ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2006 ข้ามีผู้ช่วย
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซี พวกเขาก็คิดว่ามู่เฉียนซีนั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ
นาง…นางทุบตีคนบนเกาะของพวกเขา คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าพบท่านผู้นำเกาะ ช่างรนหาที่ตายเสียจริง ๆ เลย!
คนของสำนักเซิ่งหลินเหล่านั้นต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน “แม่นางมู่ เจ้า…เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากจะพบผู้นำเกาะของพวกเขาจริง ๆ?”
“ข้าแน่ใจ ทำไมล่ะ? พวกเจ้ากลัวแล้วอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร? พวกข้าก็ไม่กลัวเช่นกัน!”
“ใช่แล้ว! มีแม่นางมู่อยู่ด้วย พวกเราไม่มีอะไรที่ต้องกลัวหรอก”
“……”
หลังจากที่ได้เห็นมู่เฉียนซีต่อสู้มาแล้วหลายครั้ง พวกเขาก็มีความเลื่อมใสต่อมู่เฉียนซีเป็นอย่างมาก และได้ลืมไปจนสิ้นแล้วว่ามู่เฉียนซีเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดคนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดก็มีระดับที่ต่างจากระดับของพวกเขาหนึ่งระดับใหญ่ ๆ เลยด้วยซ้ำ
“ยังไม่รีบไปอีก!” มู่เฉียนซีกล่าวพลางเหลือบมองไปยังคนที่กำลังตกตะลึงเหล่านั้น
“ได้!”
“รีบไปรายงานท่านผู้นำเกาะเร็วเข้า!”
มีใครบางคนวิ่งออกไป และผู้ดูแลที่ถูกมู่เฉียนซีเหยียบเอาไว้ราวกับปลาตายก็มิปานผู้นั้นก็กล่าวขึ้นมาว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าพบท่านผู้นำเกาะ เจ้าจะต้องตายอย่างน่าเวทนาแน่! หากข้าเป็นเจ้า คงหนีออกไปให้ไกลเกาะของพวกข้านานแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างอวดดีมากว่า “เจ้าคิดว่าผู้นำเกาะของเจ้ามีความสามารถเช่นนั้นหรือ?”
“นางเด็กน้อย เจ้านี่มันจะบ้าเกินไปแล้ว!” และเสียงที่เคร่งขรึมของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น
เมื่อตอนที่พวกเขาไปเชิญท่านผู้นำเกาะมา ท่านผู้นำเกาะก็ได้มาถึงทางนี้แล้ว และเขาก็ได้เห็นฉากนี้เข้าพอดี
ผู้นำเกาะคนนั้นเป็นชายที่มีใบหน้าดุร้ายและมีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้า เขาเหลือบมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างบึ้งตึง “แม่สาวน้อย ที่นี่คือเกาะเฮยสุ่ย ไม่ใช่ข้างนอกนั่น! ในเมื่อเจ้ามาที่เกาะเฮยสุ่ย เช่นนั้นก็ต้องปฎิบัติตามกฏของเกาะเฮยสุ่ยด้วย”
“เจ้าทำตามกฏอย่างเชื่อฟังเสียเถอะ ส่วนเรื่องที่เจ้าทำร้ายลูกน้องของข้า ข้าจะปล่อยผ่านมันไปก็แล้วกัน ใครใช้ให้เขาไร้ประโยชน์กันล่ะ! แต่หากเจ้าไม่ทำตามกฏแล้วละก็ ข้าก็ไม่ถือสาที่จะให้เจ้าได้ลองใช้เครื่องมือทรมานต่าง ๆ บนเกาะของข้าหรอกนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นคงต้องรอให้เจ้ามีความสามารถนั่นก่อนค่อยว่ากัน!”
“รนหาที่ตายนัก!” ผู้นำเกาะกล่าวอย่างเดือดดาล
จัดการกับคนประเภทนี้ เขายังไม่อยากที่จะลงมือด้วยตนเอง ฉะนั้นจึงได้ออกคำสั่งกับลูกน้องของเขาแทน
“ยังตะลึงกันอยู่ทำไม? รีบลงมือเข้าสิ!”
“แต่ว่า…ผู้ดูแลหวาง…”
“ขยะเช่นนั้น ก็ปล่อยให้ถูกฆ่าไปซะสิ มันไม่ได้มีประโยชน์เท่าไรนักหรอก”
ผู้ดูแลหวางรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก “ท่านผู้นำเกาะ ข้าพยายามทำงานให้ท่านอย่างเต็มที่มานานหลายปีขนาดนี้ ท่าน…เหตุใดท่านถึงทำกับข้าเช่นนี้!”
