ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1998 ถึงคราวตายแล้วยังฟุ้งซ่าน
ทันทีที่มู่เฉียนซีพูดจบ ก็ได้มีเสียง ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว! ดังขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน และยอดฝีมือของหอหมอปีศาจก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีในทันที
และในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีหุ่นเชิดที่มีกลิ่นอายอันแข็งแกร่งออกมาอีกมากมายด้วย
คราวนี้ หอหมอปีสาจได้ใช้กำลังรบที่มีพลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเคลื่อนไหว เพื่อที่จะมาทำลายสำนักหลางซิงของพวกเขาโดยเฉพาะ
สำนักหลางซิงในเวลานี้ก็ไม่ได้หวาดกลัวเช่นกัน “หอหมอปีศาจรึ ก็แค่กองกำลังที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ก็เท่านั้น ก็แค่พวกหัวมังกุท้ายมังกรกลุ่มหนึ่ง สำนักหลางซิงของพวกเราจะต้องกลัวพวกเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ”
“ยังมีคุณชายอย่างข้าด้วย” ร่างสีแดงเพลิงร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกมา และเขาก็พาผู้แข็งแกร่งมาด้วยจำนวนไม่น้อยเลย
“ก็แค่สำนักหลางซิง เจ้าคิดว่าสำนักของพวกเจ้าเก่งกาจมากอย่างนั้นหรือ?” ร่างเงาสีดำอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา และฉงหมิงก็กล่าวอย่างดูถูกพวกเขาเป็นอย่างมาก
“ข้าไป๋เจ๋อและหอหมอปีศาจพร้อมที่จะต่อสู้ไปด้วยกันอยู่แล้ว!” จากนั้นร่างสีขาวนวลราวจันทราร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
“คุณชายจูเชว่ คุณชายฉงหมิงและคุณชายไป๋เจ๋อ! ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะถูกผู้หญิงคนหนึ่งล่อลวงจนทำให้หลงใหลเสียสติไปแล้วสินะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะร่วมมือกันจัดการสำนักหลางซิงของข้า!” เจ้าสำนักหลางซิงกล่าวอย่างมืดมน
“หรือพวกเจ้าไม่รู้ ว่าคนที่กล้ามาแตะต้องสำนักหลางซิงของข้า อาจจะทำให้องค์หญิงหลินหลางต้องขุ่นเคืองใจก็เป็นได้! ในราชวงศ์ตงหวงแห่งนี้ หากพวกเจ้าทำให้องค์หญิงหลินหลางต้องขุ่นเคืองใจ สิ่งที่พวกเจ้าได้สั่งสมมาอย่างยากลำบากทั้งหมดนั่น อาจจะต้องกลายเป็นความสูญเปล่าไปก็ได้! หากพวกเจ้าถอยกลับไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เจ้าสำนักอย่างข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเจ้ามากนัก แต่หากพวกเจ้ายังยืนกรานที่จะร่วมมือกับผู้หญิงคนนี้ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าสำนักหลางซิงของพวกข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
ในขณะที่เจ้าสำนักหลางซิงพูดอยู่นั้น บนร่างของเขาก็ระเบิดจิตสังหารที่แข็งแกร่งออกมา ความสามารถระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดของเขาไม่ธรรมดาแน่นอน
จูเชว่กล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “มู่หลินหลางรึ พวกเจ้าก็แค่ทำให้ไก่ป่าตัวหนึ่งกลายเป็นสมบัติล้ำค่าก็เท่านั้นเอง! พวกเราไม่ได้กลัวนางเสียหน่อย!”
