ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2007 ผลึกที่แปลกประหลาด
“เจ้าอยากที่จะรู้เรื่องอะไรกัน?” ผู้นำเกาะกล่าวถาม
“ข้อแรก หลังจากที่เข้ามาในเกาะเฮยสุ่ยแล้วไม่มีทางออกไปได้จริงหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ใช่ คนที่ระดับต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเข้ามาในเกาะเฮยสุ่ยแล้วไม่มีทางออกไปได้ตลอดไป” ผู้นำเกาะกล่าวตอบ
เซิ่งชงกล่าวว่า “หากสามารถบรรลุระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ก็สามารถออกไปเมื่อไรก็ได้น่ะสิ!”
พวกเขามีความมั่นใจในพรสวรรค์ของตนเองเป็นอย่างมาก ขอเพียงให้เวลาแก่พวกเขา การที่จะสามารถบรรลุระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ให้สำเร็จได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นเลย
“พวกเจ้าจะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เมื่อเข้ามาในหมู่เกาะเฮยสุ่ยแล้ว พวกเจ้าก็จะไม่มีทางบรรลุระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ได้หรอก” ผู้นำเกาะคลี่ยิ้มอย่างสิ้นหวัง
สามารถเอาชนะเขาได้แล้วมันอย่างไรกันล่ะ? ถึงอย่างไรสาวน้อยคนนี้ก็ถูกขังอยู่ในนี้ตลอดไปอยู่ดี
ถึงแม้จะรู้ว่าไม่สามารถออกไปได้ แต่การแสดงออกของพวกเขาแต่ละคนก็ยังคงสงบนิ่งมาก
จากนั้นมู่เฉียนซีก็ถามคำถามที่สองออกมา “คำถามข้อที่สอง ผลึกสีเหลืองเหล่านั้นที่จริงแล้วมันคือสิ่งใดกันแน่?”
“พวกเราเรียกมันว่าผลึกวิญญาณอำพัน ส่วนที่เป็นรูปธรรมว่าคือสิ่งใดนั้นพวกเราก็ไม่รู้เช่นกัน เพราะพวกเราเพียงแค่ทำตามคำสั่งของเบื้องบนเท่านั้นเอง”
“คำถามข้อที่สาม เพราะเหตุใดถึงต้องให้พวกเราผสมแก่นเลือดลงไปในผลึกวิญญาณอำพันนี้ด้วยล่ะ”
“เรื่องนี้ ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ข้าเพียงแค่ทำงานแทนคนอื่นเท่านั้นเอง”
หลังจากที่ถามไปแล้วไม่รู้อะไรสักอย่าง กลิ่นอายของมู่เฉียนซีก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
ผู้นำเกาะกล่าวพร้อมเหงื่อที่ไหลท่วมว่า “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ฆ่าข้าไม่ได้! มิเช่นนั้นเจ้าจะต้องตายอย่างน่าอนาถเป็นแน่”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ได้! ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ฉะนั้นจงมอบผลึกวิญญาณอำพันที่พวกเจ้าเก็บรวบรวมมาได้ทั้งหมดให้ข้าซะ”
ผู้นำเกาะกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ หากเบื้องบนรู้ว่าเป้าหมายในการโจมตีของเจ้าคือผลึกวิญญาณอำพันแล้วละก็ เจ้าจะต้องตายอย่างน่าอนาถแน่!”
“จะให้หรือว่าไม่ให้?” มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา
ผู้นำเกาะผงะไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าตนเองถูกสาวน้อยผู้นี้ทำให้หวาดกลัวเสียแล้ว และจากนั้นเขาก็ได้มอบแหวนเก็บสิ่งของของตนเองให้นางไป
เพราะผลึกวิญญาณอำพันที่พวกเขาเก็บรวบรวมมาได้ เขาก็เอามาเก็บไว้ในนี้ทั้งหมด
มู่เฉียนซีได้มอบยาพิษให้กับเขาเม็ดหนึ่ง “เจ้ากินยาพิษของข้าไปแล้ว หากไม่เชื่อฟัง ก็เตรียมตัวรอตายทั้งเป็นได้เลย!”
