ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2009 ไปสู้ชั้นใน
เซิ่งชงกล่าวว่า “พรสวรรค์ของแม่นางมู่อยู่ในอันดับต้น ๆของแดนซวนเทียน จะให้อยู่ในสถานที่ที่ทรุดโทรมเหมือนอย่างเจ้าได้เช่นไรกัน! พวกเราจะต้องหาทางออกไปให้ได้”
“ใช่แล้ว! ใครจะไปอยากอยู่ที่นี่กันล่ะ!” ศิษย์น้องชายและศิษย์น้องหญิงของพวกเขาต่างก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
ผู้นำเกาะซานได้แต่ก่นด่าอยู่ภายในใจ หลายปีมานี่ไม่ใช่ว่าไม่มีอัจฉริยะพลาดเข้ามาที่หมู่เกาะเฮยสุ่ยเสียหน่อย พวกเขาก็มีความหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่เช่นกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผลเลยอยู่ดี
เมื่อเข้ามาที่นี่แล้ว การคิดที่จะออกไปจากที่นี่นั้น มันช่างเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยจริง ๆ!
ท้ายที่สุดแล้วผู้นำเกาะซานก็หมดหนทางที่จะขัดขวางมู่เฉียนซีเอาไว้ได้ และมู่เฉียนซีก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำการเคลื่อนไหว
นางกล่าวถามว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะเคลื่อนไหวไปด้วยกันกับข้า? มันมีความเสี่ยงสูงมากนะ แม้จะเห็นว่าที่ผ่านมาพวกเราสามารถรับมือได้อย่างง่ายดายเพียงไม่กี่ครั้ง แต่หลังจากนี้ไปมันอาจจะไม่ง่ายดายเช่นนั้นแล้วก็เป็นได้”
“พวกเราเชื่อใจแม่นางมู่!”
“ใช่แล้ว! พวกเราเชื่อใจท่าน”
“พวกข้าไม่กลัวหรอก!”
เลือดอันเร่าร้อนของคนหนุ่มสาวกลุ่มนี้ถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว และพวกเขาก็เตรียมพร้อมที่จะยืนอยู่เคียงข้างมู่เฉียนซีไปจนสุดทางแล้วด้วย
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี! เพียงแต่ว่าพวกเจ้าจำเป็นที่จะต้องฟังคำสั่งของข้าอย่างเชื่อฟัง และหากกระทำสิ่งใดโดยพลการแล้วละก็ ข้าจะไม่สนใจพวกเข้าอีก”
“พี่ใหญ่มู่โปรดวางใจ! พวกเราไม่ได้โง่เขลาขนาดนั้นหรอก!”
ด้วยเหตุนี้มู่เฉียนซีจึงตัดสินใจขั้นตอนแรกได้แล้ว นั่นคือการกวาดล้างเกาะหลายร้อยเกาะที่อยู่ชั้นนอกให้หมดสิ้นเสียก่อน
เมื่อผู้นำเกาะซานได้ยินเช่นนี้ เขาก็อดที่จะยืนไว้อาลัยให้กับเพื่อนร่วมงานของเขาเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปไม่ได้
เขากล้ายืนยันได้เลยว่า ผู้นำเกาะที่อยู่ชั้นนอกเหล่านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนกลุ่มนี้อย่างแน่นอน พวกเขากำลังจะโชคร้ายแล้วล่ะ
หลังจากที่จัดตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็ยังหลอมยาพิษ เข็มพิษ ผงพิษ สารพิษ ไอพิษและอื่น ๆ อีกมากมาย
คนของสำนักเซิ่งหลินราวกับถูกโจมตีเข้าอย่างจัง พี่ใหญ่มู่ไม่เพียงแต่มีความสามารถที่ดีมากเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นปรมาจารย์ทางด้านพิษที่วิปลาสคนหนึ่งอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ออกเดินทางได้! เริ่มจากเกาะที่อยู่ใกล้มากที่สุดก่อน”
ทุกคนต่างผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ดูราวกับพวกเขาไม่ได้จะไปกวาดล้างเกาะที่มีผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่แต่อย่างใด แต่ดูราวกับว่าจะไปท่องเที่ยวอย่างไรอย่างนั้น
ผู้นำเกาะซานมองตามหลังพวกเขาที่จากไป เพียงไม่นานมู่เฉียนซีและพรรคพวกก็ขึ้นไปอีกเกาะหนึ่ง พวกเขาพุ่งทะยานตรงไปยังที่อยู่ของผู้นำเกาะแห่งนี้ด้วยความรวดเร็ว
“มีคนบุกเข้ามาในคฤหาสน์ของท่านผู้นำเกาะ!”
