ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1991 ศิษย์พี่มาแล้ว
“โฮกกก!” ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังเข้าไปใกล้นั้น ก็ได้มีเสียงร้องคำรามดังออกมา
แม้ว่ามันจะตายมานานหลายปีแล้ว แต่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างก็เกือบที่จะเป่ามู่เฉียนซีให้ลอยกระเด็นออกไปไกลแล้ว
มังกรสีขาวตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ และตัวของมันก็เล็กกว่าร่างหลักเป็นอย่างมาก แต่ทว่ากลับยังคงครอบครองพลังอันแข็งแกร่งไว้อยู่
“เจ้ามนุษย์ เดิมทีคิดว่าการที่เจ้าได้รับเกล็ดของมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้ เพราะเป็นคนที่จะสามารถสืบทอดความตั้งใจของข้าเทพมังกรแห่งแสงสว่าง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาเข่นฆ่าผู้อื่นอย่างป่าเถื่อนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้าเช่นนี้ ยกโทษให้ไม่ได้แล้ว” มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวอย่างไม่พอใจ
มู่เฉียนซีตอบกลับไปว่า “คนที่ข้าฆ่าก็คือศัตรูของข้า ที่มักจ้องจะเอาชีวิตข้าอยู่เสมอ ข้ารู้สึกว่ามันไม่ผิดเสียหน่อย”
“ผิดก็คือผิด เจ้ายังไม่ยอมรับอีกอย่างนั้นหรือ! ข้า มังกรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะชำระล้างเจ้าด้วยตนเอง”
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างหมุนวนอยู่กลางอากาศ และทำรูปร่างให้เป็นวงกลมขนาดใหญ่ จากนั้นก็ขังมู่เฉียนซีเอาไว้ตรงกลาง
พลังแห่งแสงสว่างถูกเทลงมาจากทุกทิศทุกทางและเข้าไปเหนือศีรษะของมู่เฉียนซี ทว่ามู่เฉียนซีกลับไม่ได้รู้สึกว่าไม่สบายแต่อย่างใด แต่มันก็ยังก็มีร่องรอยของการโจมตีทางจิตวิญญาณอยู่ในนั้นด้วย
“ตอนนี้เจ้าไม่ได้กำลังชำระล้างข้าหรอก เจ้าเพียงแค่ควบคุมข้าด้วยความคิดของเจ้าเท่านั้นเอง มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง!”
“ความดีและเลวในเวลานี้ ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถแบ่งแยกได้ตามมาตรฐานของเจ้าหรอกนะ ฉะนั้นเจ้าทำไม่ได้หรอก เพราะแม้แต่มายานิรันดร์ราชันย์แห่งธาตุแสง ยังทำอะไรไม่ได้เลย!”
มู่เฉียนซีไม่ได้คาดหวังว่าจะโน้มน้าวมังกรตัวนี้ได้ แต่แค่ไม่อยากให้ทำตัวน่ารำคาญอีกต่อไปแล้วเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม คำพูดนี้ของมู่เฉียนซี ดูเหมือนว่าจะทำให้มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างโกรธไปแล้วอย่างสมบูรณ์
“เจ้า…คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าพูดไม่ดีถึงนายท่านได้ เจ้าไปตายเสียเถอะ! ไปตายซะ!”
ก่อนหน้านี้มู่เฉียนซีได้ฆ่าคนเพื่อยั่วยุมัน แต่มันก็ยังคงรักษาท่าทีที่อ่อนโยนด้วยความรักและเมตตาได้อยู่ แต่ทว่าตอนนี้มู่เฉียนซีได้ละเมิดข้อห้ามของมันเข้าแล้ว ฉะนั้นมันจึงปล่อยจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งออกมา
“นายท่านคือผู้ที่อยู่จุดสูงสุด สิ่งที่นายท่านพูดทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งนั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจที่จะให้ร้ายเขาได้!”
“นายท่านเคยบอกว่า หากข้าพยายามอย่างเต็มที่ และพยายามอย่างหนักอยู่เสมอ เมื่อบนโลกใบนี้ไม่เหลือคนชั่วร้ายอยู่เลยแม้แต่คนเดียวละก็ เขาก็จะให้ข้าได้ติดตามเขา! ถึงแม้ว่าข้าจะไม่สามารถทำมันได้ แต่นายท่านไม่มีทางผิดอย่างแน่นอน”
“เจ้าควรจะหายไปจากโลกใบนี้ได้แล้ว บนโลกใบนี้ ไม่สามารถปล่อยให้คนที่ใส่ร้ายนายท่านเช่นเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรอก”
ทันใดนั้นมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างก็คลั่งขึ้นมา และมันก็ได้กลายเป็นสีดำ มู่เฉียนซีไม่รู้เลยว่ามายานิรันดร์ได้ทำอะไรกับมันกันแน่? ถึงได้ทำให้เจ้ามังกรตัวนี้บ้าคลั่งได้ขนาดนี้
ในตอนที่มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างกำลังจะทำลายมู่เฉียนซี ก็ได้มีพลังปีศาจตัดผ่านกึ่งกลางลำตัวของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างตัวนั้นไป จากนั้นร่างของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างก็เปลี่ยนเป็นโปร่งใส และหายวับไป!
