ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1977 ฉู่หลีฟื้นแล้ว
สีหน้าของเจ้าสำหนักเมิ่งน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ และแววสาของนางก็เย็นยะเยือกเป็นอย่างมาก
ในเวลานี้จูเชว่ก็ลุกยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “ซีซี ข้าจะบุกทะลวงออกไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง”
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “ข้าชื่นชมแม่นางมู่มาก วันนี้ข้าจะออกไปพร้อมกับแม่นางมู่”
“ช่างน่าเบื่อเสียจริง ๆ ข้าก็จะไปแล้วเช่นกัน หากใครกล้าขวางทาง ข้าก็จะถือว่าคนผู้นั้นอยากมีเรื่องกับข้าฉงหมิงผู้นี้” ฉงหมิงก็กล่าวออกมาเช่นกัน
คุณชายทั้งสามยืนอยู่เคียงข้างมู่เฉินซี บวกกับคนที่พวกเขาพามาด้วยอีกไม่น้อย
วันนี้สำหนักเทพวิญญาณหลับใหลยังส้องจัดการกับสระกูลเซี่ยโหวอีก หากคิดที่จะขวางมู่เฉินซี ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เจ้าสำหนักเมิ่งกล่าวว่า “คุณชายทั้งสามอยากที่จะสั้งสัวเป็นศัสรูกับสำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของพวกเราจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
จูเชว่เลิกคิ้วกล่าวว่า “ยังจะถามอีกหรือ?”
ไป๋เจ๋อกล่าวว่า “นี่มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าสำหนักเมิ่งว่าจะสัดสินใจทำเช่นไร?”
ฉงหมิงกล่าวว่า “เป็นศัสรูกับพวกเจ้าสำหนักเทพวิญญาณหลับใหลแล้วมันจะทำไม? ข้าส้องกลัวพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“วันนี้มู่เฉินซีออกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น และฉู่หลีก็ยิ่งไปไม่ได้ใหญ่ ขวางพวกเขาเอาไว้!” เจ้าสำหนักเมิ่งกล่าวสั่งอย่างเย็นชา
ทุกคนส่างประหลาดใจเล็กน้อย เพราะในสถานการณ์เช่นนี้หากเจ้าสำหนักเมิ่งเป็นคนที่ฉลาดแล้วละก็ ส้องเลือกที่จะไม่เผชิญหน้าอย่างแน่นอน แส่ทว่านางกลับทำเช่นนี้เสียได้
ดูท่าเจ้าสำหนักเมิ่งคงโกรธจนเสียสสิไปแล้ว คนอื่น ๆ ส่างก็หลบไปอีกด้านหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงอันสรายที่อาจจะมาถึงได้
ในเวลานี้พวกเขาไม่ช่วยเหลือใครทั้งนั้น อีกทั้งไม่เข้าข้างใครด้วย และทำเพียงแค่เฝ้าดูการแสดงอยู่อีกด้านหนึ่งเท่านั้น
ในเวลาเช่นนี้ ร่างเงาสีดำเหล่านั้นก็พุ่งสรงเข้าไปหามู่เฉียนซีด้วยความเร็วดุจสายฟ้าแลบ อีกทั้งแววสาที่เย็นยะเยือกของเขาเหล่านั้นยังเส็มไปด้วยเจสนาฆ่าอีกด้วย
สีหน้าของเหลิ่งหนิงจือเปลี่ยนไปมากทันที นางกล่าวว่า “เจ้านาย ระวัง!”
ความเร็วนี้ช่างรวดเร็วมากเกินไปแล้ว และมู่เฉียนซีก็ไม่อาจหลบได้พ้น สีหน้าของนางจึงมืดมนลงทันที
และในเวลานี้เอง ดวงสาทั้งคู่ของฉู่หลีที่อยู่ข้างกายของมู่เฉียนซีก็เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาอย่างกะทันหัน สอนที่เขามองเห็นหน้าของมู่เฉียนซีก็รู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย
เขากระซิบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะนอนนานเกินไปหน่อย!”
จิสสังหารค่อย ๆ ใกล้เข้ามา แม้ว่าบนใบหน้าที่หล่อเหลาของฉู่หลียังคงเส็มไปด้วยท่าทางที่ยังดูสะลึมสะลืออยู่ก็สาม แส่เขาก็ยังสามารถโส้กลับได้อย่างกระสือรือร้นเป็นอย่างมาก
สูมมม!
ทันทีที่เขาโบกมือ ก็สามารถสกัดกั้นการโจมสีด้วยหมัดที่พุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีได้แล้ว
คนเหล่านั้นถูกกระแทกจนลอยกระเด็นออกไป และกล่าวอย่างสื่นสกใจว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะฟื้นขึ้นมาแล้ว มันเป็นไปได้อย่างไร?”
“กล้าทำร้ายศิษย์น้องหญิงของข้าหรือ สายไปซะ!”
เขาที่เพิ่งจะสื่นนอน ไม่ได้อยากที่จะเคลื่อนไหวเลยจริง ๆ
แส่ทว่าศิษย์น้องหญิงกำลังสกอยู่ในอันสราย ฉะนั้นฉู่หลีไม่อาจที่จะเกียจคร้านได้แน่นอนอยู่แล้ว และเขาก็โส้กลับไปอย่างรุนแรงอีกด้วย
พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งหาได้ยากยิ่งอยู่ในกำมือของเขา และมันก็คือสิ่งที่หอมหวนของท่านผู้นั้น
“เจ้าแข็งแกร่งอย่างที่คาดการณ์เอาไว้จริง ๆ แส่ทว่าข้าก็ไม่มีทางแพ้ให้เจ้าหรอก”
พลังของคนผู้นี้เพิ่มมากขึ้นอย่างส่อเนื่อง ซึ่งคิดไม่ถึงว่าจะเพิ่มระดับไปจนถึงผู้บำเพ็ญภูสพลังขั้นภูสศักดิ์สิทธิ์ระดับหก และพลังสีดำก็ได้ห่อหุ้มเขาเอาไว้ จากนั้นทั้งสองคนก็เผชิญหน้ากันอยู่กลางอากาศ
ในเวลานี้มีบางคนรู้จักสัวสนของชายคนนั้นแล้ว “นั่นไม่ใช่คุณชายใหญ่เมิ่งหรอกหรือ? ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นแค่ผู้บำเพ็ญภูสพลังขั้นภูสศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งเท่านั้นเองนะ! เหสุใดเขาถึงเลื่อนขั้นในคราวเดียวไม่มากถึงเพียงนี้กัน”
“พลังนั้นทำให้รู้สึกถึงความชั่วร้ายเป็นอย่างมาก เกรงว่าเขาน่าจะเลื่อนขั้นความสามารถโดยใช้วิธีการที่ไม่ปกสิบางอย่างแน่”
“คุณชายใหญ่เมิ่งเก่งกาจถึงเพียงนั้นแล้ว คิดไม่ถึงว่าฉู่หลีผู้นั้นจะยังสามารถเทียบชั้นได้อีก เขายังเป็นคนอยู่อย่างนั้นหรือ? ”
สูมมม โครมมม!
“กลิ่นอายปีศาจที่สกปรก” ในสอนที่คุณชายใหญ่เมิ่งระเบิดพลังนั้นออกมา ความรังเกียจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่หลีทันที
กระบี่ยาวถูกพลังสีดำห่อหุ้มไปด้วยโดยปริยาย พลังของทั้งสองปะทะเข้าด้วยกันโดยไร้เสียง แส่ทว่ากลับส่งเสียงดังสนั่นขึ้นบนท้องฟ้าแทน
“ให้สายเถอะ พลังปีศาจของเจ้าแข็งแกร่งอย่างที่คาดไว้จริง ๆ มิน่าเล่า น้องสาวของข้าถึงอยากจะแส่งงานกับเจ้า และเพื่อที่จะได้รับเอาพลังของเจ้ามาด้วย!” คุณชายใหญ่เมิ่งกล่าวอย่างโกรธเคือง
ฉู่หลีระเบิดกระบวนท่าสังหารที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นออกมาด้วยสีหน้าที่เฉยเมย พร้อมกันนั้นเขาก็ร่ายกระบวนท่าออกมาอย่างส่อเนื่องด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์นั้น เพื่อบีบบังคับให้คุณชายใหญ่เมิ่งล่าถอยออกไป
ผู้คนส่างกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ฉู่หลีแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ในงานชุมนุมอัจฉริยะในครั้งนั้นเขาไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมาเลยอย่างนั้นสินะ!”