“คนผู้นั้นพ่ายแพ้ในการต่อสู้ มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวด้วยอย่างนั้นหรือ!” ฉงหมิงกล่าว
ในตอนแรกเขาและมู่เฉียนซีได้ร่วมมือกันกดดันมู่หลินหลางจนล่าถอยไป แต่แค่นั้นก็ถือว่าพ่ายแพ้ไปแล้ว
“พวกเจ้ารนหาที่ตายนัก! ฆ่าพวกมันให้หมด! แค่พวกหัวมังกุท้ายมังกรกลุ่มเดียว สำนักหลางซิงของพวกเราจะไปกลัวพวกมันได้อย่างไร” เจ้าสำนักของสำนักหลางซิงออกคำสั่ง
ในตอนที่พวกเขากำลังจะโจมตี มู่เฉียนซีและพรรคพวกก็ได้เคลื่อนไหวไปก่อนหน้านี้แล้ว
ถึงเจ้าสำนักของสำนักหลางซิงบอกว่าพวกเขาคือพวกหัวมังกุท้ายมังกร แต่ความจริงแล้วคนที่เป็นพวกหัวมังกุท้ายมังกรอย่างแท้จริงก็คือพวกเขาเองต่างหาก
ไม่ว่าจะเป็นพลังของหอหมอปีศาจ ของจูเชว่และพรรคพวกหรือจะเป็นสำนักหลางซิงเอง ต่างก็มีเวลาของการดำรงอยู่ทางรากฐานที่ไม่ได้อ่อนแอนัก แต่ในเวลานี้ พวกเขามีข้อได้เปรียบในเรื่องของจำนวนคนที่พวกเขาครอบครอง และยาในการช่วยเสริมพลังการต่อสู้
แต่ทางสำนักหลางซิงไม่ได้มีข้อได้เปรียบใด ๆ เลย จะมีก็แต่เรื่องการร้องตะโกนที่ดูจะเก่งกาจมากกว่าสักหน่อยก็เท่านั้น
ตูมมมม!
เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าด้วยกัน ก็ทำให้เห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน!
ตูมมมม!
“ท่านเจ้าสำนัก แย่แล้ว! คนเหล่านี้รับมือได้ยากมาก และกำลังคนของสำนักหลางซิงของพวกเราก็ไม่เพียงพออีกด้วย พวกเราสู้เขาไม่ได้เลย”
“ท่านเจ้าสำนัก พวกเราประเมินเจ้าเด็กน้อยทั้งสี่คนนั้นต่ำเกินไปแล้วจริง ๆ”
“……”
ในเวลานี้คนของสำนักหลางซิงจำนวนมากเริ่มมีเหงื่อเย็นผุดออกมา ดินแดนทางทิศใต้แห่งราชวงศ์ตงหวงมีกองกำลังระดับสี่เช่นนี้ปรากฏตัวออกมา แม้แต่พวกเขาก็พึ่งที่จะมาตระหนักได้ถึงพลังความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาเช่นกัน
การดำรงอยู่ของสำนักหลางซิงของพวกเขา มีไว้เพื่อทำงานให้กับฝ่าบาทหลินหลางเท่านั้น!
เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่มาคุกคามฝ่าบาทก็ต้องกำจัดทิ้ง และในเวลาเดียวกันก็ต้องคอยจับตาสำนักอื่น ๆ ในดินแดนทางทิศใต้ เพื่อไม่ให้พวกเขามีความเคลื่อนไหวที่ผิดแผกไปอีกด้วย
“รายงานฝ่าบาท รีบไปรายงานฝ่าบาทให้ส่งยอดฝีมือมาเร็ว! ขอเพียงมีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณมา พวกเขาจะไปมีอะไรมาสู้ได้อีกเล่า?” เจ้าสำนักหลางซิงกล่าว
เพียงแต่ในตอนที่พวกเขากำลังจะส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือ คนที่รับผิดชอบไปขอความช่วยเหลือนั้นก็ถูกทำให้บาดเจ็บสาหัสพอดี และของที่เอาไว้ขอความช่วยเหลือก็ถูกแย่งไปแล้ว
ดูเหมือนว่าความเร็วของอีกฝ่ายจะเร็วมากเกินไปแล้วจริง ๆ ซึ่งพวกเขายังมองไม่ชัดเจนเลยด้วยซ้ำ
“ทำต่อไป! ต้องรีบไปรายงานฝ่าบาทโดยเร็ว!”
