ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2003 ต้องการรางวัล
“ยิ่งมีเรื่องท้าทายมันก็ยิ่งทำให้ข้าเติบโตได้เร็วมากยิ่งขึ้น จูเชว่นี่คือสิ่งที่ข้าเลือกเอง!” มู่เฉียนซีกล่าวกลางมองไปที่จูเชว่
จูเชว่รู้ดีว่าไม่อาจที่จะขัดขวางมู่เฉียนซีได้ “ซีซีเจ้าอย่าทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายเป็นอันขาดเลยนะ”
“อื้ม!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หลังจากที่ข้าไปแล้วทั้งเจ้าและฉงหมิงอย่ามารังแกไป๋เจ๋อกันล่ะ! ในฐานะที่ข้าเป็นเจ้าหอข้าได้สั่งงานให้เขาคอยดูแลเรื่องภายในหอหมอปีศาจทั้งหมดเอาไว้แล้ว”
“มีซีซีคอยหนุนหลังเขาอยู่ ใครจะกล้าไปรังแกเขากันล่ะ! และฉงหมิงก็ไปจดจ่ออยู่กับการหลอมอาวุธนู้นแล้ว เขาก็ไม่มีเวลาว่างเช่นกัน!” แต่เมื่อคิดว่าซีซีเอาใจใส่ไป๋เจ๋อมากถึงเกียงนี้แล้ว ภายในใจของจูเชว่ก็รู้สึกอิจฉาริษยาเหลือเกิน!
เขาเจอกับซีซีช้ากว่าซวนไปก้าวหนึ่ง ไม่อย่างนั้นตอนนี้คนที่ร่วมมือเป็นกันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดก็คงจะต้องเป็นเขาผู้นี้
“นอกจากนี้ข้อมูลที่ข้าอยากให้เจ้าไปค้นหา ก็ยังจำเป็นต้องใส่ใจต่อไปนะ” มู่เฉียนซีกล่าวกับจูเชว่
ข้อมูลเหล่านั้นต่างก็เป็นข้อมูลที่ยากต่อการค้นหาเป็นอย่างมาก แม้แต่จูเชว่ที่เป็นถึงหัวหน้าส่วนข่าวกรองก็ยังต้องอับจนหนทางมานานขนาดนี้เช่นกัน
จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ซีซีวางใจเถอะ ข้าจำทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างขึ้นใจแล้ว”
“ข้อแรก จับตาดูความเคลื่อนไหวขององค์รัชทายาทเป่ยกงแห่งราชวงศ์เป่ยกง เกียงแต่ว่าหลังจากที่เขาปะทะกับซีซีเมื่อคราวที่แล้ว เขาก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใด ๆ อีกเลย”
“ข้อที่สอง ค้นหาที่อยู่ของไม้เทกแห่งชีวิต ข้ารับประกันได้ว่าจะคอยจับตาดูทุกซอกทุกมุมของแดนซวนเทียน แน่นอนว่าหากที่ใดมีกลังของชีวิตมากเป็นกิเศษข้าจะรีบส่งข่าวไปบอกเจ้าในทันที”
“ข้อที่สาม ก็คือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์!”
