ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2012 การต่อสู้เต็มรูปแบบ
ผลสุดท้ายแล้วตอนที่พวกเขาร่วมมือกัน มู่เฉียนซีก็กล่าวกับพวกเขาว่า “ขั้นต่อไป พวกเราจะบุกทะลวงเข้าไปที่เกาะหลัก ในเมื่อพวกเขาร่วมมือกันแล้ว ใครจะไปสู้ด้วยกันล่ะ! พวกเราไม่ได้โง่เสียหน่อย!”
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าที่พวกเขาจะกลายเป็นพันธมิตรกันได้ แต่ผลปรากฏว่ากลุ่มเด็กหนุ่มเด็กสาวที่แข็งแกร่งกลุ่มนี้กลับตรงไปยังเกาะหลักเสียแล้ว
เกาะหลักนั้นถูกโจมตีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว หนุ่มสาวกลุ่มนี้ใช้กำลังบุกเข้ามาโดยที่พวกเขาไม่ทันได้เตรียมตัว และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือยาพิษ ที่ไม่รู้ว่าพวกเขาเอายาพิษที่หาได้ยากและแปลกประหลาดเช่นนี้มาจากที่ไหนกันแน่
สิ่งนี้ยากเกินกว่าที่จะรับมือได้ ในตอนที่เกาะหลักเตรียมผูกพันธมิตรเพื่อมาการจัดการพวกเขาอย่างไม่กลัวว่าจะต้องเสียหน้านั้น พวกเขาก็ได้ย้อนกลับไปที่เกาะชั้นในกันแล้ว หลังจากนั้นพื้นที่ของเกาะชั้นในก็เกิดความโกลาหลอย่างรุนแรงขึ้นเลยทีเดียว
ในเมื่อหมู่เกาะเฮยสุ่ยไม่มีความสงบสุขอีกต่อไปแล้ว ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ได้ตัดสินใจ
“ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไปที่เกาะเฮยหวง และอาจจะมีผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่บนเกาะแห่งนี้ด้วย พวกเจ้าอยากจะรอข่าวของข้าอยู่ที่นี่หรือว่าจะไปด้วยกันล่ะ”
“พี่ใหญ่มู่ พวกเราต่อสู้มาด้วยกันนานขนาดนี้แล้ว เมื่อถึงเวลาที่จะต้องสู้ศึกครั้งสุดท้าย ท่านไม่อาจทิ้งพวกข้าไว้ข้างหลังได้หรอกนะ”
“ใช่แล้ว! พี่ใหญ่พวกเราขอไปด้วย!”
“……”
พวกเขาแต่ละคนต่างจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างน่าสงสาร อีกทั้งยังไม่กลัวอันตรายเลยแม้แต่น้อยด้วย
“เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ!”
คราวนี้ มู่เฉียนซีศึกษาเส้นทางมาเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงพาคนอื่นขึ้นไปบนเกาะเฮยหวงอย่างเงียบเชียบที่สุด
หลังจากที่ขึ้นมายังเกาะเฮยหวงแล้ว มู่เฉียนซีและพรรคพวกมุ่งตรงไปยังโกดังเก็บสมบัติในคฤหาสน์ของผู้นำเกาะบนเกาะเฮยหวง หลังจากที่เปิดโกดังได้แล้ว ก็เห็นว่าภายในนั้นมีลังวางเรียงรายอยู่หลายใบเลยทีเดียว
สิ่งที่อยู่ภายในลังนั้นก็คือผลึกวิญญาณอำพัน และในใจกลางผลึกวิญญาณอำพันก็คือของเหลวที่เปล่งประกายสีแดงเลือด หรือก็คือแก่นเลือดนั่นเอง
“เยอะจัง!”
“พระเจ้า! นี่พวกเขาเก็บแก่นเลือดของคนไปเท่าไรกันแน่”
“ต้องการไปมากมายขนาดนี้ ที่จริงแล้วพวกเขาคิดอยากจะทำอะไรกันแน่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด? ก็เก็บมันไปทั้งหมดนี่แหละ”
มู่เฉียนซีเอาสิ่งของที่อยู่ที่นี่เก็บไปจนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว หลังจากนั้นก็กล่าวว่า “ไปเถอะ!”
