ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1923 ขนปีกหงส์ทมิฬ
ทั้งสองเริ่มทำการหลอมอาวุธกันอีกครั้ง และนี่จะเป็นการแข่งรอบสุดท้าย ซึ่งพูดได้ว่าทั้งสองพยายามกันอย่างสุดความสามารถเลยทีเดียว โดยทั้งคู่ก็ได้นำของที่ดีที่สุดทั้งหมดออกมา
“เฮ้อ! คนรุ่นใหม่ช่างเป็นหนุ่มสาวที่ไฟแรงเสียจริง”
“หนุ่มสาวแต่ละคนมีครอบครัวที่ร่ำรวยเสียจริง! แร่หินเหล่านั้นจะเหลือให้ตาเฒ่าอย่างข้าบ้างได้หรือไม่”
“เจ็บปวดใจเหลือเกิน…”
ทุกคนต่างจ้องมองไปยังพวกเขาทั้งสองที่จมอยู่กับการหลอมอาวุธอย่างสุดความสามารถ หลังจากนั้นก็มีคนกล่าวว่า “เฮ้! คราวนี้แม่นางมู่ไม่ได้หลอมกระบี่แล้ว”
มู่เฉียนซีได้หลอมกระบี่จำนวนสามเล่มติดต่อกัน ซึ่งดูเหมือนว่าสิ่งของชนิดนี้เป็นสิ่งที่นางถนัดมือมากที่สุด แต่ไม่คาดคิดเลยว่าในการแข่งขันรอบสุดท้ายที่เป็นกุญแจสำคัญเช่นนี้ สิ่งของที่หลอมออกมากลับไม่ใช่กระบี่
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอด อยู่ในระดับสูงสุดของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ และพวกเขาก็ไม่ได้กำหนดเวลาในการแข่งระดับนี้
เนื่องจากแม้แต่มู่หรงโช่วก็ไม่อาจรู้ได้ ว่าเขาต้องใช้เวลามากเท่าไรในการหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบได้
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ มู่หรงโช่วก็หลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจ้าหนูมู่หรง นี่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอด ส่วนคุณภาพนั้นไม่ต้องพูดถึง เจ้านี่ช่างเก่งกาจเกินไปแล้วจริง ๆ!”
“เจ้าหนูนี่จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว นี่โจมตีคนได้เลยนะเนี่ย!”
“……”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำชมเชยของผู้อาวุโสแต่ละท่าน เขาก็ไม่ได้เย่อหยิ่งแต่อย่างใด ทว่ากลับมองไปที่มู่เฉียนซีเงียบ ๆ
นางยังหลอมอาวุธไม่เสร็จ!
ความพยายามในครั้งนี้ ก็ได้ทำให้บนหน้าผากของมู่เฉียนซีมีเหงื่อผุดขึ้นมาไม่หยุดเช่นกัน แต่ทว่าก็ยังคงต้องพยายามต่อไป แม้ว่าจะล้มเหลวแต่ก็ไม่เลวร้ายมากนัก
ผู้อาวุโสกล่าวถามว่า “เจ้าหนูมู่หรง เจ้ามองออกหรือไม่ว่าแม่สาวน้อยผู้นั้นกำลังหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์อะไรอยู่?”
มู่หรงโช่วกล่าวว่า “เป็นงานฝีมือที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก ไม่ใช่อาวุธธรรมดาทั่วไป น่าจะเป็นพวกอาวุธลับ! เพียงแต่เวลาในการหลอมอาวุธของนางมีไม่นาน อีกทั้งประสบการณ์ก็มีไม่เพียงพอ การหลอมสิ่งนี้มีแต่จะทำให้ตนเองต้องลำบากมากเกินไปเท่านั้น”
“มันลำบากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากพลังวิญญาณหมดลง มันก็จะล้มเหลวในขั้นสุดท้ายไปในทันที!”
แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่มู่เฉินซีจะล้มเหลว แต่ทว่ากลับยังคงชื่นชมมู่เฉินซีจากก้นบึ้งของหัวใจอยู่ดี
พรสวรรค์ของคนผู้นี้เป็นราวกับปีศาจเหมือนกันกับศิษย์พี่มู่หรง! ช่างยอดเยี่ยมมากจริง ๆ!
ทุกคนต่างพากันสงสัยในผลการแข่งขันคราวนี้ ดังนั้นถึงแม้จะผ่านไปครึ่งคืนแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงเฝ้ารอกันอยู่
พวกเขาไม่ได้รอให้มู่เฉียนซีล้มเหลวจากการใช้พลังวิญญาณไปจนหมด แต่รอให้มู่เฉียนซีหลอมอาวุธออกมาได้สำเร็จต่างหาก
แม้ว่าจะทำสำเร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าระดับและคุณภาพจะเพียงพอหรือไม่?
ในตอนที่มู่เฉียนซีได้ส่งมอบให้เหล่าผู้อาวุโสแต่ละท่านตรวจสอบ มู่หรงโช่วก็หยิบมันขึ้นมาดูก่อน และกล่าวว่า “เป็นอาวุธลับจริง ๆ!”
“ของชิ้นนี้อันตรายมาก เจ้าอย่างได้แตะต้องส่งเดช!”
ทุกคนต่างก็เห็นรูปร่างของสิ่งของที่มู่เฉียนซีหลอมออกมาอย่างชัดเจนแล้ว เมื่อมองจากที่ไกล ๆ มันเป็นเพียงขนนกบาง ๆ สีดำสนิทหนึ่งเส้นเท่านั้น แต่มันต้องไม่ได้เป็นเพียงแค่ขนนกธรรมดาอย่างแน่นอน
“เจ้าหนูมู่หรงนี่ เจ้าก็ช่างไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เกินไปแล้ว เอามาให้ข้าดู! เอามาให้ข้า”
พวกเขามีความสงสัยต่อของชิ้นนี้เป็นอย่างมาก หลังจากที่ศึกษาอย่างระเอียดรอบหนึ่งแล้ว “นี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดไม่ผิดแน่ แต่ทว่าประสบการณ์ของแม่สาวน้อยยังไม่เพียงพอ ทำให้คุณภาพยังห่างชั้นกับเจ้าหนูมู่หรงเป็นอย่างมาก”
“แต่ทว่าคุณภาพของมันก็ดียิ่งกว่าในการแข่งขันตาแรกมากนัก ดังนั้นการแข่งขันคราวนี้พวกข้าให้พวกเจ้าเสมอกันก็แล้วกัน”
“เจ้าหนูมู่หรง นี่เป็นราคาที่ต้องจ่ายเมื่อดูถูกคนอื่นนะ! ในที่สุดก็มีนักหลอมอาวุธรุ่นน้องที่มีความแข็งแกร่งไม่แพ้เจ้าปรากฏตัวออกมาแล้ว”
พวกเขาสามารถยืนยันได้เพียงบางส่วนเท่านั้น สิ่งที่มากกว่าของสิ่งของชิ้นนี้พวกเขาก็คิดไม่ออกแล้วเช่นกัน ของสิ่งนี้ต้องนำไปศึกษาอย่างละเอียดถึงจะเข้าใจได้
พวกเขากล่าวถาม “แม่สาวน้อย อาวุธลับชิ้นนี้ไม่เลวเลยทีเดียว แต่ทว่าที่จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่?”
“ข้าก็เคยศึกษาวิจัยรายการอาวุธลับของอาวุธต่าง ๆ มาแล้ว แต่กลับไม่เคยเห็นว่าจะมีอาวุธลับเช่นนี้มาก่อนเลย หรือว่าจะเป็นอาวุธลับที่สูญหายไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “สมาคมนักหลอมอาวุธน่าจะมีสถานที่ที่ใช้ในการทดสอบอาวุธวิญญาณใช่หรือไม่ พวกเราสามารถไปลองทดสอบดูได้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกท่านก็จะรู้เอง”
“ตกลง!”
