ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1994 จุดตายของมังกรศักดิ์สิทธิ์
ในถึงเวลานี้ มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างก็แกล้งโง่ขึ้นมาฉับพลัน
มันกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดอะไรอย่างนั้นหรือ? เหมือนข้าจะลืมไปแล้วล่ะ เจ้ามนุษย์ เจ้ารีบออกไปจากที่นี่เสีย เพียงแค่เจ้าสามารถอาบแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างในอาณาเขตของข้าได้ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าข้าได้ให้ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่แก่เจ้าแล้ว เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอกไปหน่อยเลย”
มู่เฉียนซีหัวเราะขึ้นมาด้วยความโกรธ “ก่อนหน้านี้ใครกันที่พูดว่ามังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างของเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางผิดคำสัญญาแน่นอน? สิ่งที่เรียกว่าแสงสว่างของเจ้า มันก็เท่านี้เองสินะ”
“เจ้าพูดจาไร้สาระ! เจ้ามันพูดจาไร้สาระ!”
“หากเจ้าไม่อยากที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์ ก็อธิบายมันออกมาตามตรงเถิด ไม่ใช่เจ้าเอาแต่พูดกลับไปกลับมาเช่นตอนนี้ ข้าเกลียดชังคนเช่นเจ้าที่สุด เจ้าอยากที่จะให้ทุกคนบนโลกนี้ไม่เห็นแก่ตัว แต่ตอนนี้ตัวเจ้าเองดันกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวแบบนั้นเสียเอง”
“เจ้าพูดไร้สาระ…ไร้สาระสิ้นดี…ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ใช่อย่างแน่นอน!”
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างบ้าคลั่งไปแล้ว และพลังธาตุแสงที่อยู่บริเวณโดยรอบเหล่านั้นก็ผิดปกติขึ้นมาอย่างรุนแรง
ทว่าสุ่ยจิงอิ๋งก็สามารถสกัดกั้นการโจมตีเหล่านั้นเอาไว้ได้เสียก่อน ฉะนั้นจึงทำให้พวกมันไม่มีทางทำอันตรายมู่เฉียนซีได้เลยแม้แต่น้อย
สุ่ยจิงอิ๋งก็ถูกเจ้าหมอนี่ทำให้โมโหขึ้นมาแล้วเช่นกัน ดังนั้นจึงได้โต้กลับไปอย่างรุนแรง และพลังธาตุแสงนั้นก็ถูกนางสะท้อนกลับไปเช่นกัน
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างตัวนี้ จะรังแกคนอื่นเกินไปแล้ว!
ตูมมม!
มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาสนั่นหวั่นไหว
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างกล่าวขึ้นมาด้วยประหลาดใจว่า “ผู้พิทักษ์นิรันดร์ ดอกบัวหงส์เก้ากลีบอย่างนั้นหรือ คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นผู้ผูกพันธสัญญาเช่นกัน ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไปหน่อยแล้ว”
คนที่มีผู้พิทักษ์นิรันดร์คอยปกป้อง ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพสูงสุด ก็ไม่สามารถที่จะหาเรื่องใส่ตัวอย่างการไปโจมตีนางได้หรอก
ยิ่งในเวลานี้ยิ่งไม่สามารถทำได้เลย!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้ากลัวตัวเองจะหายไปมาก และด้วยความกลัวเช่นนี้ทำให้เจ้ากลายไปเป็นคนประเภทเดียวกันกับคนที่เจ้าเกลียดชังที่สุด”
“ไม่ใช่นะ! ไม่ใช่! ข้า…ข้าเพียงแค่ยังไม่เต็มใจที่จะทำมันก็เท่านั้น ข้ายังไม่ทันได้รับการยอมรับจากนายท่านเลย ข้าไม่ยอมที่จะหายไปเช่นนี้อีกแล้ว” มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างกล่าวอย่างสั่นเทา
“เจ้าเคารพบูชามายานิรันดร์ และในเวลาเดียวกันข้าก็เป็นผู้ผูกพันธสัญญาของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ แต่เจ้ากลับมาหลอกลวงข้าเช่นนี้ หากในอนาคตข้าได้เจอเขา เจ้าไม่กลัวว่าตอนที่เจอเขา ข้าจะพูดถึงเรื่องที่ไม่ดีของเจ้าต่อหน้าเขาอย่างนั้นหรือ” มู่เฉียนซีกล่าวกับมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง
“เจ้ากล้า…เจ้าทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก? เจ้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้!” เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซี มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างก็ตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที
คนผู้นั้นเป็นคนที่มันยกให้อยู่บนตำแหน่งที่สูงที่สุด ฉะนั้นมันจึงไม่อยากที่จะทิ้งจุดด่างพร้อยไว้ในใจของคนผู้นั้น และมันก็หวังว่าตนเองจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดอยู่เสมอ
นี่คือจุดตายของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง และความรักอย่างเลื่อมใสเช่นนี้ ก็ทำให้ต้องดำดิ่งลงไปในโคลนตม
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง เจ้าเลือกเอาเถอะ! หากเจ้ายังยืนกรานที่จะไม่รักษาสัญญา ข้าก็จะลบล้างทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้า และเมื่อถึงเวลานั้นข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อพูดเรื่องที่ไม่ดีของเจ้าต่อหน้ามายานิรันดร์ ถึงแม้ว่าเจ้าจะหายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล แต่เจ้าก็จะกลายเป็นสิ่งที่มีมลทินในสายตาเขาอยู่ดี”
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างกล่าวด้วยเสียงแหลมสูงว่า “เจ้าไม่ต้องพูดอีกแล้ว! ข้าไม่ต้องการ…ข้าไม่มีทางยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้แน่นอนอยู่แล้ว”
หากมู่เฉียนซีเป็นเพียงเจ้านายของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ มันก็จะไม่หวาดกลัวถึงขนาดนี้ เพราะถึงอย่างไรพิฆาตวิญญาณก็ไม่ถูกกับนายท่านมากเท่าไรนัก
แต่ทว่ากับผู้พิทักษ์นิรันดร์นั้นไม่เหมือนกัน เนื่องจากผู้พิทักษ์นิรันดร์เป็นหญิงสาวที่อ่อนโยน อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อื่น ๆ ฉะนั้นหากในอนาคตได้เจอกับนายท่านจริง ๆ แล้วละก็…
สุดท้ายแล้วมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างก็ยอมประนีประนอม “เอาตามที่เจ้าต้องการแล้วกัน ข้าจะถ่ายทอดพลังและจิตวิญญาณที่เหลือของข้าลงไปในกระดูกหัวมังกร เพื่อให้มันกลายเป็นกระดูกหัวมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง”
“หากในในอนาคตเจ้าได้พบเจอกับนายท่าน โปรดอย่าพูดถึงข้าในทางที่ไม่ดี และหากเป็นไปได้ละก็ ช่วยสรรเสริญข้าให้มากหน่อย! ทำให้นายท่านจำข้าได้บ้าง เท่านี้ข้าก็พอใจแล้ว” มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างดูไม่เย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว และยังเปลี่ยนเป็นดูอ่อนน้อมมากขึ้นอีกด้วย
มู่เฉียนซีถอนหายใจออกมา และนี่คือความชั่วร้ายที่แท้จริงของมายานิรันดร์
พลังแห่งแสงสว่างได้ปกคลุมกระดูกหัวมังกรเอาไว้ และพลังปีศาจที่อยู่บนกระดูกหัวมังกรนั้นก็ถูกชำระล้างไปในทันที
กลิ่นอายของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างอ่อนแอมากขึ้นเรื่อย ๆ และอีกไม่นานมันจะหายไปจากโลกนี้ โดยที่ไม่เหลือร่อยรอยอะไรไว้อีกเลย
มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่กระดูกหัวมังกรนั้น ซึ่งกระดูกหัวมังกรนี้ช่างดูบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก
หลังจากที่นางข่มขู่มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างแล้ว มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างก็ได้สร้างกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างอย่างเต็มที่จนเสร็จสมบูรณ์
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แก่นเลือดของหงส์นิลแห่งความมืด อีกทั้งกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างต่างก็ได้รับมาหมดแล้ว ต่อไปก็เหลือเพียงหัวใจของไม้เทพแห่งชีวิตและดีกิเลนของกิเลนแห่งนรกเท่านั้น”
มู่เฉียนซีได้หาของที่จำเป็นในการถอนคำสาปมาถึงครึ่งหนึ่งแล้ว และนางก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ใกล้แล้วล่ะ!