ในตอนที่มู่เฉียนซีหันกลับไป นางก็ได้เห็นร่างเงาที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง
“ศิษย์พี่!”
ฉู่หลีกล่าวอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะมาช้ากว่าศิษย์น้องไปก้าวหนึ่ง!”
“โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร จากนี้ไปให้เป็นหน้าที่เอง!”
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างแบ่งระดับให้กับทุกคน ยิ่งระดับพลังของความมืดสูงเท่าไรการทดสอบก็จะยิ่งลำบากมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นการที่ศิษย์พี่มาช้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
“เจ้า…คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้า…”
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังจะกล้ามาปรากฏต่อหน้าข้า”
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างแปลงร่างเป็นมังกรขนาดยักษ์อีกตัวหนึ่ง ซึ่งมันก็ใหญ่กว่าตัวก่อนหน้านี้เสียอีก มันลอยอยู่กลางท้องนภาอันอ้างว้างและจ้องมองมายังฉู่หลี
ถึงต้องเผชิญหน้ากับมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างที่กำลังโกรธแค้น แต่การแสดงออกของฉู่หลีก็ยังคงสงบนิ่งอยู่ดี
ฉู่หลีกล่าวว่า “ข้าไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว จงมอบกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างออกมาซะ”
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างกล่าวพร้อมเสียหัวเราะว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! กระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างรึ กระดูกมังกร เจ้าคิดว่ายังมีของสิ่งนั้นเหลืออยู่อีกอย่างนั้นหรือ?”
ในตอนที่มันหัวเราะออกมานั้น มู่เฉียนซีก็ค้นพบว่าร่างของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างเป็นเหมือนกับเทือกเขาที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น ได้ถูกปกคลุมไปด้วยพลังปีศาจสีดำ
“ที่นี่มีเพียงกระดูกมังกรของมังกรปีศาจแห่งแสงสว่างเท่าน้้น ส่วนกระดูกของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง “นี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่? ร่างกายของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างกลายเป็นปีศาจไปแล้วจริง ๆ หรือ?”
ตามที่นางรู้มา ตอนนี้นี่คือมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่มีเพียงตัวเดียวเท่านั้น และหากซากกระดูกของมังกรศักดิ์สิทธิ์นี้กลายเป็นปีศาจไปแล้วล่ะ หากต้องการจะเอามังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างมาให้ได้ก็เหลือเพียงแค่วิธีเดียวแล้ว
นั่นก็คือหามายานิรันดร์ให้เจอ และให้มันสร้างมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก และคำสาปที่กลมกลืนอยู่ภายในร่างกายของจิ่วเยี่ยนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถควบคุมมันไปได้จนถึงตอนไหน
“เจ้าคือมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง เจ้ามีหนทางใด ก็จงบอกออกมาซะ!” ฉู่หลีกล่าวอย่างเย็นชา
“ข้าไม่บอกหรอก และข้าต้องการที่จะฆ่าเจ้า ที่ฆ่าเจ้า ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเพราะเจ้าเอง!” มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างคำรามร้องขึ้นมา จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีฉู่หลี
ตูมมมม!
ทั้งสองเริ่มต่อสู้กัน และฉู่หลีก็กล่าวขึ้นมาว่า “ศิษย์น้อง ถอยออกไป!”
ตูมมมม โครมมม!
