่อพวกเขาเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีแล้ว จากนั้นจึงโอบล้อมโจมตีมู่เฉียนซีด้วยกัน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นยะเยือกว่า “คิดว่าทำเช่นนี้แล้ว พวกเจ้าจะสามารถทำอะไรข้าได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“เสี่ยวโม่โม่ จงออกมา เผาทำลายพวกมันซะ!”
แสงสว่างได้ถูกหงส์สีดำสนิทตัวหนึ่งบดบังเอาไว้จนหมดสิ้น และร่างของพวกเขาก็ตกอยู่ในเงาดำที่มืดสนิท
ทันใดนั้น เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดที่น่าสะพรึงกลัวก็เผาทำลายลงมาอย่างบ้าคลั่ง
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำต่างก็หมดหนทางในการสกัดกั้นเอาไว้!
พวกเขาทำได้เพียงแค่กร่นด่าเท่านั้น “บัดซบเอ้ย เป็นสัตว์เทพ!”
“ไม่แปลกใจเลยที่นางจะไม่เกรงกลัวก็เพราะถือว่ามีคนหนุนหลังถึงเพียงนั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะผูกพันธสัญญากับสัตว์เทพที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ได้ด้วย”
ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยความคับแค้นชิงชังของสำนักหลางซิงและผู้นำตระกูลเซี่ยโหว ทำให้พวกเขายังคงไม่ยอมแพ้ และยังคิดที่จะจับตัวมู่เฉินซีเอาไว้ให้ได้
คนเหล่านั้นสู้ตายด้วยกระโจนออกมาอย่างบ้าคลั่ง ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำคนหนึ่งฝ่าออกมาจากวงล้อมได้ ในที่สุดก็ได้โอกาสในการโจมตีมู่เฉินซีแล้ว
แม้ว่าบนร่างกายจะมีบาดแผล แต่ด้วยความสามารถระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ของเขา การที่คิดอยากจะจัดการกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งอย่างมู่เฉินซี ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
ถึงอย่างไรก็ตาม เขายังคงพยายามกระโจนเข้ามาอย่างสุดกำลัง และเริ่มออกกระบวนท่าสังหารหมายเอาชีวิต
“ฝ่ามือทลายกระดูก!”
พวกเขาได้คว้าเอาโอกาสที่ดีที่สุดในการลงมือได้แล้ว และยังไม่อยากให้มู่เฉินซีมีโอกาสหนีได้อีกด้วย
และในเวลานี้มู่เฉียนซีก็ไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด เขาแสยะยิ้มออกมาพลางกล่าวว่า “สิ้นหวังแล้วอย่างนั้นหรือ? ยอมแพ้หรือยัง? ดีมาก!”
ในช่วงเวลานี้ หลังจากที่เขาสามารถสังหารมู่เฉินซีได้แล้ว ท่านผู้นำตระกูลจะต้องให้รางวัลมากมายแก่เขาเป็นแน่
ตูมมม!
ฝ่ามือนี้ กระแทกลงไปบนร่างของมู่เฉียนซี
เพียงแต่ว่า ด้วยใบพัดที่แหลมคมใบหนึ่ง ทำให้มีรอยเลือดรอยหนึ่งปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา และเลือดสด ๆ ก็พุ่งกระฉูดออกมา
“จะ…เจ้า…” เขาจ้องมองไปทางมู่เฉินซีด้วยความตื่นตะลึง ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนที่ต้องตายจะเป็นเขา
“เจ้าน่าจะรู้ถึงการแสดงของข้าตอนที่อยู่งานชุมนุมอัจฉริยะแล้วสิ หรือว่าตอนที่จะมาฆ่าข้าไม่ได้ทำการบ้านมาให้ดีเสียก่อนอย่างนั้นหรือ? ข้าเคยเป็นผู้ขัดเกลาร่างกายมาก่อน พลังในการป้องกันของร่างกายนี้ไม่เพียงแต่มีผลกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูงเท่านั้น แต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำก็มีผลเช่นกัน”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” เหตุใดถึงได้มีวิธีการขัดเกลาร่างกายที่วิปลาสถึงเพียงนี้ได้? ทำให้ร่างกายของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนนี้สามารถขวางการโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำคนหนึ่งได้อย่างไรกัน
สติของเขาในเวลานี้ได้เลือนลางไปแล้ว และแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดสามารถมาอธิบายให้เขาฟังได้
ในอาณาเขตของเมืองหนานหวาง คนของสำนักหลางซิงและผู้นำตระกูลเซี่ยโหวต่างก็รู้ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะสามารถสังหารมู่เฉินซีได้ ดังนั้นจึงเลือกที่จะล่าถอย
แต่ทว่าสุดท้ายแล้วคนที่หนีออกไปได้กลับไม่มากนัก ซึ่งมันก็ได้กระตุ้นความโกรธเคืองของคนสำนักหลางซิงและผู้นำตระกูลเซี่ยโหวมากขึ้นไปอีก
“นางสารเลวมู่เฉินซี ไอ้บัดซบจูเชว่”
“เพื่อฆ่าคนคนหนึ่งดูจะเป็นการสูญเสียดินแดนที่หนักหนาเกินไป ข้าว่านี่มันไม่คุ้มค่าเลย! หากใช้วิธีการอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้พวกเราก็ใช้วิธีการสกปรกเถอะ อย่างเช่นการลอบสังหาร! พวกข้าไม่เชื่อว่าคุณชายจูเชว่จะเฝ้าอยู่ข้างกายมู่เฉินซีโดยที่ไม่หละหลวมเลยแม้แต่ช่วงเวลาเดียว ถึงแม้ว่ามู่เฉินซีจะเป็นภรรยาของเขา คุณชายจูเชว่ก็คงไม่สามารถที่จะเฝ้าถึงขนาดนี้ได้” มีใครบางคนกล่าวแนะนำ
“ตกลง! ข้าจะเตรียมนักฆ่าและนักรบบ้าระห่ำเอาไว้ มันจะต้องฆ่ามู่เฉินซีได้อย่างแน่นอน” ผู้นำตระกูลเซี่ยโหวกล่าวอย่างโหดเหี้ยม
ในตอนที่ตระกูลเซี่ยโหวและสำนักหลางซิงกำลังวางแผนลอบสังการมู่เฉินซีโดยไม่สนวิธีการอยู่นั้น มู่เฉียนซีก็ได้แอบออกจากไปจากเมืองหนานหวางอย่างลับ ๆ แล้ว และให้พวกเขาค่อย ๆ ตามหานางอยู่ที่เมืองหนานหวางไปเสียเถอะ!
ระหว่างทางที่มู่เฉียนซีได้ตรงไปยังสมาคมนักหลอมอาวุธของดินแดนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้นั้นราบรื่นเป็นอย่างมาก และนางก็ได้นำจดหมายแนะนำตัวที่พกมาด้วยฉบับนั้นเข้าไปในสมาคนนักหลอมอาวุธได้สำเร็จ
“นี่คือคนที่ท่านเจ้าสมาคมเชื้อเชิญมาที่สมาคมของพวกเราด้วยตนเอง อายุน้อยมากจริง ๆ! อีกทั้งยังเป็นสาวน้อยคนหนึ่งอีกด้วย”
“แขนของนางเรียวบางเกินไปหน่อย จะสามารถหลอมอาวุธได้อย่างเก่งกาจจริง ๆ หรือ?”
“……”
จดหมายแนะนำในมือของมู่เฉียนซีค่อนข้างมีความสำคัญเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ถูกคนรุมล้อมเฝ้าสังเกตการณ์ถึงขนาดนี้
“แม่นางมู่ เชิญตามข้ามา!”
สภาพแวดล้อมของสมาคมนักหลอมอาวุธถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ถึงอย่างไรพวกเขาก็ดูไม่ขาดเงินเลย
นางแผ่ขยายพลังวิญญาณออกไป และสังเกตเห็นคนมากมาย แต่กลับไม่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้
ภายในสมาคมนักหลอมอาวุธแห่งนี้ จะต้องมีใครสักคนที่สถานะไม่ธรรมดาหลบซ่อนอยู่เป็นแน่
จูเชว่ให้นางมาด้วยสถานะที่สูงส่งเช่นนี้ เขาจะต้องมีเจตนาอย่างแน่นอน บางทีไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะเริ่มส่งอะไรมาให้ถึงที่เลยก็เป็นได้?
นางรออย่างเปล่าประโยชน์อยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน!
ทั่วทั้งสมาคมนักหลอมอาวุธต่างก็มีความสงสัยในตัวมู่เฉียนซีเป็นอย่างมาก และในเวลานี้ก็มีคนที่ร่างกายสูงใหญ่คนหนึ่งเดินออกมา เขาสวมชุดสีดำยาวที่ดูเรียบง่ายสบาย ๆ
คนของสมาคนนักหลอมอาวุธเมื่อเห็นเขาก็ผงะไปเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “ศิษย์พี่มู่หรง ท่านออกมาแล้ว ครั้งนี้ท่านหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้แล้ว คาดว่าคงจะทำให้ท่านผู้อาวุโสประหลาดใจอีกครั้งเป็นแน่”
“ศิษย์พี่มู่หรงสวัสดีขอรับ”
และเสียงทุ่มต่ำเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา “ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ชื่อว่ามู่เฉินซี มาแล้วหรือ?”
“ขอรับ! แม่นางมู่มาถึงที่นี่ตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว ตอนนี้ผักผ่อนอยู่ที่เรือนทางฝั่งเหนือขอรับ”
ทันทีที่ศิษย์ผู้น้อยคนนั้นตอบเสร็จ ก็ได้ค้นพบว่าศิษย์พี่มู่หรงของพวกเขาได้หายตัวไปอย่างรวดเร็วแล้ว
“ดูท่าแล้วความเป็นมาของแม่นางมู่จะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว! แม้แต่คนที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการหลอมอาวุธอย่างศิษย์พี่มู่หรงยังมีความสนใจในตัวนางเลย”
“ศิษย์พี่มู่หรงเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสมาคมของพวกเรา ไม่! เป็นเพียงอัจฉริยะนั้นดูจะธรรมดาเกินไป ความสำเร็จในการหลอมอาวุธของเขาเป็นรองแค่ท่านเจ้าสมาคมกับผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถึงมู่เฉินซีจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่เมื่อเทียบกับศิษย์พี่มู่หรงแล้วน่าจะยังห่างชั้นกันอยู่มาก!”
“หรือว่าศิษย์พี่มู่หรงจะชื่นชอบในความงดงามของแม่นางมู่!”
สองสามวันมานี้มู่เฉียนซีฝึกฝนอย่างสงบอยู่ในสมาคมนักหลอมอาวุธมาโดยตลอด ถึงจะมีคนที่สงสัยมาหามากมาย แต่กลับยังไม่พบคนที่นางรอเสียที
เวลานี้มีกลิ่นอายของคนผู้หนึ่งใกล้เข้ามา มีคนมาอีกแล้ว!
ปัง!
ประตูถูกผลักออกอย่างรุนแรง และมู่เฉียนซีก็เงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู
คิ้วโค้งเรียวเหมือนกับดาบ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาว คิ้วที่ตวัดนั้นดูแน่วแน่ อีกทั้งรูปหน้ายังทำให้ดูล้ำลึก เข้ากับผิวสีคล้ำเข้มนั้นของเขาเป็นอย่างดี คนผู้นี้เต็มไปด้วยความองอาจของบุรุษและความสง่างามของชายชาตรี
มู่หรงโช่วก็จ้องมองไปที่มู่เฉียนซีเช่นกัน หากมองจากสายตาของคนทั่วไป หญิงสาวผู้นี้ถือได้ว่างดงามมากเลยทีเดียว
แต่ทว่าสำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าหญิงสาวจะงดงามเพียงใดก็ไม่อาจเทียบกับเสน่ห์อันน่าดึงดูดใจของวิญญาณอาวุธได้
มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าวว่า “เจ้าเป็นใครกัน?”
“ข้าคือมู่หรงโช่ว” น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้นมา
“มู่หรงโช่ว อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งดินแดนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ศิษย์พี่มู่หรง!” มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกยิ้มจาง ๆ ขึ้นมา
“หากข้าบอกว่า หลังจากที่ข้ามาแล้วจะมาแย่งเอาฉายาอัจฉริยะอันดับหนึ่งนี้ของเจ้า เจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ฉายาของอัจฉริยะอันดับหนึ่ง ก็เป็นเพียงแค่ชื่อปลอมเท่านั้น! แต่เจ้าที่ไม่มีความสามารถเช่นนั้นกลับคิดที่จะอยากได้มัน ข้าแนะนำให้เจ้ารีบออกไปจากสมาคมนักหลอมอาวุธเสียดีกว่า” มู่หรงโช่วกล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
ผู้หญิงในความรู้สึกของเขานั้นน่ารำคาญมาก และหญิงสาวที่หยิ่งผยองถึงเพียงนี้ ก็ยิ่งกระตุ้นเขาให้เกลียดมากขึ้นไปอีก
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าสามารถพิสูจน์ความสามารถของข้าได้นะ พวกเรามาประลองกันสักยกเป็นอย่างไร?”
“ข้าชอบที่จะแข่งขันกับนักหลอมอาวุธที่มีความเก่งกาจ ทางที่ดีเจ้าควรจะต้องมีความสามารถที่คู่ควรแก่การลงมือของข้า มิเช่นนั้นไม่ว่าผู้ที่แนะนำเจ้ามาจะเป็นผู้ใดก็ตาม ข้าจะไม่มีทางไว้ชีวิตเจ้าแน่” มู่หรงโช่วกล่าวเตือน
“คอยดูก็แล้วกัน!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่มู่หรงโช่วจากไปแล้วก็ได้ไปแจ้งกับท่านผู้อาวุโสว่าอีกสามวันจะแข่งขันหลอมอาวุธกับมู่เฉินซี และให้ท่านผู้อาวุโสเตรียมตัวเอาไว้ ซึ่งนี่ก็ได้ทำให้ทั่วทั้งสมาคมคึกคักขึ้นมาเลยทีเดียว
.
.