“เจ้า…” ผู้นำเกาะโกรธเคืองเป็นอย่างมาก แต่เขากลับทำอะไรนางเด็กน้อยนี่ไม่ได้เลย
“ไปเถอะ! ไปที่คฤหาสน์ของผู้นำเกาะของพวกเจ้ากัน”
คฤหาสน์ของผู้นำเกาะนั้นใหญ่มาก อีกทั้งมันยังกว้างขวางมากอีกด้วย ซึ่งก็ทำให้อยู่ได้อย่างสะดวกสบายเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวกับผู้นำเกาะว่า “เจ้าจะไปหาคนมาช่วยเหลือเจ้าตามใจชอบเลยก็ย่อมได้ ข้าไม่ถือสาหรอก”
ผู้นำเกาะไม่ค่อยแน่ใจในความคิดของมู่เฉียนซี แม่สาวน้อยผู้นี้บ้าไปแล้วจริง ๆ และความกล้าของนางนั้นก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
หลังจากที่พูดประโยคนี้ไปแล้ว มู่เฉียนซีและคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ในคฤหาสน์ของผู้นำเกาะอย่างสะดวกสบาย เพราะถึงอย่างไรเสียชีวิตน้อย ๆ ของผู้นำเกาะของพวกเขาก็อยู่ในกำมือของมู่เฉียนซี ฉะนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงคอยปรนนิบัติอย่างดี และไม่กล้าที่จะละเลยเรื่องใด ๆ เลย
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีไปศึกษาวิจัยผลึกวิญญาณอำพัน ภายในนั้นมีทั้งผลึกวิญญาณอำพันที่ผสมแล้ว และมีที่ยังไม่ผสมอะไรลงไปด้วย ซึ่งนางก็เอาทั้งหมดนั้นไปทำการศึกษาวิจัย แต่ทว่ากลับไม่สามารถหาเบาะแสใด ๆ ได้เลย
ดังนั้นนางจึงหยิบผลึกวิญญาณอำพันที่ผสมแก่นเลือดแล้วออกมา และศึกษาวิจัยมันต่อไป แต่ก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์อะไรเช่นเคย
ยิ่งเป็นเช่นนี้ ความสนใจของมู่เฉียนซีก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก
หากผู้นำเกาะของเกาะแห่งนี้ไม่รู้ มันก็น่าจะต้องมีคนอื่นที่รู้อีก
ลูกศิษย์ของสำนักเซิ่งหลินเหล่านั้นกำลังฝึกฝนอย่างเชื่อฟังโดยที่ไม่ไปรบกวนมู่เฉียนซีแม้แต่น้อย หากมีความสามารถที่ไม่แข็งแกร่งพอการที่จะอยู่ที่นี่คงเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก แต่โชคยังดีที่พวกเขาได้เจอกับแม่นางมู่ มิฉะนั้นพวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างน่าสังเวชมากเพียงใด
เซิ่งชงกล่าวว่า “แม่นางมู่ อันที่จริงแล้วผลึกวิญญาณอำพันชิ้นนั้นมีปัญหาอะไรกันแน่?”
“ข้าก็ยังไม่เข้าใจมันเลย ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเราก็ยังออกไปจากที่นี่ไม่ได้อยู่ดี”
มู่เฉียนซีได้บอกให้ผู้นำเกาะไปขอกำลังเสริมมา ซึ่งเขาก็ได้ไปขอมาแล้วจริง ๆ และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันเขาก็ไปหากองกำลังเสริมที่ดีกองหนึ่งมาจนได้
เซิ่งชงกล่าวว่า “อีกฝ่ายมีคนเป็นจำนวนมาก แม่นางมู่เจ้าจะต้องระวังตัวด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบไปว่า “ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แล้วหลายวันมานี้พวกเจ้าฝึกใช้อาวุธลับได้อย่างราบรื่นดีหรือไม่?”
“สามารถใช้ทั้งหมดได้แล้ว อาวุธลับนี้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ไม่รู้เลยว่าปรมาจารย์นักหลอมอาวุธผู้ยิ่งใหญ่ท่านใดเป็นคนสร้างมันออกมากันแน่” เมื่อกล่าวถึงอาวุธลับเหล่านั้น พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ความสามารถของพวกเขาถือได้ว่าไม่เลวนัก แต่ทว่าบนเกาะแห่งนี้คนที่มีความสามารถมากกว่าพวกเขาก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นนางจึงให้พวกเขายืมอาวุธลับไปใช้ก่อน เพื่อที่จะสามารถยกระดับพลังในการต่อสู้และกำลังรบของพวกเขาให้สูงมากยิ่งขึ้นได้
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อใช้ทั้งหมดได้แล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าก็ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ และลองใช้พลังของพวกมันในการต่อสู้จริงดูเถอะ!”
“ตกลง!”
เมื่อกำลังเสริมของอีกฝ่ายมาถึง มู่เฉียนซีก็ได้ออกไปตอบรับคำท้าทายอย่างสุขุมเยือกเย็น
เมื่อตอนที่พวกเขาเห็นสาวน้อยคนหนึ่ง ก็ได้เริ่มหัวเราะผู้นำเกาะท่านนี้ขึ้นมาทันที
“ท่านผู้เฒ่าซานหนอท่านผู้เฒ่าซาน! คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่สาวน้อยคนหนึ่งท่านก็ยังจัดการไม่ได้”
“ข้าว่าแม่สาวน้อยผู้นี้อายุน่าจะยังไม่ถึงยี่สิบเลยด้วยซ้ำ! คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะสู้นางไม่ได้ อีกทั้งยังขอให้พวกเราเอาคนมาช่วยตั้งมากมายขนาดนี้อีก”
“……”
ผู้นำเกาะถูกเยาะเย้ยจนใบหน้าแดงก่ำ “พวกเจ้าจะไปรู้อะไรล่ะ? นั่นเป็นเพราะพวกเจ้ายังไม่เจอกับตนเองต่างหาก”
สวรรค์ย่อมรู้ดีว่าความสามารถของแม่สาวน้อยผู้นี้วิปลาสมากเพียงใด!