ในตอนที่นางกำลังจะเก็บกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง ก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งทะยานเข้ามา
มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างได้หายไปแล้ว ฉะนั้นพลังของมันจึงได้กระจายหายไปด้วย และช่องโหว่มากมายในสุสานมังกรก็ปรากฏขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้คนอื่นหาที่นี่เจอเช่นนี้
และคนแรกที่มาถึงที่นี่ก็คือมู่หลินหลางนั่นเอง
มู่หลินหลางไม่ได้ตรงมาที่นี่เพียงคนเดียว ข้างหลังของนางยังมียอดฝีมือของราชวงศ์ตงหวง อีกทั้งยังมีคนของสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงตามมาด้วย
เมื่อมู่หลินหลางได้เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย แววตาของนางก็ฉายแววเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
“มู่เฉินซี คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้า! วางสิ่งของทั้งหมดลงซะ”
ก่อนหน้านี้นางได้รับความช่วยเหลือจากวัตถุศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงทำให้หนีมาได้ ซึ่งมันก็น่าอับอายเป็นอย่างมาก
และผูู้เฒ่าเย่ก็ไม่กลับมา ยอดฝีมือที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยราชวงศ์ตงหวง คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาตายไปเพราะคนผู้นี้ บัดซบยิ่งนัก!
นางอยากที่จะหั่นมู่เฉินซีให้เป็นชิ้น ๆ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับมู่เฉินซีตอนที่หาสมบัติเจอแล้วเช่นนี้ และมู่เฉินซีก็กำลังจะเก็บสมบัติชิ้นหนึ่งนั้นเข้าไปในกระเป๋าของนางพอดี
ในตอนนี้นางได้รู้อย่างแน่ชัดแล้วว่า ของล้ำค่าที่ปรากฏออกมานี้ไม่ใช่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ที่มีคุณสมบัติของธาตุแสงอย่างมายานิรันดร์ แต่สิ่งที่ปรากฏออกมาเป็นเพียงสุสานมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างเท่านั้น
ระดับของทั้งสองสิ่งนี้แตกต่างกันมากอย่างสิ้นเชิง แต่ทว่ากระดูกร่างของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างก็เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้ามีสิทธิ์อะไร นี่คือของของข้า ไม่ว่าผู้ใดก็เอาไปไม่ได้ทั้งนั้น!”
จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้เก็บกระดูกมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างใส่ไว้ในมิติ มู่หลินหลางจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ฆ่านางซะ ข้าไม่เชื่อว่าคราวนี้จะมีใครสามารถปกป้องนางได้อีก”
มู่หลินหลางมีกำลังคนเป็นจำนวนมาก และตอนนี้มู่เฉียนซีก็อยู่เพียงลำพังเท่านั้น ฉะนั้นการสังหารนางจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายเป็นอย่างมากนั่นเอง
“มู่หลินหลาง เจ้าคิดจะรังแกซีซีอย่างนั้นหรือ ก็ลองดูว่าคุณชายอย่างข้าจะเห็นด้วยหรือไม่?” ทันใดนั้นเปลวเพลิงสีแดงฉานก็พวยพุ่งออกมา
มู่หลินหลางและพรรคพวกหาที่เจอได้ แน่นอนว่าจูเชว่และพรรคพวกก็ต้องหาเจอเช่นกัน
ไม่ได้มีเพียงแค่จูเชว่เท่านั้น แต่ไป๋เจ๋อและฉงหมิงที่ตามมาด้วยติด ๆ และคนของพวกเขาต่างก็ทยอยกันมายืนขวางหน้ามู่เฉียนซีเอาไว้
มู่หลินหลางกล่าวว่า “องค์หญิงอย่างข้าต้องการที่จะจัดการกับมู่เฉินซี พวกเจ้าทั้งสามอยากตั้งตัวเป็นศัตรูกับราชวงศ์ตงหวงของข้าอย่างนั้นหรือ? ช่างบังอาจยิ่งนัก”
ฉงหมิงกล่าวตอบว่า “เป็นศัตรูกับเจ้า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย คนอื่นอาจกลัวเจ้า แต่ข้าฉงหมิงไม่กลัวหรอก!”
“ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกข้าจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเจ้า แต่แน่นอนมู่หลินหลางเจ้าก็คงจะไม่มีทางปล่อยพวกเราไปอยู่ดี” ไป๋เจ๋อกล่าว
มู่หลินหลางกล่าวว่า “พวกเจ้านี่ดีกันจริง ๆ ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตายอย่างไม่เจียมตัวเช่นนี้ อย่างนั้นข้าก็จะเติมเต็มความต้องการของพวกเจ้าเอง”
“จัดการพวกเขาอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว ฆ่ามันให้หมด!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ทันใดนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็เข้าห้ำหั่นปะทะกัน และมู่หลินหลางก็พุ่งตรงไปหามู่เฉียนซีโดยทันที
นางจะต้องสังหารผู้หญิงคนนี้ด้วยมือของนางเอง ถึงจะสามารถลบล้างความอัปยศอดสูของนางได้
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มู่หลินหลาง ที่เจ้าพ่ายแพ้ไปคราวที่แล้วยังเวทนาไม่พออีกหรือไง? อยากที่จะเข้ามาอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?”
.
.