ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1926 จิตใจหวั่นไหว
“ไม่ถอย!” คุณหนูของสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นกล่าวอย่างขุ่นเคือง
นางไม่เชื่อว่าท่านพี่มู่หรงจะไม่เห็นแก่หน้าของนาง และพาหญิงสาวคนนี้ขึ้นไปยังชั้นที่สี่ด้วย!
ในเมื่อคนผู้นี้ไม่ถอย มู่หรงโช่วที่เป็นคนค่อนข้างตรงไปตรงมา ก็ลงมือโยนคนผู้นี้ออกไปจนพ้นทางทันที
“กรี๊ดด!” คุณหนูเฮยร้องออกมาอย่างโหยหวน
“คุณหนู!” แน่นอนว่าต้องมีคนเข้ามาช่วยนาง และไม่ปล่อยให้นางล้มลงไปกองอยู่บนพื้นอยู่แล้ว
“ไปเถอะ!” มู่หรงโช่วกล่าว
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ท่าทางการเคลื่อนไหวของมู่หรงโช่วเหนือความคาดหมายของนางไปมากเลยทีเดียว
คุณชายมู่หรงกล้าแม้กระทั่งโยนคุณหนูของสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นออกไป แน่นอนว่าคนของสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นต่างก็ไม่กล้าที่จะทำให้เขาต้องขุ่นเคืองและไม่กล้าขวางมู่เฉียนซีด้วย เช่นนั้นทั้งสองจึงขึ้นไปยังชั้นที่สี่อย่างราบรื่น
“ทำอะไรให้มันเร็วหน่อย อย่าให้เสียเวลา หรือไม่ก็เอามันไปทั้งหมดนั่นแหละ” มู่หรงโช่วกล่าวอย่างรีบร้อน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ถึงแม้จะรู้ว่าคุณชายมู่หรงร่ำรวย แต่ทว่าของเหล่านี้หากไม่ใช้ก็ไม่ต้องซื้อหรอก!”
“ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ ทางนี้ด้วย ข้าเอามันทั้งหมดนี่แหละ!” มู่เฉียนซีกล่าว
“ขอรับ!”
ภายใต้การเร่งเร้าของมู่หรงโช่ว ทำให้พวกเขาห่อสินค้ากันอย่างมือเป็นพัลวัน และหลังจากนั้นมู่หรงโช่วก็จ่ายเงินอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่พวกเขากำลังเตรียมตัวที่จะจากไป คุณหนูเฮยกล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้า…พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
มู่หรงโช่วเดินตรงออกไป โดยที่ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองนาง และคาดว่าคุณหนูเฮยคงจะถูกมองว่าเป็นเพียงแค่แมลงวันตัวหนึ่งเท่านั้น
“ฮืออออ!” เมื่อเห็นร่างของพวกเขาทั้งสอง คุณหนูเฮยก็รู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก และนางก็ร้องไห้ออกมา
ถึงการร้องไห้นี้จะไม่ทำให้สิ่งที่นางแต่งมาบนหน้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อน แต่ใบหน้านั้นก็ดูค่อนข้างน่าเกลียดไม่น้อยเลยทีเดียว
“ไปตรวจสอบมา ไปตรวจสอบมาเดี๋ยวนี้ ว่าที่จริงแล้วหญิงสาวผู้นั้นเป็นใครกันแน่? บัดซบนัก คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถทำให้ท่านพี่มู่หรงเคลิบเคลิ้มหลงใหลได้ถึงเพียงนี้”
“ขอรับ! คุณหนูใหญ่!”
“คุณหนู ท่านอย่าร้องไห้เลย! เด็กสาวแก่นแก้วเช่นนั้นจะสู้ท่านได้อย่างไร”
“……”
คนของสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นแห่งนี้ต่างพากันปลอบประโลมคุณหนูท่านนี้
ทันทีที่ออกจากประตูมู่เฉียนซีก็ต้องการจะไปยังร้านค้าอื่น ๆ อีก มู่หรงโช่วจึงกล่าวว่า “เจ้าต้องการซื้อหินแร่แบบไหนก็บอกข้ามา ข้าส่งคนไปซื้อมาให้เจ้าก็จบแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าชอบที่จะไปซื้อด้วยตนเองมากกว่า! ตามมาสิ!”
มู่หรงโช่วกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ทว่าเพื่อที่จะได้รับรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบเหล่านั้นแล้ว เขาจึงอดทนไว้!
มู่เฉียนซีมีความเด็ดขาดมากในการซื้อของ และมู่หรงโช่วก็มีความใจกว้างมากในการจ่ายเงิน
หลังจากที่พวกเขาร่วมมือกัน เพียงไม่นานก็กวาดเอาวัตถุดิบที่ไม่เลวมาจากร้านขายวัตุดิบหลอมอาวุธแต่ละที่เหล่านั้นมาจนหมดแล้ว
มู่หรงโช่วกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าน่าจะกลับได้แล้วสินะ!”
