ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2002 จะหนีอีกแล้ว
เขากล่าวตอบไปว่า “หมอปีศาจของหอหมอปีศาจรวมไปถึงอาจารย์ของเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน นักปรุงยาเช่นนั้นพวกเราควรที่จะดึงมาเป็นพวกถึงจะถูก! ด้วยเหตุนี้บางทีฝ่าบาทรวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสในราชวงศ์ของพวกเราอาจจะเอาชนะไปได้อีกขั้นหนึ่งก็เป็นได้ นอกจากจะสามารถกดดันราชวงศ์เป่ยกง ยังสามารถรวมแดนซวนเทียนเป็นหนึ่งเดียวกันได้อีกด้วย”
ขณะที่พูดอยู่นั้น คนผู้นี้ก็แสดงท่าทางที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เหนือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นราชันวิญญาณระดับเก้าขึ้นไป ก็คือผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นเทพวิญญาณนั่นเอง
แต่นอกจากแดนสวรรค์แล้ว ที่แดนซวนเทียนก็ไม่มีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นเทพวิญญาณอยู่เลย
ส่วนเหตุผลอื่นที่ต้องการควบคุมระดับชั้นนี้เอาไว้ นั่นก็เป็นเพราะป้องกันไม่ให้ผู้แข็งแกร่งส่วนมากมีหนทางที่จะบรรลุไปสู่ชั้นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นเทพวิญญาณนั้นได้
ภายใต้สถานการณ์ปกติแล้วมันไม่มีทางบรรลุได้เลย แต่หากมีนักปรุงยาขั้นเทวะต้านสวรรค์หลอมยาลูกกลอนที่ช่วยเสริมการฝึกฝนขึ้นมาแล้วละก็ เช่นนั้นมันก็จะทำให้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
หากราชวงศ์ตงหวงมีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นเทพวิญญาณเพิ่มมาสักคนหนึ่ง การรวมแดนซวนเทียนให้เป็นหนึ่งเดียวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกลอีกต่อไปแล้ว
กองกำลังหลักระดับห้าของแดนซวนเทียนทั้งสองอย่างราชวงศ์ตงหวงและราชวงศ์เป่ยกง ไม่เกิดสงครามครั้งใหญ่มาเป็นเวลานานแล้ว นั่นมันไม่ใช่เพราะว่าพวกเขารักความสงบมากมายอะไรนักหรอก แต่ทว่าองค์จักรพรรดิของพวกเขาไม่มีความทะเยอทะยานต่างหาก
แต่ความคิดที่แท้จริงก็คือ พวกเขาต่างก็อยากที่จะกลายเป็นบุคคลในตำนานที่รวมแดนซวนเทียนให้เป็นหนึ่งเดียวได้ก็เท่านั้นเอง
แต่หากความสามารถของกองกำลังทั้งสองไม่มีความแตกต่างกันมาก การเริ่มสงครามมันก็จะมีความเสี่ยงที่มากเกินไปได้
และหากผลออกมาว่าเกิดการบอบช้ำกันทั้งสองฝ่าย ก็เกรงว่าจะทำให้กองกำลังระดับสี่ครึ่งเหล่านั้นใช้ประโยชน์จากมันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงรักษาความสงบไว้เพียงผิวเผิน และไม่เคยก่อสงครามขนาดใหญ่ที่ขยายวงกว้างอีกเลย อีกทั้งยังทำจนถึงขนาดที่ว่าให้คนรุ่นหนุ่มสาวที่ยอดเยี่ยมที่สุดสองคนของทั้งสองราชวงศ์ทำสัญญาหมั้นหมายกันเอาไว้อีกด้วย
“เสนาบดี ที่เจ้าพูดมาก็ถูก หอหมอปีศาจนี้น่าสนใจมากเลยทีเดียว หากมีข้อมูลของหมอปีศาจรวมไปถึงข้อมูลของคนที่คิดว่าเป็นนักปรุงยาขั้นเทวะในตำนานนั่นแล้วละก็ จะต้องคิดหาวิธีเอามาเป็นพวกให้ได้ แต่ก็อย่าทำให้ใครต้องขุ่นเคืองเข้าล่ะ”
“เรื่องนี้ข้าน้อยทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยรู้จักความพอดี ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย”