พลังแห่งแสงสว่างอันแข็งแกร่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงอย่างไม่รู้ตัว ในเวลากระดูกมังกรบนพื้นที่เป็นเหมือนกับภูเขาลูกหนึ่งได้ปรากฏรอยร้าวออกมาแล้ว
กระดูกมังกรมากมายถึงเพียงนี้ มู่เฉียนซีไม่เชื่อว่าจะหากระดูกที่บริสุทธิ์ไม่เจอเลยสักชิ้น มู่เฉียนซีลงไปบนพื้น และแผ่กระจายออกไปพลังวิญญาณออกไปเพื่อค้นหามัน
กระดูกมังกรนี้ใหญ่มากเลยจริง ๆ และมันก็ถูกพลังปีศาจนี้ปกปิดเอาไว้เป็นอย่างดี แต่มู่เฉียนซีรู้ดีว่าไม่มีกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างที่บริสุทธิ์เลยสักชิ้นเดียว
“ไม่มีกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
เดิมทีคิดว่าเกือบจะหามันพบแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะแปรสภาพไปอย่างคาดไม่ถึงเช่นนี้ ซึ่งมันก็ทำให้ภายในใจของมู่เฉียนซีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
กระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างได้แปดเปื้อนไปด้วยพลังปีศาจ แล้วมู่เฉียนซีจะเอามันมาแก้คำสาปได้อย่างไร เมื่อถึงตอนนั้นคงจะไม่ได้ถอนคำสาป แต่คาดว่าน่าจะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่าเดิมเสียมากกว่า
ตูมมม!
ฉู่หลีต่อสู้กับมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างจนมืดฟ้ามัวดินไปหมด
กระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างถูกแยกออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยตัวของมันเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย และคิดเพียงแต่ว่าต้องการทำให้ฉู่หลีตายไปเสียเท่านั้นเอง
มู่เฉียนซีมองไปทางฉู่หลีแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ในเมื่อไม่มีกระดูกของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง เช่นนั้นพวกเราก็ออกไปกันเถอะ! ไม่ต้องไปต่อสู้กับมันอีกแล้ว”
แม้ว่ามันจะตายไปหลายปีแล้ว แต่ความสามารถของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างก็ยังคงไม่อ่อนแอลงเลย
ตอนนี้ศิษย์พี่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และแข็งแกร่งอย่างสูงสุด แต่เป็นเพราะว่าแข็งแกร่งอย่างผิดปกติ จึงทำให้นางรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงไม่อยากที่จะให้เขาต่อสู้อีกต่อไปแล้ว
ฉู่หลีกล่าวว่า “ศิษย์น้อง วางใจเถอะ! แม้ว่าจะไม่มีกระดูกของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง แต่ข้าสามารถสู้จนทำให้มันสร้างออกมาให้ได้”
ตูมมมม!
ทันทีที่ฉู่หลีโบกมือ พลังปีศาจอันแข็งแกร่งก็โหมกระหน่ำเข้าใส่มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง
พิฆาตวิญญาณหนีออกมาจากมิติวิญญาณ จากนั้นก็ลากมู่เฉียนซีให้มานั่งอยู่บนกระตูกมังกรอันหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ลูกแมวน้อยวางใจเถอะ นั่งดูการแสดงดี ๆ อยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว! การต่อสู้ระดับนี้ ด้วยความสามารถของเจ้าตอนนี้ไม่สามารถพบเจอได้บ่อย ๆ หรอกนะ!”
“ไปช่วยเหลือศิษย์พี่ แล้วยุติการต่อสู้ครั้งนี้ซะ!” มู่เฉียนซีกล่าว
“หากข้าไปมันจะไม่เสียแรงเปล่าหรอกหรือ? เขาคนเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการมันได้แล้ว และคาดว่าน่าจะไม่ยินดีให้ข้ายื่นมือเข้าไปยุ่งด้วย”
มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังแสงสว่างบนท้องฟ้า พิฆาตวิญญาณเข้ามาใกล้มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “หากข้าเข้าไปช่วย ข้าอาจจะต้องใช้พลังที่เหลือเพียงน้อยนิดไปจนหมดก็ได้ ลูกแมวน้อย เจ้าจะทนไม่เจอข้าไปอีกนานได้อย่างนั้นหรือ?”
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะทนได้ แต่ข้าก็ทนไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นข้าขอปฏิเสธ นอกเสียจากว่าเจ้าจะใช้พลังแห่งพันธสัญญาในการบีบบังคับข้า แต่ถึงอย่างไรข้าก็คงไม่ได้มีน้ำหนักมากเท่าไรในใจของลูกแมวน้อยอยู่ดี และคงเทียบได้เพียงแค่ของไร้ค่าอย่างหนึ่งเท่านั้น หากเจ้าบีบบังคับข้า เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงยอมรับมันเท่านั้นเอง!”
มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คนที่กระหายเลือดและโหดร้ายอยู่เสมออย่างพิฆาตวิญญาณคิดไม่ถึงเลยว่าจะทำท่าทางโศกเศร้าเพื่อร้องขอความเห็นใจต่อหน้านางเช่นนี้ได้
.
.