เมื่อตอนที่พวกเขากำลังจะออกไป ด้านนอกก็ได้มีคนมากมายมาขวางทางของพวกเขาเอาไว้แล้ว
“พี่ใหญ่มู่ พวกเราถูกเจอเข้าแล้วล่ะ”
ปล้นของของคนอื่นไปจนหมดเกลี้ยง แล้วยังถูกจับได้คาหนังคาเขาอีก แต่พวกเขากลับไม่มีความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังสงบนิ่งมากอีกด้วย
และผู้นำก็คือชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมยาวสีดำคนหนึ่ง เขายิ้มจนตาหยีแล้วมองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “ทุกท่านคือผู้ที่มีชื่อเสียงของหมู่เกาะเฮยสุ่ยในเวลานี้สินะ! ข้าสงสัยเกี่ยวกับพวกเจ้ามาโดยตลอด แต่กลับไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะไปพบพวกเจ้าเลย ในที่สุดวันนี้ก็มีโอกาสที่จะได้เจอพวกเจ้าแล้ว ข้าคือผู้นำเกาะของเกาะเฮยหวง ชื่อว่าผู้นำเกาะไป๋”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ผู้นำเกาะไป๋ พวกเจ้าคงจะรู้ว่าในมือของข้านั้นมีผลึกวิญญาณอำพันมากมายแค่ไหน! ขอเพียงพวกเจ้าบอกวิธีที่จะออกไปจากหมู่เกาะเฮยสุ่ยแห่งนี้ได้ ข้าก็จะคืนผลึกวิญญาณอำพันนี้ให้แก่พวกเจ้า แต่หากพวกเจ้าไม่ยอมบอกแล้วละก็ ข้าจะทำลายผลึกวิญญาณอำพันเหล่านี้ทิ้งไปเสีย”
ผู้นำเกาะไป๋กล่าวด้วยสีหน้าที่จนปัญญาว่า “แม่นางน้อย ถึงเจ้าจะข่มขู่ข้าเช่นนี้ก็ไร้ประโยชน์! นั่นเป็นเพราะว่าคนที่ระดับต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เมื่อเข้ามาที่นี่แล้วก็ไม่มีทางออกไปจากเกาะเฮยสุ่ยแห่งนี้ได้ และไม่ว่าเจ้าจะใช้ผลึกวิญญาณอำพันอีกมากมายแค่ไหนมาเป็นเครื่องต่อรองก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”
“ข้าไม่เชื่อ!”
“ถึงเจ้าจะไม่เชื่อแต่มันก็คือเรื่องจริง ยอมแพ้เสียเถอะ! พวกเจ้าสามารถเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวายในหมู่เกาะเฮยสุ่ยได้ขนาดนี้ ผู้นำเกาะอย่างข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะต้องเป็นคนฉลาดและมีความสามารถอย่างแน่นอน สำหรับคนเช่นเจ้าพวกเราจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร้ความยุติธรรมอยู่แล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “พวกเจ้ามีวิธีปฏิบัติต่อข้าอย่างไม่ไร้ความยุติธรรมอย่างไรบ้างล่ะ?”