“ไปจัดการเถอะ!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
มู่เฉียนซีออกนั่งบัญชาการหอหมอปีศาจ นับตั้งแต่ที่อุปสรรคขัดขวางอย่างสำนักหลางซิงถูกทำลายไป หอหมอปีศาจก็ยิ่งเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้นไปอีก
มีกองกำลังมากมายที่จับตามองหอหมอปีศาจของพวกเขา และจูเชว่ก็รับรู้มาว่าในบรรดาคนเหล่านั้นน่าจะมีคนของราชวงศ์ตงหวงรวมอยู่ด้วย แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรในขณะนี้
นักปรุงยาขั้นเทวะต้านสวรรค์คนหนึ่งมีพลังไม่น้อย และในเมื่อช่วงนี้พวกเขายังไม่เคลื่อนไหว แน่นอนว่าหอหมอปีศาจจึงใช้โอกาสเช่นนี้ในการพัฒนาความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
มู่เฉียนซีลากโม่ซวนออกมาเพื่อพูดคุย ถึงตัวตนของไป๋เจ๋อนั้นจะไม่สามารถใช้ได้แล้ว แต่ทว่าตัวตนในฐานะโม่ซวนของเขายังสามารถใช้ได้อยู่ และนอกจากนี้เขายังช่วยพัฒนาหอหมอปีศาจได้อีกด้วย
“ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขายังไม่ลงมือ พวกเราจะต้องยืนหยัดขึ้นมาให้ได้โดยเร็ว และเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาต้องการที่จะลงมือ หอหมอปีศาจก็จะเติมโตไปจนถึงจุดที่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องได้ง่าย ๆโ ดยไม่ทันได้รู้ตัว”
แม้ว่าความสามารถในการหลอมยาของนางจะแข็งแกร่งเช่นกัน แต่ทว่ายังห่างไกลจากระดับที่จะทำให้ราชวงศ์ตงหวงหวาดกลัวอยู่ดี และสิ่งที่ราชวงศ์ตงหวงหวาดกลัวอย่างแท้จริงก็คือความสามารถของนิรันดร์ต่างหาก
แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่า ช่วงนี้นิรันดร์ไม่สามารถที่จะปรากฏตัวออกมาได้ อีกทั้งยังไม่มีทางมาหนุนหลังหอหมอปีศาจได้อีกด้วย
โม่ซวนกล่าวว่า “รากฐานของหอหมอปีศาจในดินแดนทางทิศใต้แห่งราชวงศ์ตงหวงมีความมั่นคงแล้ว ขั้นต่อไปก็จะขยายการพัฒนาไปยังดินแดนทางทิศตะวันออก ดินแดนทางทิศเหนือรวมไปถึงดินแดนทางทิศตะวันตกด้วย หลังจากนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเริ่มโอบล้อม และขยายเข้าไปจนถึงใจกลางของราชวงศ์ตงหวง”
ดินแดนทางตอนกลางของราชวงศ์ตงหวงเป็นส่วนสำคัญของกองกำลังระดับห้าแห่งราชวงศ์ตงหวง แต่ความจริงแล้วก็ยังมีกองกำลังระดับสี่ครึ่งอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งมันยังเป็นพื้นที่ส่วนกลางแห่งการต่อสู้ของเหล่าผู้แข็งแกร่งและของกองกำลังหลักต่าง ๆ อีกด้วย
“ข้าก็เห็นด้วยกับวิธีการเช่นนี้เหมือนกัน การที่รีบร้อนเข้าไปยังส่วนกลางเร็วเกินไป ด้วยความสามารถของพวกเราในตอนนี้มันดูจะเสี่ยงมากเกินไปหน่อย” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
ความสามารถในการดำเนินงานของมู่เฉียนซีแข็งแกร่งมาก ซึ่งมันก็ทำให้โม่ซวนรู้สึกวางใจได้
แต่หลังจากที่นางวางแผนการทั้งหมดแล้ว มู่เฉียนซีก็ถามขึ้นมาว่า “โม่ซวน ข้าเตรียมจะออกจากดินแดนทางทิศใต้ของราชวงศ์ตงหวงเพื่อไปหาประสบการณ์ เจ้าว่าข้าควรที่จะไปดินแดนทางทิศตะวันออกดี? หรือว่าควรไปทางดินแดนทางทิศตะวันตกดีล่ะ?”