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่? หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
พวกเขาบุกรุกเข้ามาอย่างโจ้งแจ้งเช่นนี้ ก็ต้องทำให้เหล่าองครักษ์ประจำคฤหาสน์ผู้นำเกาะแจ้งเตือนภัยได้ทันท่วงทีอยู่แล้ว อีกทั้งยังสามารถโจมตีพวกเขาได้ในทันทีอีกด้วย
มู่เฉียนซีตรงเข้าไปโจมตี โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับพวกเขาให้มากความเลยสักคำ
“พลังวายุทำลาย ดับสูญ!”
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
“ฝ่ามือนภาศักดิ์สิทธิ์!”
“ผ่าเมฆาหลั่งริน!”
ทันทีที่มู่เฉียนซีลงมือ คนอื่น ๆ ก็ลงมือไปพร้อมกับนางด้วย พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว จึงทำให้องครักษ์เหล่านั้นไม่สามารถขวางเอาไว้ได้
ตูมมม โครมมม!
เพียงไม่นานเสียงเอะอะโวยวายก็ดังมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ผู้นำเกาะตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“เรียนท่านผู้นำเกาะ มีคนกำลังโจมตีคฤหาสน์ของท่านผู้นำเกาะอยู่ขอรับ”
“ไอ้สารเลวคนไหนที่กล้าทำเรื่องเช่นนี้กัน ไม่ใช่ว่าบอกไปแล้วหรือว่าไม่สามารถเข้ายึดอาณาเขตกันได้น่ะ? พวกเรามีหน้าที่เพียงแค่ปกป้องเกาะของตนเองเอาไว้ให้ดีก็พอแล้ว” ผู้นำเกาะท่านนี้กล่าวอย่างโกรธเคือง
เขาไม่เชื่อว่าคนธรรมดาบนเกาะคิดที่จะโจมตีเขา และคิดว่าต้องเป็นผู้นำเกาะจากเกาะอื่น ๆ ที่เกิดความเบื่อหน่ายจนคิดอยากที่จะเข้ายึดอาณาเขตของเขาเป็นแน่
เขากล่าวว่า “ข้าจะไปดูเอง ว่าที่จริงแล้วพวกมันเป็นผู้ใดกันแน่?”
ในเวลานี้คนที่อยู่ข้างนอกกำลังต่อสู้กันอยู่ เมื่อเขาได้เห็นคนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งจึงกล่าวขึ้นมาว่า “พวกเจ้าเป็นคนของใครกัน?”
“ข้ามาหาท่านผู้นำเกาะเพราะต้องการของบางอย่าง อย่ามาขวางทางข้า!” มู่เฉียนซีเอ่ยปาก
“ช่างบังอาจนัก คิดจะมาหาท่านผู้นำเกาะ แต่บุกเข้ามาถึงคฤหาสน์ของท่านผู้นำเกาะเช่นนี้เนี่ยนะ!”
“จับคนเหล่านี้ให้ข้า แล้วผู้นำเกาะจะตบรางวัลให้อย่างงาม!”
“……”
ตูมมมม!
ในการต่อสู้ครั้งนี้ คนของคฤหาสน์ท่านผู้นำเกาะตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเป็นอย่างมาก
เพียงไม่นาน แรงกดดันของยอดฝีมือระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ก็ได้แพร่กระจายมาถึง
ยังไม่ทันรอให้เขาเข้ามาใกล้ มู่เฉียนซีก็ได้ปล่อยให้เสี่ยวโม่โม่พุ่งทะยานออกไปต่อสู้กับเจ้าหมอนั่นแล้ว
ตูมมมม!