“แต่ว่า…แต่ว่านั่นคือป้ายส่งสัญญาณเสียงอันสุดท้ายที่ฝ่าบาทประทานมาให้เราแล้วขอรับ”
“อะไรนะ?” เจ้าสำนักหลางซิงร้องตะโกนอย่างตกใจ
“ไอ้เจ้าคนไร้ประโยชน์ เช่นนั้นมันก็สิ้นเปลืองไปโดยเสียเปล่าน่ะสิ รีบส่งคนไปแทน ส่งคนที่เร็วที่สุดไปส่งข่าว เร็ว…”
ในเมื่อหมดหนทางที่จะให้ป้ายหยกส่งเสียงเจี๋ยฉู่ในการส่งสัญญาณด้วยเสียงแล้ว เช่นนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ใช้วิธีการที่โบราณที่สุดแทน
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าในตอนนี้ ทั่วทั้งสำนักหลางซิงได้ถูกปิดผนึกเอาไว้จนออกไปไม่ได้เสียแล้ว
ในตอนที่พวกเขายกกำลังต่อสู้กับสำนักหลางซิง ก็ไม่ได้วางแผนว่าจะปล่อยให้มีคนออกไปได้อยู่แล้ว
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ในตอนที่มีคนจะหนีลงเขาไปเพื่อแจ้งข่าว ก็ได้มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น และร่างของคนผู้นั้นก็ถูกอาวุธลับจนตกลงมาบนพื้น
ที่ตีนเขามีคนของฉงหมิงมากที่สุด ซึ่งพวกเขาแต่ละคนต่างก็ถืออาวุธลับเอาไว้ และเฝ้ารอให้ศัตรูออกมาเอง!
ในตอนแรกที่ให้คนของฉงหมิงอยู่ที่ตีนเขาเพื่อโจมตีคนที่หลบหนีแทนการเป็นกลุ่มโจมตีหลัก ฉงหมิงก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เขาโวยวายอยู่หลายครั้งจนถูกพวกเขาทั้งสามคนปรามด้วยพละกำลัง ถึงได้มีผลลัพธ์เช่นนี้ออกมา
การตัดสินใจของพวกเขาไม่เลวเลย คนของฉงหมิงเหล่านั้นต่างก็มีอาวุธลับที่โจมตีจากระยะไกลคอยเฝ้าอยู่
และพวกเขาได้พยายามป้องกันอย่างสุดความสามารถเพื่อคนของสำนักหลางซิงหลบหนีออกไปแจ้งข่าวภายนอกได้
ในเมื่อสำนักหลางซิงไม่มีความช่วยเหลือจากภายนอก พวกเขาก็สามารถจัดการศัตรูที่อยู่ในกำมือได้โดยง่ายแล้ว
ตอนนี้คนของสำนักหลางซิงเหล่านั้นทำได้เพียงแค่สู้อย่างจนตรอกก็เท่านั้น ยิ่งนานไปคนบาดเจ็บล้มตายก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าเจ้าสำนักของสำนักหลางซิงก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดเป็นอย่างมากในทันที
“ฆ่าพวกเขาทั้งสี่คนนี้ก่อน ฆ่าพวกเขาทั้งสี่คนนี้ซะ”
เจ้าสำนักของสำนักหลางซิงรู้ดีว่า คนที่อายุน้อยที่สุดทั้งสี่คนนั้นไม่ได้มีความสามารถที่แข็งแกร่งมากที่สุด แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นถึงผู้สั่งการ
ถ้าเกิดสามารถฆ่าหรือจับพวกมันมาได้ ตอนนั้นพวกเขาถึงจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้
“คุ้มครองคุณชาย!”