ผู้นำเกาะทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของเขาอย่างไรอย่างนั้น และสั่งให้คนอื่นลงมือต่อไป
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
ถึงคนเหล่านี้จะลงมือ แต่การจัดการมู่เฉียนซีก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
สายตาของผู้นำเกาะหรี่ลงเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “แม่สาวน้อยผู้นี้ค่อนข้างมีความสามารถเลยทีเดียว มิแปลกใจเลยที่สามารถเอาชนะเจ้าขยะนั่นได้! เวลาของข้ามีค่ามากนัก ดังนั้น…”
ร่างของผู้นำเกาะสว่างวาบขึ้น จากนั้นเขาก็เข้าไปใกล้มู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว
เมื่อมีคนร่วมมือกันมากมายถึงขนาดนี้ มันก็ทำให้คนของสำนักเซิ่งหลินเหล่านั้นกังวลใจเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีสามารถใช้วิธีอันชาญฉลาดในการจัดการกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แบบตัวต่อตัวได้ แต่ทว่าตอนนั้นอีกฝ่ายนั้นมีคนเยอะมากเลยน่ะสิ!
พวกเขาลงมืออย่างดุเดือด และความดุดันก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขาอีกด้วย
“แม่สาวน้อย พรสวรรค์ของเจ้าไม่เลวเลย หากเจ้าเป็นเด็กดีคอยเชื่อฟังก็จะมีชีวิตที่ดีอยู่บนเกาะแห่งนี้ แต่หากไม่เชื่อฟังแล้วละก็ เกรงว่าเจ้าคงจะต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานแทน! ฉะนั้นเจ้าก็ควรจะยอมแพ้เสียเถอะ!” ผู้นำเกาะแสยะยิ้มกล่าว
การข่มขู่เช่นนี้ของเขา สำหรับมู่เฉียนซีแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คิดว่าคนมากกว่าอย่างพวกเจ้ามารังแกคนน้อยกว่าแล้วมันจะดูเก่งกาจมากเลยสินะ! พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่มีผู้ช่วยจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
รอยยิ้มของมู่เฉียนซีทำให้ผู้นำเกาะรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก แม่สาวน้อยผู้นี้ยังจะมีไม้ตายอะไรอยู่อีกอย่างนั้นหรือ?
ผู้ช่วยอย่างนั้นหรือ ถึงแม้ว่าระดับของหนุ่มสาวคนอื่น ๆ เหล่านั้นจะไม่ได้แย่ แต่พลังในการต่อสู้ของพวกเขาก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี
และในตอนนี้เอง มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ จงออกมา!”
ทันใดนั้น กลางท้องฟ้าก็มืดมิดลงในฉับพลัน จากนั้นก็มีหงส์ขนาดใหญ่สีดำที่สง่างามตัวหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ และทันทีที่มันขยับปีกคู่นั้น เปลวเพลิงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
แรงกดดันที่สัตว์เทพปลดปล่อยออกมา น่าสะพรึงกลัวกว่าแรงกดดันของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เสียอีก และมันก็ทำให้มีเหงื่อไหลออกมาเต็มแผ่นหลังของพวกเขาเลยทีเดียว
“สะ…สัตว์เทพ…”
“สาวน้อยคนนี้มีสัตว์พันธสัญญาอย่างนั้นหรือ!”
“……”
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดโจมตีพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง และคนเหล่านั้นก็กรีดร้องโหยหวยอย่างต่อเนื่องไปพักหนึ่ง
การโจมตีของสัตว์เทพ จะให้เหล่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตอย่างพวกเขาไปจัดการได้อย่างไรกัน
“สัตว์เทพนี่! คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสัตว์เทพ” เมื่อเหล่าลูกศิษย์ของสำนักเซิ่งหลินได้เห็นเสี่ยวโม่โม่ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“มันไม่ใช่แค่สัตว์เทพธรรมดา แต่นี่คือสัตว์เทพหงส์ แม่นางมู่ยอดเยี่ยมมากเลยจริง ๆ!”
“ช่างแข็งแกร่งจริง ๆ! ในเมื่อมีสัตว์เทพอยู่ด้วย แม่นางมู่ก็สามารถบดขยี้พวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว และไม่จำเป็นที่จะต้องหวาดกลัวพวกเขาเลยด้วย!”
