ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1990 พบกระดูกมังกร
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“เพลิงสังหาร!”
“หวนคืนความมืด!”
นอกจากมู่เฉียนซี ก็ยังมีเสี่ยวโม่โม่บวกกับฉงหมิงที่เริ่มทำการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง และไม่ได้มีความอ่อนโยนต่อมู่หลินหลางแต่อย่างใด
พรึ่บ!
ในเมื่อไม่มีเกาะป้องกันที่คล้ายกับกระดองเต่าชิ้นนั้นอีกต่อไปแล้ว มู่หลินหลางก็ยากที่จะทนรับการโจมตีเช่นนี้ได้ไหว
นางในเวลานี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเลือดสด ๆ ก็พุ่งออกมาจากปากของนาง
“ฝ่าบาท!” เมื่อค้นพบว่ามู่หลินหลางได้รับบาดเจ็บ ผู้เฒ่าเย่ก็เป็นกังวลมากเลยทีเดียว
จื่อโยวกล่าวอย่างชั่วร้ายว่า “ต่อสู้กับข้าแล้วยังจะกล้าเสียสมาธิอีก เจ้าคงไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ”
ตูมมมมม!
ตัวของผู้เฒ่าเย่ลอยกระเด็นออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” มู่หลินหลางคำรามกล่าว
ชุดคลุมยาวที่งดงามหากไม่ได้ถูกสายลมฉีกจนขาดวิ่นก็ถูกเพลิงแผดเผา นางคือมู่หลินหลางสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดของราชวงศ์ตงหวง แล้วนางจะเคยต้องอับอายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกันล่ะ!
“เจ้าบอกให้ข้าหยุดแล้วจำเป็นต้องหยุดหรืออย่างไร มู่หลินหลาง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?”
ทันทีที่มู่เฉียนซีเคลื่อนไหว พัดวิหคเฟิงหลิงก็บินออกไป และมันก็แยกออกจนกลายเป็นใบพัดจำนวนนับไม่ถ้วน จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่มู่หลินหลาง
มู่หลินหลางรีบหลบหลีกอย่างรีบร้อน แต่ทว่าบนแขนก็ยังได้รับบาดแผลจนเลือดสด ๆ ไหลออกมาอยู่ดี นอกจากนี้ยัง…
“กรี๊ดดดด!” มู่หลินหลางปิดใบหน้าของนางเอาไว้
“มู่เฉินซี เจ้าจะบังอาจเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าทำลายใบหน้าของข้า! ที่แท้เจ้าก็อิจฉารูปร่างหน้าตาของข้ามาตลอดสินะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ข้าจำเป็นที่จะต้องอิจฉาเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ? มู่หลินหลาง เจ้าอย่าได้หลงตนเองมากเกินไปหน่อยเลย!”
ธาตุวายุผนึกเข้าด้วยกัน จากนั้นพัดวิหคเฟิงหลิงก็ได้รวมร่าง แล้วตัดผ่านไปในอากาศ สุดท้ายก็พุ่งลงไปตรงระหว่างคิ้วของมู่หลินหลางอย่างฉับพลัน
ทันใดนั้น สร้อยเส้นหนึ่งที่อยู่บนคอของมู่หลินหลางก็ได้ระเบิดแสงสีขาวออกมา และมันก็ได้สกัดกั้นการโจมตีของมู่เฉียนซีเอาไว้
จากนั้นเส้นทางหนึ่งก็ได้ถูกเปิดออก มู่หลินหลางกล่าวว่า “มู่เฉินซี เจ้ามีวัตถุศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างช่วยชีวิตเอาไว้ แล้วคิดว่าข้าจะไม่มีบ้างอย่างนั้นหรือ? คราวนี้ถือว่าเจ้าโชคดี คราวหน้าเจ้าจะต้องไม่ได้ตายดีแน่!”
มู่หลินหลางรีบหนีเตลิดไปอย่างเร่งรีบ เป็นครั้งแรกที่ถูกคนอื่นบีบบังคับเช่นนี้ ซึ่งนางก็เกลียดมันเป็นอย่างยิ่ง
ฉงหมิงกล่าวอย่างโมโหว่า “ให้ตายเถอะ ปล่อยนางหนีไปได้แล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “องค์หญิงของกองกำลังระดับห้า จะมีเพียงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพป้องกันที่ง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร ถึงแม้ว่าจะไม่มีพลังของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างช่วยให้นางหนีไป แต่คาดว่านางน่าจะมีหนทางที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้อยู่ดี!”