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดได้ระเบิดออกมา รูม่านตาของผู้นำเกาะท่านนี้หดตัวลงในทันที
“สัตว์เทพ!”
เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าหนึ่งในผู้นำเกาะที่อยู่ชั้นนอกคนใดได้ผูกพันธสัญญากับสัตว์เทพเช่นนี้ด้วย?
และเขาก็ถูกทำให้ตื่นตระหนก จนล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นเสี่ยวโม่โม่จึงฉวยโอกาสไล่ตามเพื่อเอาชนะมาให้ได้!
ตูมมม โครมมม!
ดังนั้นคนบนเกาะแห่งนี้ก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก ที่ได้เห็นผู้นำเกาะของพวกเขาวิ่งหนีการไล่ล่าของสัตว์เทพตัวหนึ่งเช่นนี้
ตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังรับมือกับคนเหล่านี้ และเมื่อรอหลังจากนั้นไม่นานเสี่ยวโม่โม่ก็จัดการกับผู้นำเกาะคนนี้ได้แล้ว การต่อสู้ในครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจอีกต่อไปแล้ว
คนที่โจมตีเขาไม่ใช่ผู้นำเกาะจากเกาะอื่นแต่อย่างใด แต่กลับเป็นเพียงหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง ที่ดูราวกับว่าถูกสำนักใหญ่ให้การเลี้ยงดูออกมาเป็นอย่างดีเท่านั้น
“พวกเจ้า…พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่? ยาลูกกลอน ผลึกวิญญาณ หรือว่า…”
“ส่งผลึกวิญญาณอำพันมาให้ข้า!” มู่เฉียนซีกล่าว
“อะไรนะ?” เขาแทบจะไม่เชื่อหูของตนเองอย่างสิ้นเชิง
ที่หมู่เกาะเฮยสุ่ยแห่งนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้ามาแย่งชิงผลึกวิญญาณอำพัน เพราะนั่นคือสิ่งของที่เบื้องบนได้กำหนดเอาไว้ หากพวกเขาทำเช่นนี้มันก็เป็นการแย่งอาหารจากปากเสือจากภายในถ้ำของเสืออย่างไม่ต้องสงสัยเลยน่ะสิ
เข็มยาเล่มหนึ่งฝังลงไปในผิวหนังของเขา และมู่เฉียนซีก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ส่งมา!”
“หากว่าเดือนนี้ข้าไม่ได้ส่งมอบผลึกวิญญาณอำพันไปให้เบื้องบนแล้วละก็ เบื้องบนจะต้องไม่ปล่อยข้าไปแน่! จอมยุทธหญิงโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! ได้โปรดให้ทางรอดแก่ข้าด้วยเถิด! ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ผลึกวิญญาณอำพันเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้…”
“โอ้ย ๆ ๆ…”
เขาแสร้งทำเป็นว่าน่าสงสารและร้องขอความเมตตา แต่ทว่ายาพิษที่มู่เฉียนซีได้วางไว้กับเขานั้นเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
เขากรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด ซึ่งมันก็น่าอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก
“ฮือออออ! โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! นี่มันคือยาพิษอะไรกันแน่ มันทำให้ข้าที่กำลังจะตาย กลับมามีชีวิตอีกครั้งได้…”
“ข้าให้แล้ว…ข้ายอมให้แล้ว ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!”
สุดท้ายแล้วผู้นำเกาะแห่งนี้ก็ร้องไห้อย่างน่าสมเพชพร้อมทั้งมอบผลึกวิญญาณอำพันให้ด้วยมือทั้งสองของเขา
“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทางที่ดีที่สุดอย่าให้ลูกน้องของเจ้าแพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด มิเช่นนั้นเจ้าจะได้ลิ้มรสชาติเมื่อครู่นี้อีกแน่นอน!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีได้แจ้งเตือนเจ้าหมอนั่นแล้ว ก็โบกมือพลางกล่าวว่า “พวกข้าไปล่ะ! ไปเกาะต่อไปได้”
“ได้เลย!”
สีหน้าของผู้นำเกาะแห่งนี้มึนงงเล็กน้อย ไปเกาะต่อไปงั้นหรือ นี่มันหมายความว่าอะไรกันแน่? นาง…พวกเขา…ต้องการที่จะทำอะไรกันแน่?
