ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1964 ศิษย์น้องของฉู่หลี
ขนปีกหงส์ทมิฬถูกมู่เฉียนซีโยนออกไป และในสายตาของนางอาวุธลับที่อีกฝ่ายใช้นั้น ความจริงแล้วไม่ได้รับความนิยมเท่าไร
ร่างสีดำร่างหนึ่งกระโจนออกมา และก้าวไปอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็กวาดไปทางมู่เฉียนซีอย่างดุเดือด
ปังง!
มู่เฉียนซีใช้พัดวิหคเฟิงหลิงสกัดกั้นเอาไว้ ถึงพลังลมปราณที่น่าสะพรึงกลัวจะพัดโหมกระหน่ำเข้ามา แต่ก็ไม่มีทางทำร้ายมู่เฉียนซีได้
มู่เฉียนซีที่กำลังลอยเคว้งกลางอากาศราวกับภูตผีก็มิปาน ก็ได้เริ่มเข้าต่อสู้กับอีกฝ่าย
คิดไม่ถึงเลยว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งจะมีความเร็วถึงเพียงนี้ ซึ่งมันทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจมากเช่นกัน และเขาก็พยายามโจมตีมู่เฉียนซีด้วยความเร็วที่เร็วยิ่งกว่า
และด้วยการโต้กลับอันชาญฉลาดของมู่เฉียนซี ทำให้ทุกมุมของการโจมตีไม่สามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมได้
ตูมมม!
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวโม่โม่ก็ได้ทำให้อีกคนหนึ่งลอยกระเด็นออกไปแล้ว
ที่นี่คือฐานทัพหลักของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล จึงทำให้มีคนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
คนชุดดำผู้นี้แสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าการที่สามารถสกัดกั้นข้าได้ มันจะทำให้เจ้ารอดพ้นคืนนี้ไปได้จริง ๆอย่างนั้นหรือ? ”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะบุกเข้ามาคนเดียวจริง ๆ หรือ?”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
มีร่างเงาหลายร่างปรากฏตัวขึ้น และมีร่างบางร่างหนึ่งอยู่เหนือกลุ่มคนเหล่านั้น อีกทั้งยังปล่อยหุ่นเชิดออกมาอีกหลายตัวอีกด้วย
ตูมมม!
ความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดนั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง และทันใดนั้นคนกลุ่มนี้ก็ถูกจัดการอย่างโหดเหี้ยมจนเกือบกลายเป็นเศษซากไปอยู่แล้ว
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? หุ่นเชิดของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์สูงสุดอย่างนั้นหรือ บัดซบเอ้ย!”
“สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ถอนตัว!”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อมาแล้ว ก็มาคุยกันก่อนแล้วค่อยไปสิ!”
ปัง ปัง ปัง!
มีคนถูกโยนออกไปทีละคน และหากคิดที่จะหนีตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว
พรวด พรวด พรวด!
พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสจนกระอักเลือดออกมา
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “ดึกดื่นค่อนคืนยังคิดมาฆ่าคนเช่นนี้อีก พวกเจ้าดูท่าคงจะคิดเข้าข้างตนเองเกินไปแล้ว หากลงมือเร็วกว่านี้อีกสักหน่อยก็คงไม่น่าเวทนาเช่นนี้หรอก!”
หญิงสาวที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งคนหนึ่งมายืนอยู่เบื้องหน้ามู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “นายท่าน!”
“เสี่ยวเหลิ่ง ไม่เจอกันนานเลยนะ”
เหลิ่งหนิงจือกล่าวว่า “ข้าก็รู้เช่นกันว่าไม่ได้เจอท่านนานมากแล้ว ท่านชอบทำตัวลึกลับอยู่เสมอ และยังปล่อยเรื่องส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ข้ากับคุณชายโม่ซวนเป็นคนจัดการอีก”
“โอ้ย ข้านี่มันจะเย็นชาเกินไปแล้ว ข้าคงไม่ได้ทำให้นายท่านตกใจกลัวใช่หรือไม่!” ทันใดนั้นน้ำเสียงของเหลิ่งหนิงจือก็เปลี่ยนเป็นหยอกล้อขึ้นมาทันที
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลำบากเจ้าแล้ว”
“นายท่านคิดถึงพวกเรา ข้าก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว! ตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลอะไรกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามารังแกนายท่านถึงที่เช่นนี้ คิดว่าหอหมอปีศาจของพวกเราอ่อนแอจริง ๆอย่างนั้นหรือ?” เหลิ่งหนิงจือกล่าวอย่างเดือดดาล
ที่นางไม่ได้วางแผนให้ฉงหมิงมาช่วยเหลือตั้งแต่แรก เป็นเพราะว่านางได้แจ้งผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่หอหมอปีศาจไปแล้วนั่นเอง
แม้ว่าหอหมอปีศาจของพวกเขาจะถูกสร้างขึ้นมาไม่นานนัก แต่ทว่าความแข็งแกร่งที่สะสมมาจนถึงตอนนี้นั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเลย
ถึงแม้ว่าหอหมอปีศาจจะไม่ได้เปิดสาขาที่เมืองเมิ่งหุยเพราะมีสาเหตุมาจากตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล แต่พวกเขาก็สามารถระดมพลจากเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดมาได้มากมาย และยังมีพวกหุ่นเชิดอีกด้วย
“เจ้า…”
คนของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเหล่านั้นต่างจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความตกตะลึง มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเจ้าอย่าได้กลัวไปเลย! อีกไม่นานคุณหนูของพวกเจ้าก็จะมีงานมงคลแล้ว ข้าก็ไม่อยากให้นางต้องมาเห็นเลือดเช่นกัน ดังนั้นข้าเลยจะไม่ฆ่าพวกเจ้า แต่ข้าอยากจะสอบถามพวกเจ้าสักสองสามคำถาม”
“พวกเราจะไม่พูดอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวเหลิ่ง การจะจัดการกับคนที่ปากแข็งเช่นนี้ เจ้าบอกหน่อยซิว่าต้องทำเช่นไรบ้าง?”
