ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1954 หัวใจเต้นแรง
มู่เฉียนซีมองไม่ออกเช่นกันว่าของสิ่งนี้คืออะไร แต่สามารถทำให้พิฆาตวิญญาณเอ่ยปากออกมาได้ มันจะต้องเป็นของล้ำค่าที่หายากอย่างแน่นอน
“โรงประมูลของพวกเจ้าแน่ใจว่าไม่ได้ล้อเล่นกับพวกเราหรอกใช่หรือไม่? หินก้อนนั้นมันสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ไม่ได้มีมูลค่าเท่าไรเลยนะ”
“แม้ว่าโรงประมูลของพวกเจ้าจะหาหินแร่ที่ดีกว่านี้ออกมาประมูลไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรที่จะเอาหินแร่ธรรมดาเช่นนี้ออกมาประมูลนี่! ”
“……”
ผู้ประมูลกล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหินก้อนนี้มีมูลค่ามากเท่าไร ผู้ประเมินของโรงประมูลของพวกเราก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ทว่าหินก้อนนี้มีอายุเก่าแก่ที่สุดเท่าที่ผู้ประเมินของโรงประมูลเราจะเห็นได้ อีกทั้งยังเก่าแก่ยิ่งกว่าสมัยโบราณเสียอีก และอาจจะอยู่มาตั้งแต่ต้นกำเนิดโลกเลยก็ว่าได้”
“สิ่งของที่อยู่มานานขนาดนี้ บางทีอาจจะมีมูลค่ามากก็เป็นได้ เพียงแต่พวกเรายังไม่ค้นพบมันก็เท่านั้นเอง”
ทุกคนต่างหมดคำพูด ถึงหินก้อนนี้จะมีอายุที่เก่าแก่แต่ก็อาจจะไม่มีประโยชน์ก็ได้นี่! ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ซื้อหรอก
“ราคาที่ใช้ในการเสนอหินแร่ขนาดใหญ่นี้ไม่มีกำหนด ทุกท่านลองเสนอขึ้นมาได้เลย! ถึงอย่างไรเสียสิ่งของชิ้นนี้หากถูกวางไว้ที่โรงประมูลของพวกเราก็ใช้พื้นที่มากเกินไป ทั้งยังไม่สามารถทุบหรือย่อยสลายได้อีกด้วย และทำได้เพียงแค่เอาออกมาประมูลเท่านั้น”
โรงประมูลแห่งนี้มียอดฝีมือมากมาย ซึ่งแม้แต่พวกเขาต่างก็หมดหนทางที่จะทำอะไรกับหินก้อนนี้ได้ และคนที่มาเข้าร่วมงานประมูลนี้ก็ไม่ได้มีความสามารถมากเท่าไรเช่นกัน
และหินก้อนนี้ทั้งขนาดใหญ่ทั้งไม่น่ามอง หากซื้อกลับไปก็คงจะเปลืองพื้นที่เสียมากกว่า
การเอาหินชิ้นนี้ออกมาประมูลเป็นลำดับสุดท้าย ช่างเหนือความคาดหมายเสียจริง และในเวลานี้ มู่เฉียนซีก็เอ่ยปากบอกว่า “ข้าเสนอมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพระดับสูงหนึ่งชิ้น”
ของชิ้นนี้เสนอแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งก็ถือว่าสิ้นเปลืองแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีคนโง่เง่าเสนอมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพระดับสูงออกมาได้ ซึ่งนั้นก็ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว
“ดูท่าแล้วโรงประมูลจะโชคดีมากเลยทีเดียว! ถึงได้มีคนที่ยอมเสียเงินไปเปล่า ๆ เช่นนี้ได้”
“เป็นคนของคุณชายฉงหมิงหรือ ไม่แปลกใจเลยที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ครึ่งเทพเท่าไรนัก”
“……”
เฮยอู่เสียกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉินซีจะประมูลหินที่ไร้ประโยชน์นั่นไป ท่านพ่อ หินก้อนนั้นไม่ใช่สมบัติจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“ลูกสาวข้า เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว! เหล่าคนที่เป็นนักหลอมอาวุธระดับสูงอยู่ที่นี่มากมายต่างก็มองกันไม่ออก มู่เฉินซีที่เป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่งจะมีทางมองข้างในออกได้อย่างไร”
“แต่ว่า ลูกไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นได้มันไปง่ายเกินไปนี่” เฮยอู่เสียกัดฟันกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นก็เสนอราคาไปอีกครั้ง! คราวนี้เอาแพงขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น เราจะสิ้นเปลืองประมูลหินไร้ค่านั้นมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”
“ท่านพ่อวางใจเถอะ มู่เฉินซีทำให้พวกเราต้องสูญเสียอาวุธวิญญาณไปมากถึงเพียงนี้ ข้าก็จะให้นางเสียของที่จะต้องประมูลหินไร้ค่านี้มากอีกหน่อยเช่นกัน”
เฮยอู่เสียกล่าวว่า “มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับหนึ่ง”
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล สมาคมการค้าเฮยอวิ๋นประชันกับคุณชายฉงหมิงอีกแล้ว แม้แต่ของที่ไม่มีประโยชน์เช่นนี้ก็อย่างจะแย่งไป และแม้แต่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพยังเสนอออกมาจนได้
ฉงหมิงมองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “เจ้าอยากได้มันหรือไม่?”