“ตามข้ามา!”
พวกเขาก้าวตามออกไปอย่างอดรนทนไม่ไหว และคนอื่น ๆ ก็ไล่ตามมาด้วยเช่นกัน
พวกเขาสงสัยมากกว่านักหลอมอาวุธอัจฉริยะที่สามารถเสมอกับศิษย์พี่มู่หรงได้ ที่จริงแล้วจะหลอมอาวุธวิญญาณแบบใดออกมากันแน่
เมื่อมาถึงพื้นที่ที่ว่างเปล่าแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้เดินออกไป และหลังจากนั้นก็เริ่มแสดงให้ดูอย่างรวดเร็ว!
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
เข็มยาวสีดำสนิทที่แหลมคมทั้งเก้าสิบเก้าปรากฏออกมา ในตอนที่มันพุ่งออกไปอย่างกะทันหัน และมันก็ได้ฝังตัวเข้าไปในผนังแล้ว
“เป็นความเร็วที่เร็วเหลือเกิน!”
“ข้ามองมันไม่ชัดเลยด้วยซ้ำ!”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นี่คือขนปีกหงส์ทมิฬ เป็นอาวุธลับอย่างหนึ่ง ระยะการโจมตีโดยรอบมากที่สุดคือหนึ่งร้อยหมี่”
“แต่ทว่า หากสามารถใช้พลังธาตุวายุช่วยได้ เช่นนั้นความเร็วของมันก็จะยิ่งเร็วมากขึ้น และพลังในการสังหารก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น!”
มู่เฉียนซีแสดงให้ได้ดูอีกครั้ง และคราวนี้นางก็ผสมผสานมันเข้ากับพลังธาตุวายุ ซึ่งความเร็วของมันนั้นก็ทำให้คนมองไม่ชัดกันเลยทีเดียว
“เร็วมากเกินไปแล้ว! นี่เป็นเป็นอาวุธสังหารชัด ๆ เลย!”
“สามารถที่จะจัดการคนได้โดยไม่รู้ตัว หากจะกล่าวว่าอาวุธลับขนปีกหงส์นี้อยู่ในอาวุธลับสังหารก็ไม่ได้มากเกินไปเลย”
“……”
แต่ละคนต่างจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างตื่นตะลึง ในเวลานี้มีคนกล่าวขึ้นว่า “หรือว่ามีแค่ข้าคนเดียวที่สังเกตเห็นว่าแม่นางมู่เป็นจอมภูตพลังธาตุวายุอย่างนั้นหรือ?”
“จอมภูตพลังธาตุวายุยังสามารถฝึกฝนการการหลอมอาวุธมาจนถึงขั้นนี้ได้ ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
“ฮืออออ! ข้าโดนโจมตีแล้ว ข้าจะกลับบ้านไปชนกำแพงตาย”
บรรยากาศทั่วทั้งสมาคมนักหลอมอาวุธนั้นดีมากเลยทีเดียว พวกเขายอมรับเพียงแค่ความสามารถเท่านั้น และไม่ได้ดูแคลนเนื่องจากว่ามู่เฉียนซีไม่ได้เป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีอีกด้วย
มู่หรงโช่วก็มีความประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เขาเห็นว่ามู่เฉียนซีไม่ได้ใช้พลังธาตุ เช่นนั้นเขาจึงไม่ได้ใช้มันด้วย และใช้เพียงไฟจากสมาคมในการหลอมอาวุธเท่านั้น
คิดไม่ถึงเลยว่าเหตุผลที่นางไม่ใช่พลังธาตุนั้นเป็นเพราะว่านางไม่ใช่จอมภูตพลังธาตุอัคคีนั่นเอง ไม่ได้เป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีแต่สามารถมีความรู้ในการหลอมอาวุธที่ลึกซึ้งเช่นนี้ได้ แววตาของมู่หรงโช่วมองไปทางมู่เฉินซีด้วยความชื่นชมมากยิ่งขึ้นไปอีก
แล้วยังมีอาวุธลับนี่อีก! มู่หรงโช่วเหลือบมองไปที่ขนปีกหงส์ทมิฬสีดำสนิทนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แน่นอนว่า นี่ยังไม่ใช่พลังในการสังการที่ร้ายแรงที่สุดของมัน และหากทาพิษลงไปข้างบนนี้ด้วยละก็ แม้ว่าคนที่มีความสามารถเหนือกว่าหลายระดับ ต่างก็อาจจะถูกมันสังหารได้เช่นกัน”
“ของสิ่งนี้ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว แม่นางมู่ ขนปีกหงส์ทมิฬของเจ้านี้วางขายที่สมาคมหรือไม่? หากซื้อขายได้แล้วละก็ ถึงข้าจะต้องแลกด้วยทุกอย่างก็จะซื้อมาให้จงได้อย่างแน่นอน!”