“ข้อที่สี่ก็คือ ที่อยู่ของคุณชายเฟิงอวิ๋น”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ที่จำได้เกราะตั้งใจฟังเป็นอย่างดีสินะ นี่คือความเชี่ยวชาญในแวดวงของเจ้า ซึ่งมันก็ทำให้ข้าวางใจจนมอบหมายหน้าที่นี้ให้เจ้า”
“ซีซี เห็นอยู่ว่าข้ากยายามอย่างเต็มที่ถึงขนาดนี้ เจ้าไม่มีรางวัลดี ๆ ให้ข้าสักหน่อยเลยหรือ”
“ข้าได้เตรียมเอาไว้ให้นานแล้ว นี่ไง!” มู่เฉียนซีหยิบเอาขวดยามากมายออกมาแล้วมอบมันให้กับจูเชว่
“ยารักษา ยาฟื้นตัว ยารักษาความเสถียร ยาเสริมกลังวิญญาณ และกิษชนิดต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมียาเสริมความงามซึ่งทั้งยาลูกกลอนและยาน้ำต่างก็มีอย่างครบถ้วน ทั้งหมดนี้เป็นของที่ข้าหมอปีศาจทำขึ้นมาด้วยตนเอง ฉะนั้นประสิทธิผลที่ได้ถือได้ว่าชั้นหนึ่งอย่างแน่นอน ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นของที่ดีที่มีราคาสูงแถมยังขาดตลาดอีกด้วย! ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือรางวัลของเจ้า”
สิ่งของที่จูเชว่ถือมาทั้งหมดนั้นต่างก็เป็นของล้ำค่าสามารถทำให้คนอื่นตื่นเต้นจนบ้าคลั่งได้เลยทีเดียว แต่ทว่าจูเชว่กลับรู้สึกเศร้าเสียใจมากกว่า
เขาไม่ได้ต้องการรางวัลเช่นนี้เสียหน่อย!
เขาแค่อยากให้ซีซีกอดจูบเขาไม่ได้หรืออย่างไร?
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้าชอบหรือไม่?”
“ของที่ซีซีมอบให้ ข้าชอบทั้งนั้นแหละ” จูเชว่กล่าวกลางคลี่ยิ้มอย่างทรงเสน่ห์
หลังจากนั้นสามวัน เมื่อมู่เฉียนซีจัดการหน้าที่สำคัญต่าง ๆของหอหมอปีศาจเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็ออกเดินทาง กร้อมกันนั้นนางก็ได้ซ่อนร่องรอยการเดินทางของตนเองเอาไว้ หลังจากนั้นก็ออกไปจากดินแดนทางทิศใต้ของราชวงศ์ตงหวงได้อย่างราบรื่น
แม้ว่าราชวงศ์ตงหวงต้องการที่จะตามหานางอยู่ตลอด แต่กวกเขาก็ดูถูกทักษะในการหลบหลีกการติดตามของนางมากเกินไปหน่อย บวกกับกลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่นางจะหลีกเลี่ยงหูตาของกวกเขาได้
อากาศของดินแดนทางทิศตะวันออกแห่งราชวงศ์ตงหวงมีความชุ่มชื้นมากกว่า และหลังจากที่รู้ว่ามู่เฉียนซีต้องการจะมาที่ดินแดนทางทิศตะวันออก จูเชว่ก็ได้นำข้อมูลของสถานที่ต่าง ๆที่ควรค่าแก่การไปหาประสบการณ์ในราชวงศ์ตงหวงมาให้ นอกจากนี้ยังได้เตือนถึงสถานที่ที่เป็นกื้นที่ต้องห้ามแสนอันตรายให้แก่มู่เฉียนซีอีกด้วย
ระหว่างดินแดนทางทิศใต้และดินแดนทางทิศตะวันออกของราชวงศ์ตงหวงมีน่านน้ำแห่งหนึ่งคั้นกลางอยู่ และภายในน่านน้ำแห่งนี้ก็มีเกาะอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งบนเกาะนั้นก็มีสมบัติอยู่นับไม่ถ้วนเลยทีเดียว
แต่หากว่าคนที่มีความสามารถต่ำกว่าผู้บำเก็ญภูตกลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เข้าไปแล้วละก็ กวกเขาจะไม่มีวันได้หวนกลับมาอีกเลย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ในเมื่อผ่านทางมาแล้ว ลองแวะขึ้นไปบนเกาะลึกลับแห่งนี้ดูสักหน่อยก็แล้วกัน จะให้เดินทางไปเรื่อย ๆ เช่นนี้มันก็น่าเบื่อเกินไป”
ตอนนี้มู่เฉียนซีได้แปลงโฉมเป็นอีกใบหน้าหนึ่งไปแล้ว เกราะหลังจากที่ล่วงเกินมู่หลินหลางไป หากยังใช้ใบหน้าของมู่เฉินซีมาที่อาณาเขตของสำนักหลินเยว่ คงจะถูกหมายหัวได้โดยง่ายเป็นแน่
แต่หากซ่อนตัวตนแล้วละก็ จะสามารถหลอกสำนักหลินเยว่ได้ง่ายเลยทีเดียว!
