ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1992 สังหารบรรพบุรุษปีศาจ
“เจ้าไม่ได้บอกว่าจะมีการต่อสู้ให้ดูหรอกหรือ? เช่นนั้นก็ดูไปเถอะ อย่าพูดจาไร้สาระให้มากนักเลย!” มู่เฉียนซีกล่าว
ดวงตาที่มีสีแดงราวทับทิมก็มิปานคู่นั้นเปล่งประกายแพรวพราว “ข้ารู้แล้ว ว่าความจริงแล้วตำแหน่งของข้าที่อยู่ภายในใจของลูกแมวน้อยนั้นไม่ได้ต่ำต้อยเท่าไรนัก และเจ้าก็ทนไม่ได้เช่นกันสินะ!”
และมู่เฉียนซีขี้เกียจเกินกว่าที่จะมองเขาอีก!
ตูมมม!
พลังปีศาจนั้นแข็งแกร่งจนถึงขีดสุด และมันก็ตรงเข้าไปกลืนกินมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างจนหมดสิ้น
มังกรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นได้หายวับไปอีกครั้ง แต่ทว่าผ่านไปไม่นานนัก มังกรศักดิ์สิทธิ์อีกตัวก็ปรากฏขึ้นมา
ซึ่งมันก็ดูราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้นเลย และฉู่หลีก็ทำท่าเหมือนว่าจะไม่อดทนกับมันอีกแล้วเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงลงมืออย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้ามังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างตัวนี้ตายไปแล้ว และสิ่งที่ต่อสู้อยู่ก็เป็นเพียงพลังของมันเท่านั้น แล้วเจ้าพลังนั้นมันจะหมดเมื่อใดกันเล่า? ข้าเกรงว่าศิษย์พี่จะรับมันไม่ไหวเสียก่อน”
“เจ้าอย่าได้ดูถูกมันเกินไปหน่อยเลย ถึงอย่างไรเจ้างูน้อยนั่นก็กลายเป็นถึงขนาดนั้นแล้ว”
เมื่อถูกโจมตีอยู่หลายสิบครั้ง พลังของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างก็เริ่มอ่อนแอลง
และในเวลานี้ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เป็นเจ้าที่อยากได้กระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างใช่หรือไม่”
“เจ้าเป็น มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างรึ!”
“ใช่แล้ว เป็นข้าเอง ตอบคำถามของข้าซะ!”
“ข้าเองที่ต้องกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง เช่นนั้นเจ้ามีวิธีที่จะทำมันให้ข้าสักชิ้นได้หรือไม่? ข้าสามารถบอกให้ศิษย์พี่ยอมปล่อยเจ้าไปได้นะ”
ทันทีที่มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างได้ยิน มันก็ฮึกเหิมขึ้นมา “ใครขอให้เขาปล่อยข้ากัน ข้าไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าเขาจะปล่อยข้าไปหรือไม่ ข้าตายไปนานแล้วนะ?”
“เช่นนั้นเจ้าอยากจะทำอะไรกันแน่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างไม่น่าจะมาหานางเพื่อพูดคุยอย่างไร้เหตุผลแน่ อีกทั้งมันยังแอบมาหานางเพื่อพูดคุยด้วยอีกต่างหาก
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างกล่าวว่า “ซากกระดูกที่เป็นร่างเดิมของข้าได้เต็มไปด้วยพลังของปีศาจแล้ว มันไม่ได้เป็นกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างที่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว แต่ข้าสามารถอุทิศพลังรวมไปถึงจิตวิญญาณที่เหลือของข้าได้ และสุดท้ายมันก็จะกลับกลายมาเป็นกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างอีกครั้ง! ซึ่งกระดูกมังกรชิ้นนั้น เจ้าสามารถเลือกเป็นส่วนหัวมังกรได้เลย”
หากเป็นกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างอันบริสุทธิ์จริง ๆ แล้วละก็ คาดว่าหัวมังกรน่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
“แล้วเจ้าต้องการที่จะทำข้อตกลงอะไรกับข้าล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ช่วยข้าฆ่าบรรพบุรุษปีศาจ ข้าอยากแก้แค้น ข้าต้องการแก้แค้น! ข้ารอมานานถึงขนาดนี้แล้ว แม้ว่าร่างจะตายไปแล้ว แต่ทั้งพลังและจิตวิญญาณจะไม่ยอมมลายหายไปเช่นนี้แน่! เพราะข้าต้องการฆ่าเจ้าหมอนั่น” ภายในน้ำเสียงของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง
ดูเหมือนว่าปีนั้นมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างจะท้าประลองกับบรรพบุรุษปีศาจ สุดท้ายมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบรรพบุรุษปีศาจ และถูกเขาจัดการไปในที่สุด ดังนั้นมันถึงได้ตายลงที่นี่
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตกลง ข้ารับปากเจ้า! ตอนนี้เจ้าไปทำงานให้ข้าได้แล้วใช่หรือไม่!”