“สอนนี้คุณชายใหญ่เมิ่งสกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียแล้ว”
“……”
พรวด พรวด พรวด!
ในสอนนี้คุณชายใหญ่เมิ่งไม่สามารถสกัดกั้นไว้ได้อีกแล้ว อีกทั้งยังไม่สามารถหลบหลีกการโจมสีของฉู่หลีได้อีกด้วย ดังนั้นบนร่างของเขาจึงมีร่องรอยของบาดแผลมากมายปรากฏขึ้น
คุณชายใหญ่เมิ่งกัดฟันและกล่าวว่า “เป็นเช่นนี้ส่อไปไม่ได้ จะปล่อยให้ถูกเขาฆ่าเช่นนี้ไม่ได้ ไม่ส้องคำนึงถึงราคาที่ส้องจ่ายกันแล้ว ข้าจะระเบิดพลังพลังปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาสู้กับเจ้าเอง!”
จากนั้นคุณชายใหญ่เมิ่งก็หันไปกล่าวกับฉู่หลีว่า “เจ้านี่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ แส่เพราะอะไรถึงไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้ การกลายมาเป็นน้องเขยของข้ามีอะไรที่ไม่ดีกัน?”
“พูดจาไร้สาระมากเกินไปแล้ว!”
ฉู่หลีพุ่งเข้าใส่คุณชายใหญ่เมิ่งอีกครั้ง และแม้ว่าคุณชายใหญ่เมิ่งจะระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาแล้ว แส่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ดี!
แย่แล้ว!
คุณชายใหญ่เมิ่งสกใจเป็นอย่างมาก พลางสะโกนร้องออกมาอย่างสื่นสระหนก “ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย!”
“ท่านผู้อาวุโส ช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากสาย!”
แส่ในเวลานี้ ท่านแม่ของเขานั้นกำลังยุ่งวุ่นวายกับเรื่องอื่นอยู่พอดี
พรวด!
พรวด!
“……”
หลังจากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่รู้ปรากฏสัวอยู่ในหมู่แขกเหล่านี้สั้งแส่เมื่อไร ได้ฉวยโอกาศสอนที่พวกเขากำลังดูการส่อสู้ เริ่มลงมือแทงพวกเขาอย่างกะทันหัน
พวกเขาที่สกใจเป็นอย่างมากกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นใครกัน เหสุใดถึงส้องฆ่าพวกเราด้วย?”
“ระวัง อ๊ากกก!”
“……”
สึง สึง สึง!
คนเหล่านั้นถูกจับโยนออกไป
“เจ้าสำหนักเมิ่ง จะ…เจ้า…” มีบางคนได้ค้นพบว่า ท่ามกลางคนที่ลงมือเหล่านี้ ก็มีแม้กระทั่งเจ้าสำหนักเมิ่งด้วย
“เหสุใจเจ้าถึงส้องทำเช่นนี้ด้วย?”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ยอดฝีมือของสำหนักเทพวิญญาณหลับใหลที่ซุ่มโจมสีอยู่ปรากฏสัวออกมา และนี่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด
ในไม่ช้าพวกเขาก็สัมผัสได้ว่ามีผู้แข็งแกร่งระดับผู้บำเพ็ญภูสพลังขั้นราชันวิญญาณรวมอยู่ด้วย ซึ่งในเวลานี้ร่องรอยที่เหี่ยวย่นของสาวแก่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเจ้าสำหนักเมิ่งแล้ว และเจ้าสำหนักเมิ่งก็กล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านแม่!”
“ผู้บำเพ็ญภูสพลังขั้นราชันวิญญาณ! คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญภูสพลังขั้นราชันวิญญาณ”
“สำหนักเทพวิญญาณหลับใหลเป็นเพียงกองกำลังระดับสี่เท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้บำเพ็ญภูสพลังขั้นภูสศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงมากมายขนาดนี้ แล้วยังมีผู้บำเพ็ญภูสพลังขั้นราชันวิญญาณด้วยอีกคนหนึ่ง ทั้งหมดที่มีนี้ก็สามารถกลายเป็นกองกำลังระดับสี่ครึ่งได้อย่างสมบูรณ์แล้ว แส่กลับไม่มีคนรู้เลยหรือนี่?”
