ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1995 ท่านอ๋องมาถึงแล้ว
มู่หลินหลางกล่าวอย่างเย็นยะเยือกว่า “คราวก่อนอย่างนั้นหรือ เจ้ายังมีหน้ามาพูดถึงคราวก่อนอีกอย่างนั้นหรือ!”
“แต่นั่นคือผลการต่อสู้ของข้า เหตุใดถึงพุดไม่ได้กันเล่า” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คราวนี้ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้แล้ว ข้าก็อยากจะดูเหมือนกันว่า ผลการต่อสู้ของเจ้าจะเป็นเช่นไร” มู่หลินหลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าก็ลองดูสักหน่อยสิ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างยั่วยุ
“พลังวายุ นิรันดร์!” มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวพัดวิหคเฟิงหลิง
ตูมมม!
ทั้งสองปะทะฝีมือกัน
ครั้งนี้เป็นการประลองกันของมู่เฉียนซีกับมู่หลินหลาง และมู่หลินหลางก็ตระหนักได้ถึงความสามารถของมู่เฉินซีมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นการจัดการก็ยิ่งง่ายดายมากยิ่งขึ้น เพราะอย่างไรเสียนางก็มีของดีมากมายอยู่ในมือเช่นกัน
“คราวนี้ ข้าจะต้องทำให้เจ้าตายให้ได้อย่างแน่นอน!”
มู่หลินหลางพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างดุเดือด มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่!”
“วิหคอัคคี ไสหัวออกมาซะ คราวนี้ห้ามแพ้เด็ดขาด” มู่หลินหลางกล่าวอย่างเลือดเย็น
พลังของวิหคอัคคีเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งก็ทำให้มันเลื่อนขั้นขึ้นมาไม่น้อยเลย และเสี่ยวโม่โม่ก็เข้าไปพัวพันกับมันแล้ว
ความเร็วและการป้องกันของมู่เฉียนซีทำให้มู่หลินหลางจนปัญญามากจริง ๆ เป็นเหตุให้ความโกรธที่อยู่ในใจของมู่หลินหลางลุกโชนขึ้นมาอย่างท่วมท้น
หากต้องการที่จะเอาชนะมู่เฉินซีให้ได้ นางจำเป็นที่จะต้องจ่ายไปจำนวนมากเลยทีเดียว และสิ่งที่ต้องจ่ายนั้นก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้นางไม่มีทางที่จะบรรลุจนกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ตลอดไป
มู่เฉินซีเพียงคนเดียว ไม่สำคัญพอที่จะทำให้นางยอมจ่ายมากมายถึงขนาดนั้นได้ ดังนั้นมู่หลินหลางจึงทำได้เพียงแต่เสียเวลาไปกับมู่เฉียนซีเท่านั้น
“เมฆาขาวพิฆาต!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ตูมมมม โครมมม!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น มู่เฉียนซีรู้ดีว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเขาจะเสียเปรียบมาก
ถึงอย่างไรเสียมู่หลินหลางก็เป็นถึงองค์หญิงของกองกำลังระดับห้าแห่งราชวงศ์ตงหวง คนที่นางนำมาด้วยนั้นมากกว่าคนที่พวกเขานำมาทั้งหมดรวมกันเสียอีก
การต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนานมากเกินไป เมื่อรอให้พวกมันได้เปรียบและโต้กลับมา พวกเขาก็จะยากที่จะรับมือได้!
แต่ความอดทนของมู่หลินหลางนั้นมีขีดจำกัด ท้ายที่สุดแล้วนางก็เอาไพ่ตายออกมา
“อวิ๋นซิว ปิดล้อมนางเอาไว้ อย่าให้นางหนีไปได้!” มู่หลินหลางออกคำสั่ง
ร่างเงาสีดำสนิทพุ่งออกมาจากข้างหลังของมู่หลินหลาง จากนั้นเขาก็ทะยานเข้าใส่มู่เฉียนซีทันที
คราวนี้เฟิงอวิ๋นซิวไม่ใช่ร่างเงาอีกแล้ว และเขาก็ต่อสู้ด้วยตนเอง แน่นอนว่าเขาไม่อาจให้สถานการณ์เช่นนั้นปรากฏออกมาได้
เฟิงอวิ๋นซิวเป็นจอมภูตพลังธาตุวายุอัคคี มีเขาปิดล้อมอยู่ คราวนี้มู่หลินหลางจะได้ไล่ล่ามู่เฉินซีได้อย่างราบรื่นเสียที
“คราวนี้ คอยดูว่าเจ้าจะหนีไปไหนพ้น?” มู่หลินหลางลงมืออย่างรุนแรง และเฟิงอวิ๋นซิวก็ให้ความร่วมมือได้ดีเป็นอย่างยิ่ง
แต่มู่เฉียนซีได้หายตัวไปจากสถานที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว ถึงจะไม่สามารถใช้ทักษะทางร่างกายในการหลบหลีกได้ แต่นางก็ยังสามารถใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาได้อยู่ ฉะนั้นจะไปหวาดกลัวพวกเขาได้อย่างไร
“มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพมิติอย่างนั้นหรือ?”