“อนาคตยังอีกยาวไกล สักวันหนึ่งข้าจะเอาชีวิตอันไร้ค่าของนางให้ได้!” ฉงหมิงกล่าวอย่างเย็นชา
ฝ่าบาทหนีไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว และผู้เฒ่าเย่ก็ไม่อยากที่จะติดพันอยู่กับจื่อโยวอีก ฉะนั้นเขาจึงเตรียมที่จะถอยหนี!
จื่อโยวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ข้าบอกให้เจ้าไปได้แล้วอย่างนั้นหรือ?”
ทันทีที่จื่อโยวลงมือ พลังแห่งความมืดที่กลืนกินอันน่าสะพรึงกลัวนั้นก็ได้ปกคลุมผู้เฒ่าเย่เอาไว้ ในขณะที่ผู้เฒ่าเย่พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง
ในขณะที่จื่อโยวมองดูการดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมานของเขาอย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานเพิ่มมากขึ้นไปอีก!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จื่อโยว อย่าเสียเวลาอีกเลย ไม่อย่างนั้นข้าจะไปก่อนแล้วนะ”
ผู้เฒ่าเย่ผู้นั้นจ้องมองไปที่มู่เฉินซีอย่างตื่นตะลึง คิดไม่ถึงว่าแม่สาวน้อยผู้นี้จะพูดกับใต้เท้าจื่อโยวเช่นนี้ได้ พวกเขา…ที่จริงแล้วพวกเขารู้จักกันอย่างนั้นหรือ?
ฉงหมิงประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน แต่ความเป็นมาของผู้หญิงคนนี้ไม่ชัดเจนนัก จึงทำให้เขาได้เห็นเรื่องแปลกจนไม่แปลกใจอีกแล้ว
จื่อโยวกล่าวว่า “คนงาม เจ้าจะทอดทิ้งข้าไม่ได้นะ! ข้าจะจัดการเขาเดี๋ยวนี้แหละ”
“อ๊ากกก!” ผู้เฒ่าเย่กรีดร้องเสียงสุดท้ายออกมา และทั้งตัวของเขาก็หายไปอย่างสมบูรณ์
หลังจากที่จื่อโยวจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันกลับมาพูดกับมู่เฉียนซีด้วยรอยยิ้มว่า “คนงาม เรื่องที่ข้าเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามในวันนี้ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะต้องกระซิบกระซาบแล้วบอกว่าข้าดีเพียงใดต่อหน้าของเยี่ยด้วย ให้เขาทิ้งขว้างข้าน้อยลงหน่อย! และให้เขาวางแผนงานให้ข้าน้อยลงอีกนิด รวมถึงปล่อยให้ข้าได้มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนคนงามมากขึ้นกว่านี้!”
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว ไปกันก่อนเถอะ ผ่านชั้นที่สี่ไปแล้วค่อยว่ากัน”
“ตกลง!”
พวกเขาทั้งสามคนร่วมมือกัน ตั้งแต่ประตูที่สี่ไปจนถึงประตูที่สาม หลังจากนั้นก็ไปถึงประตูที่สอง และเข้าไปในประตูที่หนึ่ง
ยิ่งไปถึงประตูหลัง ๆ มากขึ้นเท่าไรยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ภายในประตูที่หนึ่งแทบจะไม่มีคู่ต่อสู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าที่แห่งนี้กลับมีพลังธาตุแสงที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
“มาจับข้าสิ!”
“ข้าซ่อนอยู่ เจ้าหาข้าเจอได้หรือไม่?”
“……”
แน่นอนว่าชั้นที่หนึ่งต้องเป็นชั้นที่มีจำนวนคนมากที่สุดอยู่แล้ว
คนจากแต่ละกองกำลังล้วนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แต่ทว่าพวกเขาที่อยู่ที่นี่ต่างก็ไม่ได้ต่อสู้กัน และยังเล่นกันเป็นเด็กน้อยอย่างสนุกสนานอีกต่างหาก
ไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่เป็นศัตรูหรือมีความสัมพันธ์เป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่ตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างก็เล่นกันอย่างมีความสุขไปเสียแล้ว
เมื่อฉงหมิงได้เห็นเช่นนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากทันที “นะ…นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เพียงไม่นานเขาก็หมดหนทางในการควบคุมความรู้สึกของตนเองได้แล้ว ฉงหมิงมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ความจริง…ความจริงแล้วข้าไม่ได้เกลียดเจ้าเลยสักนิดเดียว เจ้าเก่งมาก...”
ก่อนที่สติสัมปชัญญะของเขาจะได้รับผลกระทบไปโดยสมบูรณ์ ฉงหมิงก็รีบปิดปากของตนเองโดยตรง!
นี่เขากำลังพูดอะไรอยู่กันแน่?