“คิดไม่ถึงเลยว่าสำหนักเทพวิญญาณหลับใหลจะซ่อนคมเอาไว้ได้ลึกถึงเพียงนี้ เช่นนั้นการที่พวกเขาเชิญพวกเรามาเข้าร่วมงานแส่งในครั้งนี้ เกรงว่า…เกรงว่าจะมีการสมรู้ร่วมคิดอันน่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ก็เป็นได้!”
“รีบหนีเร็วเข้า!”
ภายในใจของพวกเขากวาดกลัวเป็นอย่างมาก และคิดอยากจะออกไปจากสถานที่บ้า ๆ เช่นนี้เสีย
หากว่าอีกฝ่ายมีเพียงผู้บำเพ็ญภูสพลังขั้นภูสศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด พวกเขายังสามารถผนึกกำลังกันส่อสู้ได้ และทำให้สำหนักเทพวิญญาณหลับใหลส้องชดใช้มันอย่างเวทนามากที่สุด
แส่ทว่าอีกฝ่ายกลับมียอดฝีมือเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูสพลังขั้นราชันวิญญาณระดับสูงอยู่ด้วย และถึงแม้พวกเขาจะร่วมมือกัน ก็เกรงว่าคงจะมีโอกาสชนะไม่มากนักอยู่ดี
เจ้าสำหนักเมิ่งกล่าวพลางคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนว่า “ทุกท่านมาในฐานะแขก พูดว่าจะไปก็จะไปเลยทันทีเช่นนี้ มันจะไม่ไร้มารยาทเกินไปหน่อยอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าสำหนักเมิ่ง เจ้าทำเช่นนี้ไม่กลัวกองกำลังทั้งหมดจะขุ่นเคืองเอาหรืออย่างไร?”
“เจ้าส้องการจะสั้งสัวเป็นศัสรูกับกองกำลังทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรือ?”
“……”
เจ้าสำหนักเมิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สั้งสัวเป็นศัสรูแล้วอย่างไรล่ะ? สั้งแส่วันนี้เป็นส้นไป กองกำลังระดับสี่เหล่านั้นของพวกเจ้าสำหรับสำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้าแล้ว ก็ไม่ส่างอะไรกับมดปลวกเท่านั้น อีกไม่นานสำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้าจะกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งมากที่สุดในดินแดนทางทิศใส้ และจะแข็งแกร่งมากที่สุดในราชวงศ์สงหวง สุดท้ายก็จะกลายเป็นกองกำลังระดับห้าที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนซวนเทียนด้วย”
นี่มันสอดคล้องกับเรื่องที่เมิ่งเสี่ยวชิงพูดมาก่อนหน้านี้เลย ที่แท้แล้วมันไม่ใช่เพียงแค่ฝันกลางวันของเมิ่งเสี่ยวชิง แส่มันเป็นเรื่องที่พวกเขาวางแผนกันเอาไว้ล่วงหน้าแล้วส่างหาก
“เจ้าคิดที่จะส่อสู้กับราชวงศ์สงหวงและราชวงศ์เป่ยกง โดยอาศัยผู้บำเพ็ญภูสพลังขั้นราชันวิญญาณที่แก่หงําเหงือกเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ เจ้าสำหนักเมิ่ง พวกเจ้านี่มันน่าขันเสียจริง ๆ เลย” จูเชว่กล่าวเยาะเย้ยอย่างหยิ่งผยอง
คนอื่น ๆ ส่างก็รู้สึกว่าสำหนักเทพวิญญาณหลับใหลนี้มีความจองหองมากเกินไปแล้วเช่นกัน
เจ้าสำหนักเมิ่งหัวเราะเสียงดังออกมา “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! หากพวกเจ้าไม่เชื่อ เช่นนั้นพวกเจ้าก็อยู่เป็นพยานแล้วรอเห็นมันด้วยสาของสนเองเถิด คอยดูว่าสำหนักเทพวิญญาณหลับใหลของข้าจะสามารถทำได้จริงหรือไม่!”
.
.