“ไม่…ข้าอยากเห็นเจ้าฆ่าเขาด้วยตาของตนเอง เมื่อได้เห็นเขาตายแล้วถึงจะพอใจ”
“เผ่าปีศาจเป็นบุคคลเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว หากจะหาเขาให้เจอก็ต้องใช้เวลาน่ะสิ!”
“ต้องหาอะไรอีก? เขาก็อยู่ที่นี่แล้วยังไงล่ะ!” มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างกล่าว
มู่เฉียนซีตะลึงงัน และมองไปยังชายชุดดำที่ครอบครองพลังปีศาจที่แข็งแกร่งมากที่สุด ศิษย์พี่ของนางคือบรรพบุรุษปีศาจอย่างนั้นหรือ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่?
“เจ้าคือเจ้านายของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ซึ่งเป็นดาบพิฆาตนภาแห่งความโกลาหล และนอกจากนี้เขาไม่มีทางป้องกันเจ้าแน่ ฉะนั้นเจ้าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน...”
“หุบปาก!” ยังไม่ทันที่มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างจะพูดจบ มู่เฉียนซีก็พูดขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเสียก่อน
“ข้าขอปฏิเสธ!”
ที่ตอบอย่างรวดเร็วเช่นนั้นก่อนหน้านี้ เป็นเพราะบรรพบุรุษปีศาจไม่ได้เป็นคนที่มีความสำคัญสำหรับนางเลย ทว่าตอนนี้รู้แล้วว่าคนผู้นั้นคือศิษย์พี่ แล้วนางจะตอบรับได้อย่างไรกัน!
“เจ้าแน่ใจรึ นี่เป็นโอกาสเดียวที่เจ้าจะได้รับกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง หากเจ้าไม่ตอบรับแล้วละก็ จิตวิญญาณและพลังของข้าก็จะมลายหายไปจนหมดสิ้น บนโลกใบนี้มีข้าที่เป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างเพียงตัวเดียวเท่านั้น และเจ้าก็จะไม่มีวันได้รับกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างอีกเลย”
มู่เฉียนซีไม่อยากที่จะสนใจมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างอีกต่อไป นางมองไปทางพิฆาตวิญญาณแล้วกล่าวว่า “พิฆาตวิญญาณ เจ้ารู้ตัวตนของศิษย์พี่สินะ”
พิฆาตวิญญาณกล่าวว่า “เจ้าหมอนี่มีชื่อว่าโม่หลี ถูกเผ่าปีศาจเรียกว่าเป็นบรรพบุรุษปีศาจ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับพวกเรา และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ให้กำเนิดผู้ที่มีพลังปีศาจที่แข็งแกร่งมากที่สุดออกมา”
“แต่เหตุผลทั้งหมดที่ข้าไม่เคยคิดมาก่อนก็คือ เจ้าหมอนี่ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่มีความขยันเลย! ตอนแรกข้าก็คิดอยากจะต่อสู้กับเขาสักยกเช่นกัน แต่เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะยกนิ้วเสียด้วยซ้ำ”
“แต่ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ คิดไม่ถึงว่าจะฆ่าเจ้างูน้อยที่อ่อนแอตัวนี้ได้หลายครั้งหลายคราเช่นนี้ ช่างน่าทึ่งเสียจริง ๆ!” พิฆาตวิญญาณจ้องมองไปยังฉู่หลีอย่างหยอกล้อ
ฉู่หลีคิดที่จะให้มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างยอมจำนน และเขาก็ไม่ต้องการที่จะให้มันใช้พลังไปจนหมดอีกด้วย ฉะนั้นฉู่หลีจึงได้หยุดมือลงทันที
เขาลงมาอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซี และจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ไม่ว่าข้าจะเป็นใครก็ตาม ซีเอ๋อร์ก็จะเป็นศิษย์น้องของข้าใช่หรือไม่?”
“ศิษย์พี่ ตอนนี้ถือว่าข้ากำลังกอดแข้งกอดขาท่านอยู่หรือไม่! ท่าน…คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะเป็นบรรพบุรุษปีศาจจริง ๆ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นี่เป็นข่าวที่ค่อนข้างน่าตกใจเลยทีเดียว ทว่าข้างกายของนางก็มีผู้ยิ่งใหญ่อยู่มากมายอยู่แล้ว ฉะนั้นเรื่องที่น่าตกใจเช่นนี้เพียงไม่นานก็สามารถยอมรับได้อย่างใจเย็นแล้ว
และมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่ศิษย์พี่กล่าว ไม่ว่าตัวเขาจะเป็นใครก็ตาม นางก็ยังคงเป็นศิษย์น้องของเขา เพราะสำหรับนางแล้ว ไม่ว่าศิษย์พี่จะเป็นบรรพบุรุษปีศาจ จอมปีศาจ ราชาปีศาจ หรือจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง เขาก็ยังเป็นศิษย์พี่ของนางอยู่ดี!