“หากเป็นเพียงแค่หินแร่ไร้ค่า เจ้าจะเอามาโดยไม่ลังเลเลยอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ข้าเชื่อการวินิจฉัยของเขา” ฉงหมิงมองไปทางพิฆาตวิญญาณ
“แน่นอนว่าจะต้องเอามันมาอยู่แล้ว อยากทำให้พวกเขาตกใจก่อนค่อยว่ากัน” มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกยิ้มขึ้น
หลังจากที่เฮยอู่เสียเสนอราคามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับหนึ่งออกมาแล้ว มู่เฉียนซีก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ อีกเลย และหัวใจของเฮยอู่เสียก็เริ่มเต้นรัวขึ้นมา ไม่มีทางหรอก!
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับหนึ่งครั้งที่หนึ่ง!” ผู้ประมูลกล่าว
เฮยอู่เสียกำหมัดแน่น พลางกัดฟันกล่าวว่า “มู่เฉินซีนางตั้งใจ นางตั้งใจหลอกล่อให้ข้าเสนอราคาแข่ง ให้ตายเถอะ!”
ทันทีที่คิดว่าพวกเขาจะต้องใช้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับหนึ่งถึงหนึ่งชิ้นในการประมูลก้อนหินที่ไม่มีประโยชน์ก้อนนี้มา หัวใจของผู้นำสมาคมเฮยแทบจะวายอยู่แล้ว
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับหนึ่งครั้งที่สอง!”
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับหนึ่ง…!”
ในเวลานี้เอง เสียงของมู่เฉียนซีก็ดังขึ้นมา “มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับสองหนึ่งชิ้น!”
เมื่อได้ยินเสียงของมู่เฉียนซี พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกที่โล่งอก ในที่สุดก็ไม่ต้องสูญเสียอย่างหนักแล้ว
“บ้าไปแล้ว!” หลังจากที่มู่เฉียนซีเสนอมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับสองออกมา ก็มีผู้คนไม่น้อยที่อุทานออกมาด้วยความตกใจ
คราวนี้มู่เฉียนซีแกล้งปล่อยให้พวกเขาหัวใจเต้นด้วยความตื่นเต้น และแน่นอนว่าสมาคมการค้าเฮยอวิ๋นไม่กล้าที่จะเสนอราคาแข่งกับมู่เฉียนซีอีกแล้ว หากยังเสนอมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับสามต่อไปอีก พวกเขาจะต้องสูญเสียอย่างแน่นอน
ดังนั้นหินก้อนมหึมาก้อนนี้ จึงถูกมู่เฉียนซีประมูลไปด้วยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพระดับสองจนได้
หลังจากที่งานประมูลสิ้นสุดลงแล้ว คนของโรงประมูลก็ได้นำเอาสิ่งของที่พวกเขาประมูลได้มามอบให้อย่างไม่ขาดสาย และมู่เฉียนซีกับฉงหมิงก็จ่ายของตนเองด้วยอาวุธวิญญาณอย่างง่ายดาย
เวลานี้ท้องฟ้าด้านนอกได้มืดลงแล้ว หลังจากที่ออกไปจากโรงประมูลแล้ว เมืองแห่งนี้ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป และคนที่ประมูลสมบัติมาได้ก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
และมู่เฉียนซีกับฉงหมิงก็ได้ออกเดินทางตามแผนการที่กำหนดไว้ ก่อนที่จะแยกทางกันมู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ฉงหมิง หรือว่าพวกเราจะมาวางเดิมพันกันดีหรือไม่! หากใครจัดการเสร็จก่อน ถือว่าคนนั้นชนะ! คนที่แพ้จะต้องยอมรับคำขอของคนที่ชนะหนึ่งข้อ”
ฉงหมิงกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าผู้หญิงอย่างเจ้าไม่มีทางมีความคิดที่ดีอย่างแน่นอน คนที่อยู่ทางเจ้าอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด อย่างนี้ข้าก็เสียเปรียบมากน่ะสิ”
“หากเจ้ารู้สึกว่าคนที่อยู่ทางข้าอ่อนแอกว่าละก็ เช่นพวกเรามาเปลี่ยนทางกัน เป็นอย่างไร?”