“ขอเพียงแค่พวกเจ้าทำงานอย่างสงบเรียบร้อย ข้าสามารถให้พวกเจ้าเป็นผู้นำเกาะของเกาะหลักได้ เงื่อนไขเช่นนี้ก็ไม่เลวใช่หรือไม่?!”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนอื่น ๆ ของหมู่เกาะเฮยสุ่ยไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่เขาก็คิดไปเองว่าสามารถล่อลวงคนเหล่านี้ได้ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้ ไม่สู้มีชีวิตที่ดีไปวัน ๆ อยู่ที่นี่ดีกว่า
“เจ้าจะดูถูกพวกเราเกินไปแล้ว! เพียงแค่เกาะหลักทั้งหมดมันยังไม่พอหรอก หากเจ้าบอกว่าจะยกเกาะเฮยหวงให้ข้า เช่นนั้นข้าอาจจะลองพิจารณาดูหน่อยก็เป็นได้” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าเด็กน้อยอย่าโลภให้มากเกินไปนักเลย” ผู้นำเกาะไป๋กล่าวอย่างจนหมดความอดทน
“ในเมื่อเจ้าปฏิเสธที่จะสละตำแหน่งผู้นำเกาะ เช่นนั้นก็มีแต่จะต้องสู้กันสักยกแล้วล่ะ” มู่เฉียนซีกล่าว
“แม่สาวน้อย เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นอะไรกัน ที่นี่คือเกาะเฮยหวง ฉะนั้นเจ้าอย่าอวดดีให้มันมากเกินไปนักเลย”
“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าสามารถรับมือคนที่เจ้าเรียกว่าขยะกลุ่มนี้ได้ พวกเราก็คงเป็นเพียงแค่สิ่งเลวร้ายที่ละเมิดกฏของเกาะเฮยหวงแห่งนี้ไม่ใช่หรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซี ถึงผู้นำเกาะไป๋ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่คนที่อยู่รอบตัวเขาเหล่านั้นกลับโมโหขึ้นมาแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างนิ่งสงบมากว่า “ลงมือได้!”
“ขอรับ!”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
เมื่อบอกว่าจะลงมือก็ลงมือทันที และพวกเขาก็ปฏิบัติตามคำสั่งของมู่เฉียนซีอย่างเคร่งครัด โดยที่ไม่แคลงใจเลยแม้แต้น้อย
ผู้นำเกาะไป๋กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ชอบให้พูดดี ๆ ด้วยอย่างนั้นสินะ จับพวกมันมาให้หมด!”
“ขอรับ! ท่านผู้นำเกาะไป๋!”
ทั้งสองฝ่ายปะทะฝีมือกันอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าบนเกาะเฮยหวงแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้ที่แข็งแกร่งจริง ๆ ฉะนั้นจึงไม่ง่ายที่จะจัดการเลยแม้แต่น้อย
ผู้นำเกาะไป๋กล่าวว่า “พวกเจ้านี่มีความสามารถจริง ๆ แต่ทว่าก็อ่อนแอเกินไปอยู่ดี”
“จะอ่อนแอหรือไม่ มันไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะมาพูดได้ เสี่ยวโม่โม่ ไปจัดการตาแก่นั่นซะ” มู่เฉียนซีออกคำสั่งกับเสี่ยวโม่โม่
หงส์นิลสีดำพุ่งทะยานตรงไปยังผู้นำเกาะไป๋ และถึงแม้ผู้นำเกาะไป๋จะเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขั้นสูงสุด แต่ความเร็วของเขาก็เทียบกับเสี่ยวโม่โม่ไม่ได้เลย
ส่วนทางด้านของมู่เฉียนซีก็เริ่มโจมตีแล้วเช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายทำให้นางไม่กลัวการโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับต่ำเลย อีกทั้งยังกระโจนเข้าไปในกลุ่มของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับต่ำที่กระจัดการะจายอยู่โดยรอบอย่างไม่เกรงกลัว และเริ่มเปิดการโจมตีก่อนอีกด้วย
“แม่สาวน้อยผู้นี้ไม่กลัวตายเลยหรือ? คิดไม่ถึงว่าจะพุ่งตรงเข้าไปเช่นนั้น”
“เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังกันหน่อย อย่าให้นางตายไปจริง ๆ เสียก่อนล่ะ พรสวรรค์ของแม่สาวน้อยผู้นี้ไม่ใช่ธรรมดาเลย! ต้องจับนางมาเป็น ๆ ให้ได้”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องบอกข้าก็หรอกน่า!”
ปัง ปัง ปัง!
เดิมทีแล้วพวกเขาเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำเท่านั้น ยังไม่ทันที่จะได้ออกแรงอย่างเต็มที่ก็ถูกมู่เฉียนซีโจมตีเข้าเสียแล้ว
ตูมมมม โครมมม!