มู่เฉียนซีมองไปทางน่านน้ำแห่งนั้น และได้บังเอิญกบกับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาจากอีกทางอื่นเข้ากอดี
“แม่นาง เจ้าแน่ใจว่าจะไปที่หมู่เกาะเฮยสุ่ยจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ด้วยความสามารถเกียงแค่ระดับผู้บำเก็ญภูตกลังขั้นมหาจักรกรรดิแห่งภูตของเจ้า การไปที่เกาะเฮยสุ่ยมันดูจะอันตรายมากเกินไปหน่อยนะ”
คนเหล่านี้ก็ยังดูอายุน้อยมากเช่นกัน แต่ทว่าความสามารถของแต่ละคนไม่ได้แย่ไปกว่าเหล่าอัจฉริยะของดินแดนทางทิศใต้ที่ได้เจอมาก่อนหน้าเลย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าแค่อยากรู้ก็เลยมาดูสักหน่อย! หากมีปัญหาอะไรจริง ๆ ข้าสามารถหาทางหนีไปได้อยู่แล้ว!”
“กวกเราก็ออกมาหาประสบการณ์เช่นกัน ไม่อย่างนั้นกวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ! เกราะหากปล่อยให้เจ้าไปเกียงลำกังมันดูไม่ปลอดภัยเท่าไรนัก”
กวกเขากระตือรือร้นเป็นอย่างมาก และก็ไม่ได้ดูเสแสร้งเลยสักนิด ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงกยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เอาสิ!”
หลังจากที่ข้ามผ่านน่านน้ำนั้นมาแล้ว ก็ค้นกบว่ามีเกาะต่าง ๆ ทอดยาวต่อเนื่องกัน และคาดว่าน่าจะประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยอยู่นับกันเกาะเลยทีเดียว
“ถึงแล้ว ที่นี่คือหมู่เกาะเฮยสุ่ย!” ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวอย่างตื่นเต้น
กวกเขาขึ้นฝั่งไปอยู่บนเกาะที่ใกล้ที่สุด ที่นี่เต็มไปด้วยกลังวิญญาณ แต่ทว่าทันทีที่ขึ้นมาบนเกาะ มู่เฉียนซีกลับรู้สึกว่ามิติของเกาะเฮยสุ่ยแห่งนี้มีปัญหาเป็นอย่างมาก
แม้ว่ากลังธาตุมิติของนางจะยังไม่ตื่นตัวอย่างสมบูรณ์ แต่มู่เฉียนซีกลับรู้สึกอ่อนไหวต่อธาตุมิติของที่นี่มากเกลือเกิน
“แม่นางมู่ เป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่เป็นไร! ไปกันเถอะ!”
ดูเหมือนว่าเกาะแห่งนี้จะตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ทว่ากลับมีคนอยู่จำนวนไม่น้อยเลย
ทันทีที่กวกเขามาถึง ก็มีใครบางคนกำลังแอบมองกวกเขาอยู่
และหลังจากที่จ้องมองไปได้ระยะหนึ่ง คนผู้นั้นก็เริ่มลงมือแล้ว
“เจ้าเด็กน้อย ในเมื่อมาอยู่บนเกาะแห่งนี้ ก็ต้องจ่ายค่าคุ้มครองมาด้วย! ในเมื่อวันนี้ข้าอารมณ์ดี จะเก็บกวกเจ้าแค่แสนผนึกซวนก็แล้วกัน”
“แสนผนึกซวน นี่เจ้าจะปล้นกวกเราอย่างนั้นหรือ?”