ทันทีที่เสี่ยวโม่โม่ออกมา มันก็เรียกได้ว่าเป็นการบดขยี้ขยะเหล่านั้นอยู่ฝ่ายเดียวจริง ๆ
ผู้นำเกาะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดคนหนึ่ง และสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดบนเกาะแห่งนี้ แต่ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์เทพตัวหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าพลังวิญญาณนี้ของเขาก็ดูเล็กน้อยไปเลยทีเดียว
จำเป็นต้องรีบหนีแล้ว รีบไปขอกำลังเสริมมาเร็วเข้า!
ไม่มีใครบนเกาะสามารถจัดการสัตว์เทพตัวหนึ่งได้ แต่ทว่าที่อื่นยังมีคนที่ทำได้อยู่!
ในตอนที่พวกเขากำลังจะหนี กลับมีร่างเงาสีม่วงร่างหนึ่งมาขวางทางพวกเขาเอาไว้
“ข้าจะมีเรื่องที่อยากจะถามอยู่อีกนิดหน่อย ตอนนี้พวกเจ้า ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
“แม่สาวน้อย ถอยออกไปนะ ไม่อย่างนั้นข้าฆ่าเจ้าแน่!” ผู้นำเกาะกล่าวอย่างดุร้าย
“ฆ่าข้ารึ เจ้าไม่มีความสามารถนั้นหรอก!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉย
ร่างของผู้นำเกาะพุ่งทะยานขึ้นไป จากนั้นก็จู่โจมมู่เฉียนซีด้วยพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัว
มู่เฉียนซีร่ายกระบวนท่าโจมตีผู้นำเกาะด้วยท่าทางที่นิ่งสงบ และทักษะวิญญาณธาตุวายุก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
บ้าไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่หลบ แม่สาวน้อยผู้นี้คิดว่าร่างกายของตนเองทำมาจากเหล็กกล้าจริง ๆ หรืออย่างไรกัน?
ตูมมมม!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออก และมู่เฉียนซีก็สามารถสกัดกั้นการโจมตีของเขาเอาไว้ได้ นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างปลอดภัย หลังจากนั้นก็โจมตีใส่ผู้นำเกาะคนนี้ต่อไปทันที
ผู้นำเกาะเหลือบมองไปทางมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “เจ้าเป็นสัตว์ประหลาดอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงว่าจะสามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ตูมมมม โครมมม!
ทักวิญญาณธาตุวายุยังคงปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และผู้นำเกาะก็ได้ตอบโต้กลับเช่นกัน
ความยากในการรับมือนี้ ทำให้ภายในใจของผู้นำเกาะวิตกกังวลเป็นอย่างมาก สิ่งที่ทำให้เขายิ่งหวาดกลัวก็คือสัตว์เทพที่สามารถจัดการคนอื่น ๆ ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และในตอนนี้มันก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของเขาแล้ว
ทันใดนั้นเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้ห่อหุ้มเขาเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะดับเปลวเพลิงนี้ลงได้
“อ๊ากกก!” และเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนปานจะขาดใจก็ได้ดังขึ้น
“ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!” เขาร้องขอความเมตตาจากมู่เฉียนซีด้วยความหวาดกลัว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “วางใจเถอะ เสี่ยวโม่โม่ของข้ามีความพอดีเป็นอย่างมาก เพราะมันสามารถแผดเผาเจ้าแต่ยังเหลือลมหายใจให้เจ้าสามารถตอบคำถามของข้าได้อยู่”
เหลือลมหายใจไว้อย่างนั้นหรือ นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ใครมีความสุขเลย ผู้นำเกาะถูกมู่เฉียนซีทำให้โกรธจนบาดเจ็บภายในไปหมดแล้ว และคนของสำนักเซิ่งหลินเหล่านั้นก็ทนไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ!
สมควรโดนแล้ว!
ในเวลานี้ความเลื่อมใสศรัทธาในใจของพวกเขาที่มีต่อมู่เฉียนซีนั้น ล้นหลามมากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อเขาถูกแผดเผาจนเหลือลมหายใจเพียงเล็กน้อยแล้วจริง ๆ เสี่ยวโม่โม่ก็ดับเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดนั้นไป และผู้นำเกาะที่หายใจรวยรินอยู่บนพื้น ในเวลานี้เขาก็ราวกับเป็นเพียงปลาที่รอคนอื่นมาเชือดเท่านั้น
เขาจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เจ้า…ที่จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?”
“ก็แค่คนที่ผ่านทางมาคนหนึ่งเท่านั้นแหละ ข้าต้องการให้เจ้าตอบคำถามของข้าสักสองสามข้อ หากไม่ยอมตอบแล้วละก็ ข้าจะทำให้เจ้ารับรู้ถึงความรู้สึกของการที่ถูกเปลวเพลิงแผดเผาต่อไป!” มู่เฉียนซีกล่าว
.
.