ไม่ได้มีเพียงฉงหมิงที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น แต่จื่อโยวก็เช่นกัน
“รูปก็คือความว่างเปล่า ความว่างเปล่าก็คือรูป ข้าทำเช่นนั้นกับสาวงามมากมายได้อย่างไร ข้าตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้จะไปจะออกบวชเป็นพระพรหมชั้นเก้า พระชายา ท่านคิดว่าเป็นเช่นไร?”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?
คาดว่าทุกคนคงจะคิดว่า ตัวเลขแต่ละประตูยิ่งต่ำมากเท่าไรก็ยิ่งจัดการได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วพิษร้ายที่ร้ายแรงอย่างแท้จริงอยู่ในประตูที่หนึ่งแห่งนี้ต่างหาก
ภายในประตูบานที่หนึ่งนี้ มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างใช้ความคิดของตนเองส่งผลกระทบให้แก่ทุกคน
ภายในนี้ พวกเขาไม่มีการต่อสู้ดิ้นรน ไม่มีแผนการชั่วร้าย ไม่มีแม้แต่คำโกหก ไม่มีการเสแสร้งแกล้งทำ…
แต่ละคนต่างกลายเป็นนักบุญตามที่มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างได้คาดหวังเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างแล้วมันทำไมล่ะ? เจ้าไม่สามารถบิดเบือนชีวิตของผู้อื่นได้หรอกนะ แต่ว่าเจ้าก็ช่วยข้าได้มากเลยทีเดียวล่ะ”
ผู้ชายทั้งสองคนในเวลานี้ดูจะผิดปกติเล็กน้อย แต่เมื่อป้องกันตนเองได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว ส่วนมู่เฉียนซีก็แน่นอนว่าต้องสามารถต่อต้านผลกระทบจากมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างด้วยพลังทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง จากนั้นนางก็ดึงเอากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา!
พรึ่บ!
ที่นี่มีคนของสำนักหลางซิง มีคนของสำนักหลินเยว่ แน่นอนว่าต้องจะต้องใช้ประโยชน์จากโอกาศที่ดีเช่นนี้ในการจัดการ และทำให้พวกเขาเสียหายเป็นอย่างมาก
แม้ว่าการเผชิญหน้ากับศัตรู แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะลงมือเลยสักนิด
พรวด!
ในตอนที่มันกำลังอยู่ในสรวงสวรรค์ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนที่ปล่อยจิตสังหารออกมา ยกโทษให้ไม่ได้ มันยกโทษให้ไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว!
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างถูกทำให้โกรธขึ้นมาแล้ว พลังแห่งแสงสว่างได้ปกคลุมมู่เฉียนซีเอาไว้ และคิดที่จะทำการเปลี่ยนทัศนคติให้กับมู่เฉียนซี
มันปกคลุมอยู่บนกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ และคิดอยากที่จะกำจัดกระบี่ที่ย้อมไปด้วยเลือดนี้
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฝันไปเถอะ!”
“พลังเพียงแค่เล็กน้อยเท่านี้ คิดว่าจะแตะต้องข้าได้อย่างนั้นหรือ! ไสหัวไปซะ!”
ปัง!
พลังแห่งแสงสว่างกระจัดกระจายออกไปจนหมด
มู่เฉียนซีร่วมมือกับพิฆาตวิญญาณ จัดการศัตรูไปได้มากมาย และพลังธาตุแสงก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ มันคิดว่าจะต้องจัดการปฏิวัติมนุษย์ที่ชั่วร้ายผู้นี้ กับกระบี่ที่ชั่วร้ายนั้นให้จงได้
แต่ทว่า มันก็ไร้ประโยชน์!
พลังแห่งแสงสว่างถูกทำให้โกรธครั้งแล้วครั้งเล่า และในเวลานี้เกล็ดมังกรแผ่นนั้นได้ถูกกระตุ้นอย่างแรง
เกล็ดมังกรแผ่นนั้นได้ระเบิดแสงสีเงินออกมา และมู่เฉียนซีก็ถูกดูดเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง
เวลานี้มู่เฉียนซีได้ลอยอยู่บนท้องฟ้า และมองไปยังภูเขาหินสีเงินที่ยืดยาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จากนั้นมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานออกไป
“ไม่ใช่สิ…นี่มันไม่ใช่ภูเขา นี่มัน…มันคือร่างของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง…”
เค้าโครงของร่างโดยรวม เห็นได้ชัดว่าเป็นรูปร่างของกระดูกมังกร แต่คิดไม่ถึงเลยว่าร่างของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างจะใหญ่ถึงเพียงนี้
กระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง อยู่เบื้องหน้าของนางแล้ว จากนั้นมู่เฉียนซีก็พุ่งลงไป!
.
.