“สกัดกั้นนางเอาไว้!”
มู่หลินหลางก็มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพมิติเช่นกัน และนางก็ทำให้มิติโดยรอบถูกแช่แข็งเอาไว้แล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความจริงแล้วมู่เฉียนซียังสามารถใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาได้อยู่ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นพลังของสุ่ยจิงอิ๋ง จะมาถูกมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพมิติอื่นควบคุมได้อย่างไร
ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้ได้ แต่ความเร็วก็ช้าลงไปมากอยู่ดี!
ปัง ปัง ปัง!
การโจมตีมากมายปะทะเข้ากับร่างของมู่เฉียนซี หากไม่มีความแข็งแกร่งทางกายภาพ เกรงว่านางคงจะถูกฆ่าตายภายในพริบตาเป็นแน่
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
ถึงจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งแต่ก็ไม่อาจทนกับการผลัดกันโจมตีอย่างต่อเนื่องของมู่หลินหลางและเงาของนางได้ เวลานี้สถานการณ์ทางด้านของจูเชว่ก็แย่มากเช่นกัน และมีคนมากมายที่เริ่มได้รับบาดเจ็บกันแล้ว
ความสามารถของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากเกินไป!
และในเวลานี้เอง ก็มีกลิ่นอายของผู้ที่แข็งแกร่งสองคนปรากฏขึ้น ตัวคนยังไม่ทันได้มาถึง แต่กลิ่นอายนี้กลับทำให้คนอื่นเริ่มหายใจไม่ออกเสียแล้ว
มู่หลินหลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าเสร็จแน่ วันนี้พวกเจ้าจะต้องตายอย่างน่าสังเวชมากอย่างแน่นอน”
ผู้ที่มานั้นคือชายชราสองคน และทั้งคู่ต่างก็มีความสามารถเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณระดับเก้าขั้นสูงสุดเลยทีเดียว
พวกเขามองไปทางมู่หลินหลางด้วยรักและเมตตาพลางกล่าวว่า “ฝ่าบาท ทันทีที่ชีวิตของผู้เฒ่าเย่แหลกสลายไป องค์จักรพรรดิจึงคาดว่าพระองค์จะต้องพบเจอกับปัญหาบางอย่างที่นี่อย่างแน่นอน ฉะนั้นจึงมีรับสั่งให้ข้าน้อยมาช่วยจัดการมดปลวกเหล่านี้พ่ะย่ะค่ะ!”
มู่หลินหลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโสทั้งสองมาได้ทันเวลาพอดี ฆ่าพวกเขาให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เนื่องจากเป็นพลังของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณระดับเก้า มันจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้
แม้ว่าจูเชว่ ไป๋เจ๋อและฉงหมิงจะมีคนเบื้องหลังคอยคุ้มครองอยู่ แต่คนเหล่านั้นก็เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณระดับต่ำเท่านั้น
ผู้แข็งแกร่งระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณระดับเก้า มีเพียงราชวงศ์ตงหวงเท่านั้นที่สามารถส่งมาได้ทีเดียวถึงสองคนเช่นนี้
มู่หลินหลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มู่เฉินซี ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าก่อนก็แล้วกัน! ข้าอยากให้เจ้าเห็นด้วยตาตนเอง ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างเจ้าเหล่านี้ ต้องตายลงต่อหน้าเจ้าอย่างน่าเวทนาเพียงใด”
“และเมื่อตอนที่เจ้ากำลังเจ็บปวดทรมาน ข้าค่อยโจมตีเพื่อเอาชีวิตของเจ้าอีกครั้ง” มู่หลินหลางเชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ราวกับว่าความสำเร็จทั้งหมดอยู่ในกำมือแล้วอย่างไรอย่างนั้น
และในเวลานี้เอง พื้นที่ที่ยังคงมีพลังแห่งแสงสว่างหลงเหลืออยู่แห่งนี้ ก็ได้ถูกกลืนกินโดยพลังแห่งความมืดอันน่าสะพรึงกลัวไปอย่างสิ้นเชิง
ทุกคนต่างตัวสั่นเทาด้วยความเย็นยะเยือก แม้แต่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณระดับเก้าทั้งสองคนก็ยังเผยสีหน้าที่หน้าหวาดกลัวออกมา จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็รีบขวางอยู่เบื้องหน้าของมู่หลินหลางอย่างรวดเร็ว
“ฝ่าบาท อันตรายพ่ะย่ะค่ะ! ระวังพระองค์ด้วย!”