“เจ้าจะหนีอีกแล้วรึ จะทำตัวเป็นเสือนอนกินอีกแล้วหรืออย่างไร!”
โม่ซวนมองไปทางมู่เฉียนซีด้วยแววตาที่ชั่วร้าย เขาที่สงบเสงี่ยมอยู่เสมอในเวลานี้แทบอยากจะกลืนกินมู่เฉียนซีเข้าไปอยู่แล้ว
นางคือเจ้าของหอที่ขาดความรับผิดชอบมากที่สุดที่เขาเคยพบเคยเจอมาเลย
หากต้องการที่จะขยายการพัฒนาไปยังสถานที่อื่น ๆ แน่นอนว่านั่นมันเป็นเรื่องที่ทำยากที่สุดเรื่องหนึ่งอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะโยนทุกอย่างมาให้เขาอย่างไร้มโนธรรมเช่นนี้!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อย่าโกรธไปหน่อยเลยน่า! เจ้าก็ดูเจ้าสิ ทั้งจูเชว่และฉงหมิงต่างก็บรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์กันหมดแล้ว มีเพียงแค่ข้าเท่านั้นที่ยังเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตที่อ่อนแออยู่เลย! ข้าต้องการที่จะรีบหาทางบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตให้ได้เร็วที่สุด”
แม้ว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตจะอ่อนแอมาก แต่สำหรับนางกับคำว่าอ่อนแอมันดูจะไม่เข้ากันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเถอะ
โม่ซวนยังคงโมโหอยู่มาก มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “ข้าไม่ได้จะมอบหมายให้เจ้าคนเดียวเสียหน่อย ข้าจะทิ้งเสี่ยวเหลิ่งเอาไว้กับเจ้า! ทั้งจูเชว่และฉงหมิงต่างก็ช่วยเหลือเจ้าได้นี่!”
โม่ซวนสูดหายใจเข้าลึกแล้วกล่าวว่า “เจ้าวางแผนที่จะไปเมื่อใดล่ะ?”
“อย่างมากที่สุดข้าจะอยู่ต่ออีกสามวัน! ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก! เพราะข้าได้ทำให้มู่หลินหลางบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดนั้น ถึงราชวงศ์ตงหวงไม่ได้วางแผนที่จะแตะต้องหอหมอปีศาจ แต่ก็คงไม่มีทางยอมแพ้เรื่องของข้าอย่างแน่นอน ถึงข้าจะอยู่ที่นี่ได้ก็รังแต่จะสร้างปัญหาให้พวกเจ้าเปล่า ๆ” มู่เฉียนซีกล่าวตอบ
โม่ซวนก็เข้าใจเหตุผลในข้อนี้ของนางเช่นกัน และเขาไม่สามารถรั้งนางให้อยู่ต่อไปได้ ถึงแม้ว่าหลังจากนี้ในอนาคต เขาจะต้องยุ่งจนหัวหมุนมากแค่ไหนก็ตาม
“เจ้าอยากจะไปที่ใดล่ะ? ข้าว่าจูเชว่น่าจะรู้เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดีนะ” ไป๋เจ๋อกล่าว
“อื้ม! เช่นนั้นข้ารอข้อมูลจากจูเชว่ก่อนก็แล้วกัน”
คำแนะนำของจูเชว่คือให้ไปดินแดนทางทิศตะวันตกหรือไม่ก็ไปดินแดนทางทิศเหนือ แต่ทว่าดินแดนทางทิศเหนือดูจะไกลไปหน่อย ฉะนั้นไปที่ดินแดนทางทิศตะวันตกจะดีที่สุด
ส่วนทางดินแดนทางทิศตะวันออกนั้น ไม่มีทางไปได้เด็ดขาด เพราะว่าสำนักหลินเยว่อยู่ดินแดนทางทิศตะวันออกของราชวงศ์ตงหวง หากพวกเขารู้ว่ามู่เฉียนซีอยู่ในอาณาเขตของพวกเขา คาดว่าน่าจะไล่ล่าอย่างไม่หยุดหย่อนเป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าวกับจูเชว่ว่า “เมื่อได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้แล้ว ข้ายิ่งมีความสนใจที่จะเดินทางไปยังดินแดนทางทิศตะวันออกแล้วล่ะ! สำนักหลางซิงถูกทำลายไปแล้ว ส่วนสำนักหลินเยว่นี้…”
จูเชว่รีบกล่าวอย่างกังวลว่า “ซีซี หากพวกเราเคลื่อนไหวด้วยกันมันจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น และคราวนี้ไม่อาจสร้างเรื่องใหญ่จนทำให้พวกเราตกอยู่ในอันตรายได้อีกแล้ว และหากเจ้าจะไปจัดการสำนักหลินเยว่เพียงลำพัง มันก็อันตรายมากเกินไปจริง ๆ ไม่ได้ ไม่ได้ อย่างไรก็ไม่ได้!”