“ได้สิ! กลับกันเถอะ!”
เพียงแต่ว่า หลังการกวาดล้างไปทุกหนทุกแห่งของทั้งสองนั้น ก็ไม่รู้เลยว่าเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ถูกคนแพร่กระจายไปในทิศทางไหน?
มู่หรงโช่วนั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในเมืองเจี้ยนเหมิน ดังนั้นจะไม่ถูกคนรู้ได้อย่างไร
“เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง? เรื่องที่ในที่สุดคุณชายมู่หรงก็ไม่ได้ให้ความสนใจต่ออาวุธวิญญาณเหล่านั้นแล้ว และเขาก็จิตใจหวั่นไหวไปกับหญิงสาวคนหนึ่งแทนน่ะ”
“ใช่ไหมละ? เพื่อหญิงสาวคนหนึ่งแล้ว คุณชายมู่หรงใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยมาก! ในหนึ่งวันไม่รู้ว่าเสียเงินไปกี่พันล้านผนึกซวนแล้ว”
“หญิงสาวผู้นั้นจะต้องงดงามมากเป็นแน่!”
“ก็ใช่น่ะสิ ทั่วทั้งเมืองเจี้ยนเหมินหาคนที่งดงามกว่านางไม่มีอีกแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่คุณชายมู่หรงไม่ปวดใจที่ใช้เงินมากมายไปถึงเพียงนั้นภายในวันเดียว”
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ก็ยิ่งทำให้คุณหนูเฮยเกรี้ยวกราดมากขึ้นไปอีก
เห็นได้ชัดว่าศิษย์พี่มู่หรงพุ่งทะยานออกไปจากสมาคมนักหลอมอาวุธเพื่อตามหาแม่นางมู่ด้วยความโกรธเคือง แต่ผลก็คือพวกเขาทั้งสองดูเหมือนว่าจะเป็นมิตรที่ดีต่อกันเป็นอย่างมาก
แม่นางมู่ยังคงอยู่ดี โดยที่แขนยังไม่ขาดหรือขายังไม่หัก หลังจากที่มีคนได้ยินข่าวลือนั้นแล้ว ทุกคนต่างพากันตกใจจนอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว
ไม่มีทาง…ไม่มีทางเป็นเรื่องจริงใช่ไหม!
ดูเหมือนว่ามีความเป็นไปได้มากเลย! ก่อนหน้านี้ใครก็ตามที่ยั่วยุศิษย์พี่มู่หรงจะต้องถูกทุบตีจนน่าเวทนามาก แต่ทว่าแม่นางมู่กลับเหนือความคาดหมาย ดูท่าศิษย์พี่มู่หรงจะหวั่นไหวแล้วจริง ๆ
มู่หรงโช่วไม่สนใจสายตาที่ค่อนข้างแปลกประหลาดของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย และรีบลากมู่เฉียนซีตรงไปยังพื้นที่ของเขาในทันที
“ตอนนี้ เจ้าจะบอกข้าได้หรือยัง!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ว่า ข้าหิวแล้ว! หิวมากจนไม่มีแรงที่จะพูดกับเจ้าแล้ว”
“เจ้า…” มู่หรงโช่วกัดฟันกรอดแล้วจ้องมองไปทางมู่เฉียนซี
“ไปเตรียมอาหารมา!”
“ต้องอร่อยด้วย หากไม่อร่อยแล้วละก็ ข้าไม่มีอารมณ์หรอก”
“ความต้องการของเจ้าจะเยอะเกินไปแล้วนะ”
“หรือว่าสิ่งของที่ข้ากำลังบอกเจ้า ไม่มีค่าขนาดนี้เลยหรือ?”
มู่หรงโช่วนิ่งเงียบไป และทำได้เพียงให้คนไปเตรียมอาหารอย่างดีมาเท่านั้น แต่ทว่าเขากลับไม่มีความหิวเลยสักนิด
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อร่อยขนาดนี้ เหตุใดเจ้าถึงไม่กินให้มันเยอะ ๆ หน่อยล่ะ?”