พลังแห่งความมืดนั้นปรากฏขึ้น และมันก็ทำให้คนที่ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดก็ตามในสถานที่แห่งนี้ต่างต้องล้มลงไปทีละคน
ไม่เพียงเท่านั้น โครงกระดูกของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างขนาดมหึมานั้น ก็กลายเป็นเถ้าถ่านภายในพริบตาเดียว
มู่หลินหลางอยู่ภายใต้การคุ้มครองของผู้แข็งแกร่งทั้งสอง ขณะเดียวกันพวกเขาต่างก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นฉากเช่นนี้
แม้แต่ซากกระดูกของมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างโบราณก็ยังถูกทำลายได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ พลังนี้…นี่…
ทันใดนั้นเอง ชายในชุดสีดำคนหนึ่งก็มาถึง และคนผู้นี้ก็เป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างโลกก็มิปาน อีกทั้งดวงตาสีฟ้าที่เย็นยะเยือกคู่นั้นยังกวาดตามองไปที่มู่หลินหลางและคนของนางอย่างเย็นชาอีกด้วย
“ท่านอ๋องจิ่วเยี่ย!” มู่หลินหลางจ้องเขม็งไปที่ชายผู้นั้น
“เป็นท่านอ๋องจิ่วเยี่ยแห่งแดนนรก ขะ…เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างกัน?”
จิ่วเยี่ยเหลือบมองไปที่คนเหล่านั้น และพ่นออกมาคำหนึ่งว่า
“ไสหัวไป!”
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณระดับเก้าคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “ท่านอ๋องจิ่วเยี่ย ที่นี่คืออาณาเขตของราชวงศ์ตงหวงและไม่ใช่แดนนรกของท่านนะขอรับ”
ทันทีที่เขาพูดจบ ก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ราวกับว่าตอนนี้ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวเขาแล้ว
โชคดีที่เขายังพอมีความสามารถอยู่บ้าง และเคยได้ยินข่าวมาว่าท่านอ๋องจิ่วเยี่ยเป็นดาวร้ายผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ความปรานี อีกทั้งยังฆ่าคนโดยอาศัยความรู้สึกล้วน ๆ อีกด้วย ส่วนจิตสังหารของเขาในตอนนี้ เกรงว่าคงไม่อาจเก็บคืนไปได้แล้ว
พวกเขากัดฟันกรอด แล้วพุ่งทะยานออกไปพลางกล่าวว่า “ลงมือได้!”
“ท่านอ๋องจิ่วเยี่ย พวกเรายอมรับว่าท่านแข็งแกร่งมาก! แต่ทว่าที่นี่คืออาณาเขตของราชวงศ์ตงหวง และราชวงศ์ตงหวงก็เป็นผู้รับผิดชอบที่นี่ ฉะนั้นท่านไม่อาจอาละวาดตามอำเภอใจได้!”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
พวกเขาพุ่งทะยานออกไป และคนอื่น ๆ ที่พามาด้วยเหล่านั้นต่างก็ล่าถอยไปพร้อมกับมู่หลินหลาง!
แต่ในเวลานี้ จื่อโยวก็ได้พาคนบุกทะลวงเข้ามาแล้ว
“อาณาเขตของราชวงศ์ตงหวงแล้วทำไมล่ะ? เยี่ยของพวกข้าอยากจะฆ่าใคร มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ขยะอย่างพวกเจ้าจะสามารถมาขัดขวางได้”
ปัง ปัง!
คนที่จื่อโยวพามาด้วยนั้นก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน และคนที่คอยคุ้มครองมู่หลินหลางเอาไว้เหล่านั้นก็ค่อย ๆ ล้มตายลงไปทีละคน
และตอนนี้มู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานไปทางมู่หลินหลางแล้ว มู่หลินหลางกล่าวขึ้นมาอย่างเดือดดาลว่า “มู่เฉินซี เจ้านี่ช่างโชคดีเสียจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าพลังของท่านอ๋องจิ่วเยี่ยจะไม่ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงมาถึงเจ้าเช่นนี้!”
“หรือบางทีเจ้าอาจจะใช้ความงดงามของเจ้าล่อลวงใต้เท้าจื่อโยว…”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มู่หลินหลาง เจ้าจะพูดจาไร้สาระมากเกินไปแล้ว!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“อวิ๋นซิว ฆ่านางซะ!” มู่หลินหลางออกคำสั่ง
การร่วมมือกันของเฟิงอวิ๋นซิวกับนางสามารถทำให้มู่เฉินซีอับจนหนทางได้มาก่อน และตอนนี้พวกเขาก็จะสามารถจัดการมู่เฉินซีได้แล้ว
มู่หลินหลางและเฟิงอวิ๋นซิวใช้ทุกวิถีทางในการโจมตีมู่เฉินซีอย่างดุเดือดโดยไม่สนว่าจะต้องชดใช้อย่างไรบ้าง
มู่หลินหลางกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “อวิ๋นซิว ใช้กำลังทั้งหมดของเจ้าเสียสิ! แล้วร่างเงาของเจ้าล่ะ!”
.
.