“ในสายตาของคนในหอหมอปีศาจของพวกเรา ไม่เคยมีคนที่ปากแข็งมาก่อนเลย” ทันทีที่เหลิ่งหนิงจือโบกมือ ก็ไม่มีใครที่ทำตามคำสั่งอีกต่อไป
มู่เฉียนซีมักใช้ให้นางทำงานให้เสมอ แต่นี่กลับถือเป็นการออกกำลังกายที่ดีสำหรับนาง และนางก็มีวิธีการรับมือที่ตรงไปตรงมามากขึ้นกว่าก่อนหน้าอีกด้วย
เพียงไม่นานพวกเขาก็กรีดร้องขอความเมตตาเสียแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ศิษย์พี่ของข้าอยู่ที่ไหน? และอาจารย์ฉู่อยู่ที่ไหน? คุณหนูของพวกเจ้าทำอะไรกันแน่?”
แต่ละคำถามที่ถามไปนั้น นอกจากส่ายศรีษะแล้วพวกเขาก็ทำได้แค่ส่ายศรีษะเท่านั้น
ไม่ใช่ว่ากำลังโกหก แต่พวกเขาไม่รู้จริง ๆ
แววตาของมู่เฉียนซีส่องประกายเย็นยะเยือกออกมา
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เข็มยาหลายเล่มพุ่งทะยานออกไป
“ดูท่าแล้วการสั่งสอนก่อนหน้านี้จะอ่อนโยนมากเกินไปสินะ!”
“อ๊ากกกก!” และเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ที่นี่คือฐานที่มั่นของพวกเขา การเคลื่อนไหวที่มากเช่นนี้จะต้องดึงดูดกลุ่มคนอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าวว่า “มีแขกมาถึงอีกแล้ว ไปเชิญเข้ามาเถอะ!”
“ขอรับ! นายท่านมู่”
ปัง ปัง ปัง!
และคนกลุ่มหนึ่งก็ถูกจับมาทั้งเป็น สีหน้าที่เหลือเชื่อปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขา
มู่เฉียนซีส่ายหัวพลางกล่าวว่า “คุณหนูของพวกเจ้าต้องการที่จะจัดการข้า แต่กลับไม่ยอมลงทุนเสียเลย! อีกทั้งยังส่งแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงมากอีก เหตุใดถึงไม่ส่งผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดมาสักสองสามคนกันเล่า”
จำเป็นต้องบอกเลยว่าตำหนักเทพวิญญาณหลับใหลนั้นประเมินมู่เฉียนซีต่ำเกินไปมากทีเดียว แม้ว่ามู่เฉียนซีจะเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศใต้ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีสำนักหรือนิกาย และทำแต่เพียงแค่เดินเตร็ดเตร่ไปมาเท่านั้น
แม้ว่าจะถูกคุ้มครองโดยจูเชว่ แต่พวกเขาคิดว่าจูเชว่ที่มั่นใจในตนเองนั้นแค่ชื่นชอบสาวงามเท่านั้นเอง ใครจะไปคาดคิดว่าในมือของมู่เฉียนซีจะมีพลังในการต่อสู้มากเช่นนี้กันล่ะ
“ข้าจะถามพวกเจ้าเป็นคำถามสุดท้าย หากไม่ตอบให้ดีละก็! ถึงแม้จะไม่เห็นเลือด แต่ข้าก็มีร้อยพันวิธีที่จะทำให้พวกเจ้าหายไปจากโลกนี้ได้เช่นกัน”
พวกเขากล่าวด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาว่า “ขอเพียงพวกเรารู้ ชะ…เช่นนั้นพวกเราจะต้องตอบอย่างแน่นอน”
“ข่าวที่คุณหนูของพวกเจ้าปล่อยออกมาว่าจะแต่งงานนั่น นางจะจัดงานแต่งงานขึ้นเมื่อไร?”