มู่เฉียนซีกล่าวกับเขาว่า “ข้าไม่ได้วางแผนที่จะต่อสู้กับพวกเขาตัวต่อตัวเสียหน่อย! แม้ว่าความสามารถของข้าจะไม่สูงนัก แต่ข้าก็มีความสามารถในการเอาตัวรอดเป็นอย่างดี ฉะนั้นเจ้าวางใจได้อย่างแน่นอน!”
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ ข้าไม่ได้แนะนำให้เจ้าไปดินแดนทางทิศตะวันออกเสียหน่อย ไปดินแดนทางทิศตะวันตกดีกว่า”
“เพราะอะไรล่ะ?”
“แม้ว่าเจ้าหนูฉงหมิงนั่นจะปากแข็ง แต่เขาต้องยอมรับเจ้าอย่างแน่นอน พวกเราทั้งสามคนยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้า แต่หากเจ้าไปดินแดนทางทิศตะวันออกแล้วละก็ เจ้าชิงหลงนั่นน่าจะยังคงไม่ยอมรับผู้ใดเลยเป็นแน่! ความจริงแล้วหากเป็นไป๋หู่ก็ไม่ต่างกันเท่าไร แต่เมื่อเทียบกันแล้วก็ดีกว่าเจ้าชิงหลงนั่นอยู่ดี”
นอกจากเหตุผลเรื่องของสำนักหลินเยว่แล้ว ยังมีเจ้าเพื่อนรักที่รับมือได้ยากยิ่งผู้นั้นอีก
หากซีซีไปหาชิงหลงแล้วเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อทำตามเป้าหมายของนางแล้วละก็ เขากลัวว่าเจ้าชิงหลงนั่นจะสังหารซีซีแทนเสียมากกว่า
เมื่อเทียบกันแล้วชิงหลงนั้นไม่ได้ใสซื่อเหมือนอย่างฉงหมิง เพราะเมื่อใดที่เขาวางกับดักเหยื่อก็จะติดกับในทันที
ความจริงแล้วในก้นบึ้งหัวใจของจูเชว่ต้องการที่จะให้มู่เฉียนซีทำได้สำเร็จ เมื่อเป็นเช่นนั้นนางก็จะสามารถรู้ในเรื่องที่ตนเองอยากรู้ได้ อีกทั้งระหว่างพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องพะว้าพะวังมากขนาดนั้นอีกด้วย
จูเชว่สามารถเปิดเผยได้เพียงเท่านี้ ส่วนที่เหลืออีกมากมายนั้นเขาไม่สามารถพูดได้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าไม่กลัวว่าใครจะมาทำให้ลำบากหรอก อย่างไรก็ตามเจ้าบอกว่าทั้งสองคนนั้นไม่ต่างกันมากใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน ข้าจะไปหาประสบการณ์ที่ดินแดนทางทิศตะวันออก หวังว่าในขณะที่ข้ากำลังยกระดับความสามารถจะเก็บเกี่ยวรางวัลที่ไม่คาดคิดได้บ้างนะ”
“ซีซี!” บนใบหน้าที่งดงามยิ่งของจูเชว่เผยสีหน้าท่าทางที่ไม่เห็นด้วยออกมา
.