ผู้นำเกาะซานมองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “แม่สาวน้อย เจ้าจงมอบยาแก้พิษให้ข้า และคืนผลึกวิญญาณอำพันมาเสียดี อีกทั้งเจ้าก็จงยอมรับผิดอย่างเชื่อฟังซะ เพราะข้าเองก็ไม่ได้อยากรังแกใครเช่นกัน! เจ้าอย่าไร้เดียงสาจนคิดว่าแค่มีสัตว์เทพในพันธสัญญาเพียงตัวเดียว แล้วจะสามารถจัดการพวกเรามากมายขนาดนี้ได้เลย”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “คำพูดไร้สาระของพวกเจ้ามีมากกันจริง ๆ อยากจะสู้ก็ลงมือมาเลยเถอะ!”
“เสี่ยวโม่โม่ พวกเราไปสู้กัน!”
มู่เฉียนซีปล่อยเสี่ยวโม่โม่ออกมาโดยตรง เสี่ยวโม่โม่ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของการต่อสู้ จึงได้ฉวยโอกาสโจมตีพวกเขาก่อน
ตูมมมม โครมมม!
เพลิงหงส์อมตะสีดำทิ้งระเบิดเข้าโจมตีพวกเขา และคนที่เคยล้อเลียนผู้นำเกาะซานก่อนหน้านี้เหล่านั้นตอนนี้ก็หัวเราะไม่ออกเสียแล้ว
“พระเจ้า! เป็นสัตว์เทพจริง ๆ ด้วย!”
“แรงกดดันเช่นนี้ จะต้องเป็นสัตว์เทพจริง ๆ ไม่ผิดแน่ พวกเราโจมตีมันพร้อมกัน และตรึงมันเอาไว้ให้ได้กันเถอะ!”
“ใช่แล้ว โจมตีมัน! หากสามารถจับสัตว์เทพตัวนี้มาได้ การมาช่วยผู้เฒ่าซานในคราวนี้จะถือว่าได้กำไรมากเลยทีเดียว”
เมื่อผู้นำเกาะสองสามคนไปจัดการกับเสี่ยวโม่โม่ ผู้นำเกาะซานจึงกล่าวขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ทางนี้ต่างหากคือเจ้านายที่แท้จริง มาจัดการนางสาวน้อยผู้นี้ก่อนสิ!”
สุดท้ายแล้วคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครฟังเขาเลย “ก็แค่สาวน้อยคนเดียว เจ้าคิดว่าคนที่ข้าพามาด้วยเหล่านี้ไม่มีความสามารถหรืออย่างไรกัน?”
“แค่พวกเขาเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะจัดการแม่สาวน้อยผู้นั้นแล้ว ถึงขนาดจะให้พวกเราทุกคนไปจัดการนางก็ดูจะไร้ยางอายไปสักหน่อย!”
“……”
ผู้นำเกาะซานถูกคนกลุ่มนี้ทำให้โกรธจนอยากที่จะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว ฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงลงมือจัดการมู่เฉียนซีด้วยตนเอง
เพียงแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส มันยังคงเป็นเงาอยู่ภายในจิตใจของเขา ฉะนั้นมันจึงเป็นอุปสรรคทางจิตใจในการต่อสู้กับมู่เฉียนซี
แต่ทว่าเพื่อที่จะแก้แค้น เขาจึงพุ่งทะยานออกไปอย่างสุดชีวิต
ผลก็คือยังไม่ทันรอให้เขาได้เข้าใกล้มู่เฉียนซี เขาก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย และดูเหมือนว่าศีรษะของเขาอยากที่จะระเบิดออกมานับครั้งไม่ถ้วน หลังจากนั้นน้ำลายก็ฟูมปาก อีกทั้งยังชักเกร็งไปทั้งตัวอีกด้วย
“ขะ…ข้า…เหตุใดข้าถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่เขาแล้วกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเรื่องวางยาพิษเจ้าข้าล้อเล่นอย่างนั้นหรือ? ถึงข้าจะให้เจ้าขอกำลังเสริมมา แต่ข้าก็ไม่ได้สนใจที่จะต่อสู้กับคนที่เคยพ่ายแพ้มาแล้วครั้งหนึ่งหรอกนะ ดังนั้นเจ้าก็จงลิ้มรสยาพิษนี้ไปเสียเถอะ!”
ในเวลานี้ผู้นำเกาะซานตาเหลือกขึ้นอย่างทุกข์ทรมาน เพียงแต่มู่เฉียนซียังคงมีความพอดีอยู่บ้าง ฉะนั้นถึงจะเป็นเช่นนี้ไปแล้วแต่เขาก็ตายไม่ได้อยู่ดี
ลูกน้องที่ผู้นำเกาะใหญ่ต่าง ๆ พามาด้วยเริ่มลงมือแล้ว และในเวลานี้ก็มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นมาจากโดยรอบบริเวณ
.
.