“หลังจากนี้อีกสามวัน และพรุ่งนี้คุณหนูก็จะเชิญคนของแต่ละกองกำลังหลักให้มาเข้าร่วมงานแต่งงานด้วย”
“พรุ่งนี้อย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีบ่นพึมพำ
“เอาล่ะ! ใครในพวกเจ้าจะยอมรับภารกิจอย่างหนึ่งของข้าบ้าง! ให้ไปบอกว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล เพื่อเตรียมเข้าร่วมงานแต่งงาน อีกทั้งยังเตรียมของขวัญล้ำค่าไว้ให้อีกมากมาย และให้คุณหนูของพวกเจ้าเตรียมการรับรองให้ดีด้วย! เพราะข้าจะไปในฐานะศิษย์น้องของฉู่หลี ศิษย์พี่ของข้ากำลังจะแต่งงาน คุณหนูของพวกเจ้าคงจะไม่ปฎิเสธข้าหรอกนะ!”
นางเป็นศิษย์น้องของคุณชายฉู่หลีหรือ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ!
กองกำลังระดับสามที่อ่อนแอขนาดนั้น เหตุใดถึงมีคนวิปลาสเช่นนี้ปรากฏตัวออกมาได้ อีกทั้งยังมีลูกน้องที่มีความสามารถเช่นนี้อยู่มากมายอีกด้วย?
แต่เมื่อคิดว่ามีโอกาสที่จะรอดชีวิต พวกเขาหลายคนก็กล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “ข้าจะไป!”
“ข้าจะไปเอง!”
“ในตำหนักเทพข้ามีตำแหน่งที่ดีเลยทีเดียว”
“ท่านลุงของข้าเป็น…”
มู่เฉียนซีชี้ไปที่คนคนหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าเป็นคนไป”
“ขอรับ!”
หลังจากที่คนผู้นั้นถูกปล่อยตัวไป เขาก็จากไปด้วยความเร็วสูงสุดราวกลับมีชีวิตขึ้นมาในทันที
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “โรงเตี้ยมแห่งนี้อยู่ไม่ได้แล้ว ไปจองโรงเตี้ยมอีกแห่งหนึ่งก็แล้วกัน ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้พวกเราจะได้มีพละกำลังมากพอที่จะไปเป็นแขกของตำหนักเทพวิญญาณหลับใหล”
“ขอรับ!”
“อีกอย่าง จัดการห่อของขวัญชิ้นใหญ่นี้ให้ดีด้วย” และมู่เฉียนซีก็กวาดสายตามองไปที่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นี่
คนเหล่านี้อยู่ในความสับสน จัดการห่อของขวัญอย่างนั้นหรือ? นี่เห็นว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน?
เหลิ่งหนิงจือพยักหน้าพลางกล่าวว่า “นายท่านโปรดวางใจ ข้าเข้าใจแล้ว มา ๆ ๆ ๆ คิดหาวิธีซื้อชุดเจ้าบ่าวสักสิบกว่าชุดมาให้ได้ จากนั้นเตรียมกล่องแดงอีกหลาย ๆ ใบ และโยนเจ้าพวกนี้ใส่เข้าไปซะ”
สิ่งที่เรียกว่าของขวัญล้ำค่า แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าพวกนี้นี่แหละ
นางไม่ต้องการจะเปลืองเงินให้ผู้หญิงอย่างเมิ่งเสี่ยวชิงหรอกนะ!
“อะไรนะ?” สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเปลี่ยนไปอย่างมาก
หลังจากที่เปลี่ยนไปอยู่โรงเตี้ยมแห่งอื่นแล้ว พิฆาตวิญญาณก็กลับมาแล้ว และคาดว่าน่าจะได้อะไรบางอย่างกลับมาแล้วด้วย เพียงแต่ว่าเขาไม่ยอมให้นางรู้เกี่ยวกับมันเท่านั้นเอง
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “พิฆาตวิญญาณ เจ้าค้นพบอะไรบ้างหรือไม่? หาศิษย์พี่ของข้าเจอไหม?”
พิฆาตวิญญาณกล่าวว่า “ลูกแมวน้อย ข้าไม่มีอารมณ์จะไปหาผู้ชายคนหนึ่งหรอกนะ แต่หากพูดถึงว่าพบอะไรไหม มันก็มีจริง ๆ นั่นแหละ!”
.
.