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
“ความสามารถทางกายภาพนี้แข็งแกร่งจริง ๆ ดูท่าจะดูถูกพวกเขาเกินไปแล้ว”
“……”
ต่อมาก็มีคนมาสนับสนุนที่เกาะเฮยหวงมากขึ้นเรื่อย ๆ และมันก็ทำให้การต่อสู้สนามนี้ยากลำบากมากขึ้นไปอีก
ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะพัวพันกันอยู่กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เกือบทั้งหมดยกเว้นผู้นำเกาะเพียงคนเดียว และเสี่ยวโม่โม่ก็ต่อสู้อยู่กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ส่วนคนอื่น ๆ นั้นจำเป็นที่จะต้องจัดการกับคนที่อยู่ระดับต่ำกว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์
การต่อสู้อย่างดุเดือดนี้ ได้อาศัยแรงสนับสนุนจากแรงทิฐิมานะของพวกเขาเองทั้งนั้น
เพราะเมื่อพลังวิญญาณถูกใช้ไปจนหมด พวกเขาก็กลืนยาลูกกลอนเพื่อฟื้นฟูพลัง และไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ไม่อาจที่จะล้มลงไปได้
พวกเขาจะต้องชนะ!
แม้ว่าร่างกายจะถูกย้อมไปด้วยเลือด พวกเขาก็กัดฟันยืนหยัดต่อไป และจะยืนหยัดไปให้ถึงที่สุดให้ได้
ตึง!
มีคนหนึ่งล้มลงไปแล้ว
“คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ล้มลงไปเป็นคนแรกจะเป็นข้า ช่างน่าขายหน้าเสียจริง ๆ” แม้ว่าจะล้มลงไปเนื่องจากการบาดเจ็บสาหัส แต่บนใบหน้าที่อ่อนเยาว์นั้นก็ยังเผยรอยยิ้มออกมาอยู่ดี
การต่อสู้แบบนี้ ช่างสนุกมากเหลือเกิน!
ตอนที่อยู่ภายในสำนัก ถึงจะฝึกฝนอย่างขยันหมั่นเพียร จนได้รับการยกย่องจากผู้อื่น รวมไปถึงถูกผู้อื่นเรียกว่าอัจฉริยะ แต่การประลองสุดท้ายระหว่างลูกศิษย์ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว และเขาก็ไม่เคยต่อสู้เต็มรูปแบบอย่างน่าพึงพอใจเช่นนี้มาก่อนเลยด้วย
“อาวุธลับของคนเหล่านี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก” คนที่ชนะไม่ได้ลงมือซ้ำเพื่อสังหารชีวิตน้อย ๆ พวกเขา เพราะถึงอย่างไรเสียอัจฉริยะเช่นนี้ก็เป็นทรัพยากรที่ขาดแคลนมากในเกาะเฮยสุ่ยของพวกเขา ฉะนั้นแล้วจึงสามารถทำได้เพียงแค่ปางตาย แต่ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้
เขาเตรียมที่จะเก็บอาวุธลับนั้นไปศึกษา แต่ผลสุดท้ายคือ…
พรวด!
มันได้กัดกร่อนทันทีที่มือของเขาสัมผัสไปโดน
“อ๊ากกกกก!” เขากรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช คนผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เคยมีใครบอกเจ้าหรือ ว่าอย่าไปแตะต้องของของคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าน่ะ! จะถูกพิษเข้าไปก็สมควรแล้ว”
ตึง ตึง ตึง!
คนที่พ่ายแพ้เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายแล้วมีเพียงมู่เฉียนซีที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้
บนร่างกายของนางก็มีบาดแผลอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แม้ว่าจะมีความเร็วมากแค่ไหน หรือมีเกาะป้องกันที่แข็งแกร่งมาเท่าไร ก็ไม่อาจต่อสู้กับศัตรูที่มีกองกำลังมากถึงเพียงนี้ได้อยู่ดี
“แม่สาวน้อย เจ้าก็หมดเรี่ยวแรงแล้วเช่นกัน อย่าดิ้นรนต่อไปอีกเลย!” พวกเขากล่าวพลางจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี