ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1922 อยู่ด้วยกันจนสุดทาง
ทุกคนต่างพากันตื่นตกใจเป็นที่สุด “อะไรนะ? ไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่มู่หรงจะแข่งขันกับแม่นางมู่?”
“ในเวลาสามปีมานี้ นักหลอมอาวุธอายุน้อยไม่มีเลยสักคนเดียวที่จะสามารถทำให้ศิษย์พี่มู่หรงออกโรงได้ ดูท่าแล้วมู่เฉินซีผู้นี้จะไม่ธรรมดาจริง ๆ!”
“รอการแข่งขันที่แสนวิเศษในอีกสามวันหลังจากนี้ หวังว่าศิษย์พี่มู่หรงจะไม่โจมตีแม่นางมู่จนน่าเวทนาเกินไปนะ”
…
เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ด้วยสถานะของมู่หรงโช่วในสมาคมนักหลอมอาวุธนั้นสูงส่งเป็นอย่างมาก ฉะนั้นการแข่งขันครั้งนี้จึงได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมาก
มู่เฉียนซีนั้นตรงต่อเวลาเป็นอย่างมาก และในเวลานี้มู่หรงโช่วก็มาถึงแล้วเช่นกัน
ใบหน้าที่คมคาย หล่อเหลาและมุ่งมั่นต่อการหลอมอาวุธนั้น ต่างก็ทำให้มีหญิงสาวตกหลุมรักเขามากมาย
แต่ก็น่าเสียดายนัก เพราะในสายตาของศิษย์พี่มู่หรงก็มีเพียงการหลอมอาวุธเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวที่งดงามเพียงใดก็ทำให้เขาหวั่นไหวได้ไม่เท่าหินแร่ที่ล้ำค่าเม็ดหนึ่ง
เมื่อทุกอย่างถูกเตรียมเอาไว้ทั้งหมดแล้ว มู่หรงโช่วก็กล่าวว่า “แข่งขันหลอมอาวุธ เจ้าต้องการจะเริ่มแข่งจากอาวุธวิญญาณระดับบนก่อนหรือไม่?”
มู่เฉียนซีถามกลับว่า “เจ้าอยากที่จะหลอมระดับไหนก่อนล่ะ? ข้าจะอยู่ด้วยกันกับเจ้าไปจนสุดทางเอง!”
จะอยู่ด้วยกันไปจนสุดทางหรือ! ภายในแววตาของมู่หรงโช่วส่องแสงวูบวาบขึ้นมา
“ดี! เช่นนั้นก็เริ่มหลอมอาวุธด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดแล้วกัน ทางที่ดีเจ้าอย่าพึ่งแพ้ไปตั้งแต่รอบแรกเสียล่ะ”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แพ้ตั้งแต่รอบแรก นี่มันจะเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ?”
การประลองของทั้งสองคนต่างก็ทำให้คนอื่น ๆ ล้วนตกตะลึงและตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
“เริ่มแข่งขันระดับสูงเช่นนี้ตั้งแต่แรก สมแล้วที่เป็นศิษย์พี่มู่หรง!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางมู่จะรับคำท้า หรือว่านางก็เป็นนักหลอมอาวุธระดับภูตศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกันอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว มู่หรงโช่วก็ไม่ได้พูดจาไร้สาระอีกต่อไป และนำเอาวัสดุในการหลอมอาวุธต่าง ๆ ออกมา จากนั้นก็ใส่ทุกอย่างลงไปเพื่อหลอมอาวุธอย่างสุดความสามารถ
และทางมู่เฉียนซีก็นำเอาวัสดุในการหลอมอาวุธออกมาเช่นกัน ที่นี่คือสมาคมนักหลอมอาวุธ ซึ่งพวกเขาก็มีความคุ้นเคยต่อวัสดุในการหลอมอาวุธต่าง ๆ เป็นอย่างดีอยู่แล้ว และของที่มู่เฉียนซีนำออกมาต่างก็เป็นของที่ล้ำค่ามากด้วยกันทั้งสิ้น
ซึ่งของเหล่านั้นมันก็ล้ำค่ายิ่งกว่าของที่ศิษย์พี่มู่หรงนำออกมาเสียอีก อีกทั้งมันยังล้ำค่าจนถึงขนาดที่ทำให้เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้อยากจะต่อสู้เพื่อเข้าไปแย่งชิงมันมาเสียให้ได้
พวกเขาต่างบ่นพึมพำกับตนเองว่า “ที่มาของแม่สาวน้อยผู้นี้คืออะไรกันแน่? หินแร่เช่นนี้ก็ยังสามารถหามาได้”
“ร่ำรวย จะร่ำรวยเกินไปแล้ว”
“……”
เมื่อได้เห็นหินแร่ที่ล้ำค่าเหล่านี้ พวกเขาก็ไม่อาจควบคุมตนเองให้ไม่เกลียดชังคนรวยไม่ได้จริง ๆ!
มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้เหมือนกัน แม้ว่าจะได้รับมรดกจากท่านผู้อาวุโสนักหลอมอาวุธผู้นั้นมาแล้ว แต่ทว่าประสบการณ์ในการหลอมอาวุธของนางคาดว่าจะมีเพียงหนึ่งในหมื่นจากประสบการณ์การหลอมยาเท่านั้น
ในตอนนี้มู่เฉียนซีต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งประสบการณ์ของนางยังห่างชั้นกับเขามากมายนัก ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่นำวิธีอื่นมาชดเชยเท่านั้น
เพียงไม่นาน ทั้งสองก็เริ่มทำการหลอมอาวุธแล้ว
สำหรับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด มู่หรงโช่วอยู่ในระดับยอดฝีมือเลยทีเดียว
หลังจากที่เสียเวลาไปเพียงไม่นาน เขาก็สามารถหลอมดาบสันโค้งเล่มหนึ่งออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเขาก็มอบมันให้กับผู้อาวุโสแต่ละท่านได้ตรวจสอบ
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด คุณภาพสมบูรณ์แบบ เจ้าหนูมู่หรงนับวันยิ่งเก่งกาจมากขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ”
“ดาบเล่มนี้ เอาไว้ในข้อตกลงซื้อขายกับสมาคมเถอะ!”
เมื่อหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ออกมา เดิมทีแล้วมู่หรงโช่วก็ยังไม่ได้ทำอย่างสุดความสามารถ จึงรู้สึกว่าดาบเล่มนี้เป็นเพียงแค่ของธรรมดาเท่านั้น และไม่ได้สนใจมันมากเท่าไรนัก
มู่หรงโช่วหลอมอาวุธเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทว่ามู่เฉียนซีกลับยังหลอมไม่เสร็จเสียที แต่ก็ยังพอมีเวลาเหลืออยู่
มู่หรงโช่วขมวดคิ้วมุ่นมองไปทางมู่เฉียนซีที่กำลังหลอมอาวุธอยู่ วิธีการไม่มีความประณีต ทั้งยังไม่ชำนาญเลยแม้แต่น้อย
ดูท่าแล้วอันที่จริงเขาไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งความหวังมาเกินไปนัก ช่างเสียเวลาเปล่าจริง ๆ
มีความสามารถเพียงเล็กน้อยเท่านี้ต่างก็ถูกคนอื่นมองออกจนแล้ว การหลอมอาวุธนี้ของมู่เฉียนซีขรุขระเล็กน้อย และคนที่หลอมอาวุธบ่อย ๆ จะไม่เป็นเช่นนี้แน่นอน
พวกเขาส่ายหน้าเล็กน้อย ดูท่าพวกเขาจะประเมินแม่นางมู่สูงเกินไปหน่อย ความสามารถเช่นนี้ยังคิดจะมาแข่งกับศิษย์พี่มู่หรง นี่จะไม่ดูถูกกันเกินไปหน่อยหรือ?
เมื่อถึงเวลา มู่เฉียนซีก็หลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดนั้นเสร็จพอดี และนั่นก็คือกระบี่เล่มหนึ่ง!
“ผู้อาวุโสทุกท่าน เชิญตรวจสอบ!” มู่เฉียนซีกล่าว
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสรับดาบมา ก็มีแสงสว่างวาบขึ้น จนพวกเขาเกือบที่จะถือเอาไว้ไม่มั่นคงเลยทีเดียว
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด มีคุณภาพอยู่ในระดับยอดเยี่ยม กระบี่เล่มนี้มีระดับเทียบเท่ากัน แต่ทว่ามีคุณภาพที่ดีกว่าดาบของเจ้าหนูมู่หรง”
“ข้าตรวจสอบอีกครั้งแล้ว ก็ยังคงเป็นเช่นนี้!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจ้าหนูมู่หรง เจ้าอย่าได้จริงจังไปเลย เพราะนี่ด้อยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!”
เมื่อมีโอกาสหวดมู่หรงโช่ว ผู้อาวุโสแต่ละคนจึงกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก เพราะต่างก็รู้ว่าเจ้าหนูนี่มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งเกินไป
“นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ด้วยวิธีที่ไม่เชียวชาญขนาดนั้นแต่กลับสามารถหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้อย่างนั้นหรือ!”
“แม่นางมู่คงจะไม่ได้ตั้งใจแสร้งทำเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยาหรอกนะ!”
“……”
มู่หรงโช่วได้หยิบเอากระบี่เล่มนั้นของมู่เฉียนซีขึ้นมา และดูเหมือนว่าทั้งตัวของเขาได้กลายเป็นดาบที่ไม่ได้อยู่ในฝักอย่างไรอย่างนั้น เขามองมาทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “อีกรอบ!”
“คราวนี้ เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับระดับแปด”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีปัญหา!”
“เอาล่ะ พวกเจ้าหลอมอาวุธกันเสร็จแล้ว หรือว่าจะไม่พักกันสักหน่อยเลยหรือไร พรุ่งนี้ค่อยมาประลองต่อ เสียพลังวิญญาณมากเกินไปมันจะไม่ดีนะ!” มีอาวุโสท่านหนึ่งกล่าว
และมู่เฉียนซีกับมู่หรงโช่วก็เอ่ยปากออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่มีปัญหา!”
ดังนั้นทั้งสองคนจึงเริ่มเตรียมแร่หินมากมายอีกครั้ง และเมื่อมองดูก็จะเห็นว่า การเตรียมแร่หินในครั้งนี้ มู่หรงโช่วดูจะตั้งใจขึ้นมากเลยทีเดียว
มู่หรงโช่วหลอมหอกยาวด้ามหนึ่งออกมาก และมีคุณภาพในระดับยอดเยี่ยม
และมู่เฉียนซีก็ยังคงหลอมออกมาเป็นกระบี่อีกเล่มหนึ่ง ซึ่งมีคุณภาพในระดับยอดเยี่ยมเช่นกัน
การประลองรอบนี้ พวกเขาเสมอกัน
หลังจากที่มู่หรงโช่วตรวจสอบกระบี่ของมู่เฉียนซีเรียบร้อยแล้ว กลิ่นอายจากตัวเขาก็เปลี่ยนเป็นยิ่งเฉียบคมมากขึ้นไปอีก
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้า!”
“ได้เลย! ระดับเก้าก็ระดับเก้า!”
“ยังจะแข่งอีกหรือ?” ทุกคนต่างพากันตื่นตะลึง
นี่หลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงติดต่อกันมาสามชิ้นแล้วนะ! อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงนี้ไม่ใช่อาวุธวิญญาณธรรมดา สามารถที่จะทำตามอำเภอใจเช่นนี้ได้อย่างนั้นหรือ?
“พรสวรรค์ด้านการหลอมอาวุธของศิษย์พี่มู่หรงสูงมาก อีกทั้งพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งของเขา ก็น่าจะทำได้ ทว่าแม่นางมู่ที่มีอายุน้อยถึงเพียงนั้น จะสามารถควบคุมพลังวิญญาณได้อย่างนั้นหรือ?”
“พวกเขาต่างก็ไม่ได้คัดค้าน แปลว่าน่าจะมีความมั่นใจแน่นอน”
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้า มู่หรงโช่วสามารถหลอมออกมาได้สำเร็จ และครั้งนี้เขาก็หลอมกระบี่ขนาดใหญ่ออกมา
ส่วนมู่เฉียนซีก็หลอมเป็นกระบี่อ่อนเล่มหนึ่งออกมา ส่วนผลลัพธ์ที่เหล่าผู้อาวุโสประเมินให้ก็ยังคงเป็นการเสมอกันอยู่ดี
“พระเจ้า! แม่นางมู่อายุน้อยกว่าศิษย์พี่มู่หรงถึงเพียงนั้น แต่กลับสามารถหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ พรสวรรค์ของนางเก่งกาจเสียยิ่งกว่าศิษย์พี่มู่หรงอีก!”
“นั่นก็ไม่แน่หรอก เมื่อหนึ่งปีก่อนศิษย์พี่มู่หรงสามารถหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าออกมาได้ ตอนนี้พลังของศิษย์พี่มู่หรงแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว ไม่แน่ว่าแม่นางมู่อาจจะสู้เขาไม่ได้ก็ได้!”
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอด!” มู่หรงโช่วพ่นคำเหล่านี้ออกมา
“หากเจ้าไม่ยินยอมที่จะแข่งขัน เจ้าก็ยังสามารถอยู่ที่สมาคมนักหลอมยาแห่งนี้ได้ พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยมมาก” มู่หรงโช่วในเวลานี้ไม่ได้ดูถูกหรือตั้งข้อสงสัยต่อมู่เฉียนซีอีกแล้ว อีกทั้งยังชื่นชมนางเล็กน้อยด้วย
อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าภายในสมาคมนักหลอมอาวุธแห่งนี้ น้อยมากที่จะพบคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไหน ๆ ก็มาถึงรอบสุดท้ายแล้ว แน่นอนว่าข้าจะอยู่กับเจ้าจนสุดทางอยู่แล้ว!”
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอด ในตอนนี้นางสามารถหลอมถึงระดับนี้ได้แล้ว
และคาดว่ามู่หรงโช่วก็เช่นเดียวกัน ตั้งแต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดไปจนถึงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพ ช่องว่างนี้ยิ่งยากที่จะผ่านไปได้มากขึ้นเรื่อย ๆ นักหลอมอาวุธธรรมดา หลังจากที่พยายามอย่างเหน็ดเหนื่อยมาทั้งชีวิตก็อาจจะไม่มีทางหลอมมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพออกมาได้ก็เป็นได้ ใครใช้ให้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพมีอักษรเทวะเพิ่มขึ้นมาอีกตัวกันเล่า
.
.