“ข้าไม่มีทางถูกหลอกได้หรอก”
“เช่นนั้นเจ้าจะเดิมพันหรือไม่? กลัวแพ้อย่างนั้นหรือ?”
“ข้ามียอดฝีมือมากมายขนาดนี้ จะไปแพ้เจ้าได้อย่างไร เดิมพันก็เดิมพันสิ ใครกลัวใครกันล่ะ?” และฉงหมิงก็ตอบตกลง
บนใบหน้าของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่ว่าฉงหมิงหยิ่งผยองมากเกินไป แต่ที่นางทำเช่นนี้เพียงแค่หาทางให้เขาพ้นจากความอับอายเท่านั้นเอง
ถึงอย่างไรเสีย ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะไม่เชื่อนาง และพูดจาไม่ดีมากเกินไป แต่เขาก็ไม่อยากที่จะแก้ไขคำพูดเช่นกัน
“ตัดสินใจตามนี้แหละ” และทั้งสองก็แยกทางใครทางมัน จากนั้นก็พุ่งตรงออกไปนอกเมือง
หลังจากที่ออกมาจากเมืองแล้ว ก็เดินทางไปตามถนนเส้นหนึ่ง ที่ต้องผ่านป่าแห่งหนึ่งไป พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่มากมายเบื้องหน้า
และในตอนนี้เอง มู่เฉียนซีก็หยุดฝีเท้าลง
นางได้หยิบเอาหินก้อนหนึ่งออกมา ในเวลานี้ภายในมิติส่วนตัวมีพื้นที่ที่จำกัด และไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะวางเอาไว้
ตอนนี้ที่นี่มีพื้นที่กว้างมาก และยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสม ฉะนั้นก่อนนางจะไปจัดการคนเหล่านั้น นางก็อยากที่จะรู้ให้แน่ชัด ว่าเจ้าสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่?
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “พิฆาตวิญญาณ ตอนนี้เจ้าจะบอกข้าได้หรือยัง ว่าสิ่งนี้คืออะไรกันแน่!”
นางเอามือไปวางบนหินก้อนนั้น และพลังวิญญาณธาตุอัคคีก็ปกคลุมมันเอาไว้ แต่กลับทำอันตรายหินก้อนนี้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ยอดเยี่ยมมาก แม้แต่เปลวเพลิงของข้ายังทำอะไรมันไม่ได้เลย! ดูท่าแล้วมันจะไม่ธรรมดาจริง ๆ”
“นั่นเป็นเพราะว่าพลังของลูกแมวน้อยยังอ่อนแอมากเกินไป” พิฆาตวิญญาณลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี มือของเขาวางอยู่ข้างมือที่เรียวบางของมู่เฉียนซีคู่นั้น
“เปลวเพลิงของพวกเราเหมือนกัน และหากข้าต้องการจะทำลายหินก้อนนี้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก!”
เปลวเพลิงที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าได้กลืนกินหินก้อนนี้ และด้วยความพยายามเพียงพริบตาเดียว หินก้อนนี้ก็เปลี่ยนไปมีขนาดเล็กลงทันที
ทั้งสองควบคุมพลังเปลวเพลิงกลับคืนมา และทันทีที่เปลวเพลิงหายไป ก็เหลือเพียงหยกใสขนาดเท่าเล็บมือชิ้นหนึ่งที่ลอยอยู่ในอากาศ
มู่เฉียนซีเอื้อมมืออกไปหยินหยกก้อนนั้นไว้ และสัมผัสได้ว่าหยกก้อนนี้ผิดปกติเป็นอย่างมาก ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะมีพลังแห่งความโกลาหลอยู่ด้วย
พิฆาตวิญญาณเหลือบมองไปที่หินก้อนนั้นอย่างพึงพอใจ “ของที่มีขนาดเล็กเพียงเท่านี้ ช่างเปลืองพลังของข้าเสียจริง ๆ เลย”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “พิฆาตวิญญาณ หินก้อนนี้คืออะไรหรือ?”
พิฆาตวิญญาณกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หากลูกแมวน้อยอยากรู้ละก็ พวกเรามาแก้ระดับของพันธสัญญากันสักหน่อยเป็นอย่างไร?”