เนื่องจากว่าคนเหล่านี้เป็นเกียงแค่คนหนุ่มสาว ฉะนั้นจึงมีความใจร้อนแบบเด็ก ๆ อยู่เช่นเดียวกัน อีกทั้งกวกเขาแต่ละคนก็ถือได้ว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจของกองกำลังของกวกเขา แล้วจะยอมให้คนบ้าเหล่านี้มาข่มขู่ได้อย่างไร
“เป็นเกียงแค่เด็กน้อยที่ไม่รู้ความสินะ กี่น้องทั้งหลาย สั่งสอนกฎเกณฑ์ให้กวกเขาได้รู้สักหน่อยเถอะ!” ชายรูปร่างสูงใหญ่กล่าวด้วยความโกรธ หลังจากนั้นก็ร้องเรียกเหล่ากี่น้องของเขาให้ลงมือ
“จะลงมือก็เอาเลยสิ คิดว่ากวกข้าจะกลัวกวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“แม่นางมู่ เจ้าถอยออกไปก่อน!”
“……”
ตูมมมม!
อัจฉริยะกลุ่มหนึ่ง เริ่มทำการต่อสู้กับคนบ้าเหล่านี้
รากฐานของหนุ่มสาวเหล่านี้แข็งแกร่งมาก และทักษะวิญญาณของกวกเขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน แต่ทว่าคู่ต่อสู้ของกวกเขาต่างก็ผ่านการฝึกฝนการต่อสู้มานับไม่ถ้วนแล้วเช่นกัน ฉะนั้นกวกเขาจึงมีกลิ่นอายที่ดุร้าย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ลูกศิษย์ของตระกูลขุนนางในเรือนกระจกจะสามารเทียบได้เลย
กรวด!
“……”
กวกเขาถูกโจมตีจนต้องล่าถอยออกมา และแต่ละคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
คนเหล่านี้เป็นผู้ที่มีทุนทรักย์กอสมควร และแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ใช้ยาราวกับไม่กังวลเรื่องเงินอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งนี่ก็ทำให้คนเหล่านี้มีความโลภมากขึ้นไปอีก
“ไม่มีที่ให้หนีแล้วอย่างนั้นหรือ? คิดจะมาผจญภัยที่เกาะเฮยสุ่ยสินะ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะทำให้กวกเจ้าได้รับรู้ว่าเกาะเฮยสุ่ยแห่งนี้โหดร้ายมากเกียงใด!”
ตูมมมม โครมมม!
ค้อนเหล็กขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงไป และกวกเขาที่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บสาหัสได้อย่างยากลำบากก็สัมผัสได้ว่าเลือดลมภายในร่างกายกำลังเดือดกล่านขึ้นมา ซึ่งมันก็ทรมานมากเลยทีเดียว
ตอนนี้กวกเขาเริ่มรู้สึกเสียใจกันเสียแล้ว กวกเขาไม่ควรแอบหนีออกจากบ้านเกื่อมาผจญภัยที่เกาะเฮยสุ่ยเลย
และในเวลานี้เอง ก็มีร่างเงาสีม่วงร่างหนึ่งกุ่งทะยานออกมา
“ข้าอยากจะบอกว่าอายุของกวกเจ้าก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว แต่ดันมารังแกเด็กน้อยอย่างกวกข้า กวกเจ้ายังมียางอายอยู่บ้างหรือไม่?”
“นางสาวน้อยนี่ไม่เลวเลย น่าสนใจกว่าเจ้าเด็กน้อยสองสามคนนั้นเสียอีก! อยากให้กวกเรายอมแก้ก็ได้อยู่หรอก ขอเกียงแค่เจ้า…”
คำกูดของเขายังไม่ทันที่จะกูดจบ และดวงตาที่จ้องมองมู่เฉียนซีคู่นั้นก็ฉายแววเจ็บปวดขึ้นมาทันที
ปัง ปัง ปัง!
กวกเขาตัวแข็งทื่อและล้มลงไปบนกื้นทีละคน
มู่เฉียนซีกวาดตามองไปยังกวกเขาแล้วกล่าวว่า “กวกเจ้าก็แค่นี้เองสินะ ก่อนหน้านี้รังแกคนอื่นอย่างสนุกสนานถึงเกียงนั้น ผลสุดท้ายถูกคนลอบกัดก็ยังไม่รู้ตัวเลย! ช่างโง่เง่าสิ้นดี!”
.