วิธีการพิชิตเกาะอื่น ๆ นั้นไม่ได้ใช้วิธีเหมือนกันอยู่ตลอด มีบางครั้งที่พวกเขาใช้พลังในการโจมตีโดยตรง บางครั้งก็วางยาพิษโดยใช้ประโยชน์จากค่ำคืนที่มีลมแรง บางครั้งก็ใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม หรือบางครั้งก็บุกไปจับหัวโจกโดยตรง…
เดิมทีพันธมิตรตัวน้อยเหล่านี้ก็ชื่นชมมู่เฉียนซีกันมากอยู่แล้ว แต่ทว่าในเวลานี้พวกเขาได้กลายมาเป็นเลื่อมใสศรัทธาไปเสียแล้ว
พวกเขากล่าวอย่างเคารพนับถือว่า “พี่ใหญ่มู่ พี่ใหญ่มู่ ข้าอยากจะถามว่ายังมีสิ่งใดที่ท่านไม่สามารถทำได้หรือไม่?”
มู่เฉียนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “ที่ทำไม่ได้หรือ! ความจริงแล้วยังมีอีกมากมายเลย! ตัวอย่างเช่นข้าไม่สามารถทำให้ผู้ชายของข้าตั้งท้องลูกของข้าได้…”
ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเอือมระอาขึ้นมาทันที พี่ใหญ่มู่ ท่านมีความคิดเช่นนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
จิ่วเยี่ยที่อยู่ห่างไกลออกไปในความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุดและกำลังค้นหาทางเข้าไปยังแดนนรกก็จามขึ้นมาครั้งหนึ่งอย่างงุนงง จื่อโยวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เยี่ย นี่เพิ่งจะห่างกันได้เพียงไม่กี่วันเองนะ! ดูเหมือนว่าคนงามจะคิดถึงเจ้าเสียแล้ว”
มุมปากของจิ่วเยี่ยยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “อื้ม! ข้าจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดแล้วไปหานาง”
หากจิ่วเยี่ยได้รู้ว่ามู่เฉียนซีพูดอะไรออกมาตอนนึกถึงเขาแล้วละก็ คาดว่าน่าจะรวบตัวมู่เฉียนซี และหลังจากนั้นก็พาไปทำลูกกันแน่นอน
ด้วยอาวุธที่ดี กลยุทธ์ที่ดี ยาลูกกลอนอีกจำนวนมาก และศัตรูที่อ่อนแอ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถจัดการผู้นำเกาะที่อยู่ชั้นนอกเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว อีกทั้งมู่เฉียนซีก็ยึดเอาผลึกวิญญาณอำพันมาได้ไม่น้อยอีกด้วย
“เป็นการออกมาหาประสบการณ์ที่ดีอย่างที่คาดการณ์ไว้จริง ๆ! มันน่าตื่นเด้นมาก”
“ช่วงนี้ข้าก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก มันเร็วกว่าตอนปกติที่ฝึกฝนอยู่ในสำนักตลอดครึ่งปีเสียอีก”
“ช่างมีความสุขเหลือเกิน”
หลังจากที่ต่อสู้กับมู่เฉียนซีมามากมายเช่นนี้ พวกเขาก็ได้รับประโยชน์มาไม่น้อยเช่นกัน
“เอาเถอะน่า! อย่าอวดดีมากนักเลย หากว่าไม่ได้เจอพี่ใหญ่มู่ ก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะเป็นเช่นไรบ้าง?”
“ใช่แล้วล่ะ! คราวนี้พวกเราโชคดีเป็นอย่างมาก จะต้องยึดเอาไว้ให้แน่น ๆ เลยล่ะ!”
“……”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าพวกเขานั้นมีนิสัยที่ไม่เลวเลย ถึงแม้ว่าจะเอาชนะมาแล้วหลายต่อหลายครั้งก็ไม่ได้เต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง นางจึงกล่าวว่า “เตรียมตัวให้พร้อม หลังจากนี้พวกเราจะเข้าไปสู่เกาะชั้นในกันแล้ว”
.