“หุบปาก เจ้ารีบกิน ๆ ไปเถอะ” มู่หรงโช่วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์
หลังจากที่อิ่มหนำสำราญแล้ว มู่เฉียนซีก็ไม่ได้หลอกลวงมู่หรงโช่วแต่อย่างใด และได้จดวัตถุดับที่ใช้หลอมขนปีกหงส์ทมิฬออกมาทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน
วัตถุดิบอย่างอื่นมู่หรงโช่วต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่ทว่าวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ได้ทำให้มู่หรงโช่วตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก
“ขนปีกของหงส์แห่งความมืด ไม่คิดเลยว่าโลกใบนี้จะมีหงส์แห่งความมืดด้วย มู่เฉินซี เจ้าแน่ใจว่าไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าข้ากำลังอยู่ในอาณาเขตของเจ้านะ! หากหลอกเจ้าแล้วละก็ ข้าจะมีผลดีอะไรหรืออย่างไร? ข้าก็เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
“เช่นนั้นจะบอกว่า หากไม่มีขนปีกของหงส์แห่งความมืดแล้วละก็ เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่จะหลอมขนปีกหงส์ทมิฬได้อย่างนั้นสินะ”
“สมองของเจ้าไม่รู้จักการพลิกแพลงเลยหรือ? ที่ใช้ขนปีกของหงส์แห่งความมืด นั่นก็เป็นเพราะว่าหงส์แห่งความมืดเป็นถึงสัตว์เทพที่แข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังมีพลังธาตุแห่งความมืดที่ใช้หลบซ่อนได้ดี ซึ่งมันก็คือวัตถุดิบที่สมบูรณ์แบบในการสร้างอาวุธลับชิ้นนี้ หากไม่มีหงส์แห่งความมืดแล้วละก็ เช่นนั้นก็หาขนปีกของสัตว์วิญญาณที่บินได้พร้อมกับมีพลังธาตุแห่งความมืดมาแทนได้”
“หากสิ่งเหล่านี้ยากที่จะหาละก็ ใช้เป็นของธรรมดาก็ได้ แต่ทว่ายิ่งมีระดับต่ำมากเท่าไรก็ยิ่งเสียพลังมากเท่านั้น และพลังในการสังหารจะยิ่งอ่อนแอเท่านั้นเอง”
มู่หรงโช่วกล่าวว่า “ที่เจ้าพูดมาก็ถูก ข้านี่ไม่รู้จักพลิกแพลงเกินไปหน่อย”
“เอาล่ะ ของที่ข้ารับปากไว้ก็ให้เจ้าไปหมดแล้ว ข้าอยากจะไปพักผ่อนแล้วล่ะ! แต่ถึงแม้เจ้าจะรู้วัตถุดิบแล้ว ก็ยากที่จะหลอมขนปีกหงส์ทมิฬได้อยู่ดี เนื่องจากว่าความซับซ้อนของมันไม่ใช่ส่วนประกอบของวัตถุดิบ แต่เป็นองค์ประกอบที่ละเอียดอ่อนเหล่านั้นของมันต่างหาก”
“เรื่องนี้ข้าเข้าใจดีอยู่แล้ว!”
“วันนี้เจ้าคงจะไม่ศึกษาวิจัยมันตลอดทั้งคืนอีกหรอกนะ! มีทางลัดเจ้าก็ไม่ยอมเดิน ขอเพียงนับถือข้าเป็นอาจารย์ไม่ว่าอะไรข้าก็สั่งสอนเจ้าได้ทั้งนั้น!”
“ข้าไม่ต้องการ ข้าจะต้องศึกษามันออกมาได้แน่นอน!”
มู่เฉียนซีกล่าวพลางถอนหายใจว่า “เช่นนั้นก็น่าเสียดายจริง ๆ! ไม่ง่ายเลยที่ข้าจะชอบมีลูกศิษย์สักคนหนึ่ง”
มู่หรงโช่วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ส่งแขก!”
“แม่นางมู่ เชิญขอรับ!”
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีกลับไปพักผ่อนแล้ว ปล่อยให้เจ้าหมอนี่บั่นทอนสมองไปศึกษาวิจัยเอาเอง!
หลังจากนั้นมู่หรงโช่วก็ไม่มาหาเรื่องมู่เฉียนซีอีกเลย เนื่องจากว่าเขาเก็บตัวไปแล้ว
เป็นครั้งแรกที่มู่เฉียนซีมายังดินแดนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และรู้เพียงแต่ว่านางไปที่สมาคมนักหลอมอาวุธทันทีที่มาถึง ดูเหมือนว่าจะเป็นนักหลอมอาวุธคนหนึ่ง ส่วนเรื่องอื่นตอนนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้แล้ว
“ข้าต้องการที่จะไปคุยกับมู่เฉินซีผู้นั้น!”
“แม่นางมู่กำลังเก็บตัวอยู่ ไม่พบแขก! คุณหนูเฮยท่านกลับไปเถิด!” คุณหนูเฮยถูกคนของสมาคมนักหลอมอาวุธกล่าวปฎิเสธ
“พวกเจ้า…คนของสมาคมนักหลอมอาวุธของพวกเจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ!” คุณหนูเฮยกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
และหลังจากที่มู่เฉียนซีมาได้เพียงไม่กี่วัน ก็มีแขกที่สำคัญกลุ่มหนึ่งมาที่สมาคมนักหลอมอาวุธ และหัวหน้าสมาคมก็มาต้อนรับด้วยตนเอง ซึ่งพวกเขาก็คือสุดยอดปรมาจารย์ของนักหลอมอาวุธขั้นสุดยอดและยังมีผู้อาวุโสของสำนักเจี้ยนเหมินที่เป็นสำนักอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
.
.