ฉู่หลีกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างพูดอะไรกับศิษย์น้องใช่หรือไม่! ศิษย์น้องยังมีเรื่องอะไรที่ต้องกังวลอีกอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีผงะไปเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ มันไม่ได้บอกอะไรกับข้าเลย พวกเราไปกันเถอะ! ที่นี่ไม่มีของที่พวกเราต้องการอีกแล้ว”
“ข้ารับปากศิษย์น้องแล้วว่าต้องหาให้เจอ ข้าจะต้องมอบของขวัญชิ้นนี้ให้ศิษย์น้องให้ได้”
“ตอนอยู่ที่สำนักลั่วเยว่ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่มอบให้แล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่เหมือนกัน นั่นคือของขวัญที่ได้พบกันเท่านั้น”
“อย่างไรก็ตามข้าก็จะไปแล้ว หากศิษย์พี่ไม่ไปละก็ เช่นนั้นก็ช่างมันก็แล้วกัน” และมู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานออกไป
ในเวลานี้เอง มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างก็เริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา
“ข้าต้องการให้นางฆ่าเจ้า จากนั้นข้าก็จะเอาพลังและจิตวิญญาณที่เหลือของข้าถ่ายทอดเข้าไปในหัวมังกรของข้า และมันก็จะหลอมรวมกันกลายเป็นกระดูกหัวมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างที่บริสุทธิ์!”
ฉู่หลีกล่าวว่า “ที่แท้ก็ง่ายดายเช่นนี้นี่เอง ก่อนหน้านี้เสียพลังไปอย่างเปล่าประโยชน์จริง ๆ”
มู่เฉียนซีหยุดฝีเท้าลง จากนั้นสีหน้าของนางก็มืดมนลงทันที
“ศิษย์พี่…ง่ายอย่างนั้นหรือ!”
“ศิษย์น้อง ลงมือเถอะ! หากเป็นศิษย์น้องแล้วละก็ ข้าไม่สนใจหรอก” ฉู่หลีกล่าวอย่างเรียบเฉย
ปล่อยให้คนอื่นมาฆ่าตนเองเขาพูดได้อย่างสบายใจเช่นนี้เลยหรือ อีกทั้งยังทำราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเรื่องหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นด้วย
มู่เฉียนซีได้ถูกฉู่หลีทำให้ระเบิดด้วยความโกรธไปแล้ว นางหยิบเอาเข็มยาเล่มหนึ่งออกมา “ศิษย์พี่ ดูท่าแล้วข้าคงต้องทำให้ท่านหมดสติก่อนแล้วค่อยพาออกไปสินะ!”
“พิฆาตวิญญาณ จัดการ!”
พิฆาตวิญญาณยืนอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ลูกแมวน้อย ดูเหมือนว่าข้าจะขึ้นสนิมไปเสียแล้ว ข้าขยับไม่ไหวเลย! ในเมื่อเขารนหาที่ตายแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ทำให้เขาสมความปรารถนาเสียหน่อยสิ!”
“อย่างไรก็ตามข้าไม่ถูกชะตาเขามานานแล้ว และอยากที่จะกลืนกินเลือดของเขา กลืนกินจิตวิญญาณของเขา ซึ่งคาดว่าข้าน่าจะฟื้นตัวได้มากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นแน่ ส่วนเจ้าก็จะได้รับกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างไปช่วยจิ่วเยี่ย มันช่างเป็นเหมือนกับการยิงนัดเดียวได้นกสองตัวเลย!”
“ยิงนัดเดียวได้นกสองตัวบ้าอะไรกัน!” ศิษย์พี่ก็บ้าไปแล้ว ส่วนพิฆาตวิญญาณก็เชื่อถือไม่ได้ ในตอนนี้มู่เฉียนซีจึงโกรธมากจนอยากจะเตะพิฆาตวิญญาณเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“ศิษย์พี่ ข้าทำไม่ได้! หากให้ลงมีดกับศัตรูข้าสามารถทำได้เพียงพริบตาเดียว แต่หากจะให้ลงมีดกับคนสำคัญแล้วละก็ ต่อให้มีเหตุผลที่ใหญ่ยิ่งกว่านี้ข้าก็ทำไม่ได้อยู่ดี! พวกเราออกไปจากสถานที่แห่งนี้กันดีหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างอ้อนวอน
บนใบหน้าอันหล่อเหลาของฉู่หลีนั้นได้คลี่ยิ้มออกมาขณะมองไปที่มู่เฉียนซี ความรู้สึกของการเป็นของล้ำค่าภายในใจของใครสักคนทำให้เขาได้รับรู้ถึงความสุขที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ศิษย์น้อง ฟังข้าพูดก่อน!”
.
.