“คุ้มครองนายท่านมู่”
ในเมื่อเจ้าสำนักของสำนักหลางซิงยังคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องคิดได้เช่นกัน
ดวงตาทั้งคู่ของเจ้าสำนักของสำนักหลางซิงแดงก่ำ จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างดุร้ายว่า “ไม่สนว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม ไปจับทั้งสี่คนนั้นมาให้ได้ นี่คือโอกาสเดียวเท่านั้น!”
เพื่อโอกาสเพียงหนึ่งเดียวนี้ พวกเขาจึงได้พยายามอย่างสุดความสามารถ จนในที่สุดก็มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ทำให้เจ้าสำนักของสำนักหลางซิงต้องผิดหวัง โดยการเข้าใกล้พวกเขาได้สำเร็จ
ถึงอย่างไรเสียพวกเขาต่างเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำกันทั้งนั้น แค่จัดการกับคนเหล่านี้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ทว่าหลังจากนั้นเจ้าสำนักหลางซิงและคนเหล่านั้นก็ทำท่าทางราวกับเห็นผีก็มิปาน “ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาทั้งสามคนต่างอยู่ในระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์รึ มีอะไรผิดพลาดหรือไม่?”
ชายหนุ่มทั้งสามคนนี้ บางทีอาจจะอายุมากกว่าองค์หญิงมู่หลินหลางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทว่าสามารถบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่อายุน้อยเพียงเท่านี้ มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงหลินหลางท่านนั้นเป็นถึงผู้สูงศักดิ์ของกองกำลังระดับห้า และแม้องค์หญิงหลินหลางจะมีทรัพยากรในการฝึกฝนที่ดีที่สุดจากทางราชวงศ์แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุไปถึงระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้เลยด้วยซ้ำ!
“ฆ่า! ฆ่าพวกเขาซะ! หากเอาซากศพของพวกเขามาได้ ฝ่าบาทจะต้องประทานรางวัลให้อย่างงามแน่นอน!”
“ข้าว่า พวกเจ้ากำลังฝันกลางวันกันอยู่มากกว่า!”
ฟึ่บ! เข็มยาเข็มหนึ่ง ถูกฝังลงไปบนคอของเจ้าสำนักหลางซิง
“ความตายมาอยู่ตรงหน้าแล้วเจ้ายังจะคิดฟุ้งซ่านอย่างการไปรับรางวัลอีกอย่างนั้นหรือ เจ้าสำนักหลางซิง จุดจบของเจ้ามาถึงแล้ว”
การแสดงออกของจูเชว่ ไป๋เจ๋อรวมทั้งฉงหมิงทำให้เจ้าสำนักหลางซิงฟุ้งซ่านขึ้นมาทันที มู่เฉียนซีใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาในการหลบหลีกการโจมตีของคนอื่น และตรงเข้าไปฝังเข็มที่คอของเจ้าสำนักหลางซิง
“เจ้า…คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะลอบโจมตีข้า บัดซบ…” เจ้าสำนักหลางซิงกล่าวอย่างกราดเกรี้ยว พร้อมกันนั้นเขาก็กวัดแกว่งกระบี่ไปทางมู่เฉียนซี
เขาใช้กระบวนท่าสังหารทันทีที่ลงมือ แต่ทว่าตอนนี้เขากลับต้องตกตะลึง!
เดิมทีการออกกระบวนท่าสังหารนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่มันกลับเปลี่ยนเป็นช้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งพลังก็เปลี่ยนเป็นอ่อนแอมากขึ้นอีก นี่…
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ความสามารถของเขาลดลงเรื่อย ๆ สีหน้าของเจ้าสำนักหลางซิงเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที “น่ารังเกียจที่สุด คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะวางยาพิษข้า”
“วางยาพิษเจ้ามีอะไรที่แปลกประหลาดอย่างนั้นหรือ? หอหมอปีศาจของพวกข้าเก่งเรื่องการใช้ยามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวพลางคลี่ยิ้มบาง ๆ
.