“เจ้าของเล่นนี่สามารถทำให้คนมีชีวิตเพิ่มมาอีกหนึ่งชีวิตได้ด้วยซ้ำ! หากเจออันตรายที่สู้ต่อไปไม่ได้ อาวุธลับที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้บางทีอาจจะช่วยให้สามารถพลิกสถานการณ์ได้”
“……”
มู่เฉียนซีตอบกลับว่า “ขนปีกหงส์ทมิฬเป็นของที่ยอดเยี่ยม แต่ทว่าวัตถุดิบนั้นหายากเป็นอย่างมาก! วัตถุดิบของข้าในตอนนี้ก็สามารถหลอมออกมาได้เพียงอันเดียวเท่านั้น เช่นนั้นจึงไม่ได้วางแผนว่าจะทำการซื้อขายเจ้าค่ะ”
ทุกคนต่างนึกถึงแร่หินล้ำค่ากองนั้นที่มู่เฉินซีนำออกมา สิ่งของเช่นนั้นมีไม่มากจริง ๆ อาวุธลับสังหารที่ร้ายกาจเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มันมาจริง ๆ
ความจริงแล้วแร่หินอื่นไม่ได้มีความสำคัญแต่อย่างใด ทว่าภายในขนปีกหงส์ทมิฬนี้วัตถุดิบที่สำคัญที่สุดก็คือขนปีกของหงส์แห่งความมืดต่างหากล่ะ!
หากต้องการที่จะสร้างออกมาเป็นจำนวนมากจริง ๆ แล้วละก็มันจะเป็นการสูญเสียมากเกินไป นางไม่อยากให้เสี่ยวโม่โม่ของนางโกร๋นหรอกนะ ดังนั้นจึงตอบพวกเขาได้เพียงแค่นี้เท่านั้น
มู่หรงโช่วเหลือบมองไปที่มู่เฉินซีหลายครั้ง หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “ข้าจะกลับแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าก็เหนื่อยมากแล้ว ขอกลับไปพักผ่อนก่อน! ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ข้าขอขอบคุณผู้อาวุโสทุกท่านที่มากันในวันนี้ด้วย!”
“แม่นางมู่ไม่ต้องเกรงใจ สามารถมาเห็นการประลองที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ ถือว่าคุ้มค่าแล้ว!”
“ถูกแล้ว! สามารถเห็นอาวุธลับที่น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้ได้ ก็คุ้มจนไม่รู้จะคุ้มอย่างไรแล้ว”
มู่เฉียนซีกลับไปพักผ่อนแล้ว มุมปากของนางยกโค้งขึ้นเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “ไม่รู้ว่ามู่หรงโช่วกำลังทำอะไรอยู่กันนะ? ยังไงพรุ่งนี้ก็ไปดูสักหน่อยดีกว่า”
มีความเป็นไปได้มากว่ามู่หรงโช่ว จะเป็นคนที่นางรอไปวัน ๆ คนนั้น! แต่ก็ยังต้องทดสอบต่อไปถึงจะสามารถยืนยันได้
.