ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2013 ส่งพวกเขาออกไป
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นมันก็ไม่แน่หรอกนะ!”
ตูมมมม!
มีสิ่งของบางอย่างตกลงมาจากกลางอากาศ จากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมา
พวกเขาพบว่าคนที่ร่วงลงมาก็คือผู้นำเกาะไป๋ของพวกเขา และในเวลานี้เสี่ยวโม่โม่ก็มาขวางอยู่ข้างหน้าของมู่เฉียนซีแล้ว
เสี่ยวโม่โม่กล่าวอย่างมีความสุขว่า “นายท่าน ข้าจัดการเจ้าเฒ่านั่นได้แล้ว”
การที่สามารถเอาชนะผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขั้นสูงสุดได้นั้น ถือว่าเป็นผลการต่อสู้ที่งดงามมากอย่างแน่นอน
“นายท่านต้องได้รับบาดเจ็บ ข้ายังช้ามากเกินไปสินะ”
หลังจากที่เสี่ยวโม่โม่พบว่ามู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บ มันก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจในผลการต่อสู้ของตนเองขึ้นมาเสียแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ช้าหรอก บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง พวกเรามาร่วมมือกันจัดการพวกที่เหลือเหล่านี้ดีกว่า”
“เจ้าค่ะ! เสี่ยวโม่โม่จะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อแก้แค้นให้นายท่านให้ได้” เสี่ยวโม่โม่พยักหน้ากล่าว
ขนาดผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขั้นสูงสุดยังถูกเจ้าหงส์น้อยตัวนั้นจัดการไปแล้ว ฉะนั้นคนเหล่านี้ไม่คุ้มค่าพอที่จะใส่ใจเลยด้วยซ้ำ
เสี่ยวโม่โม่รับหน้าที่ในการโจมตีหลัก ส่วนมู่เฉียนซีรับหน้าที่ในการลอบโจมตี และให้พวกเขาได้ลิ้มลองอาวุธลับชนิดต่าง ๆ อีกทั้งรสชาติของพิษนานาชนิดอีกด้วย
รสชาติของพิษเหล่านี้ทำให้พวกเราทรมานเป็นอย่างมาก จนในที่สุดก็อยู่ในสภาพที่ไร้การตอบโต้
คนที่พ่ายแพ้เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ และความได้เปรียบเรื่องจำนวนคนที่มากกว่าของพวกเขาก็หมดไป
สถานการณ์ย่ำแย่ลงเรื่อง ๆ ในขณะที่เวลาล่วงเลยไป และการต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดพวกเขาก็ได้ค้นพบว่ามู่เฉียนซีนั้นวิปลาสมากเกินไปแล้ว เพราะถึงจะผ่านการต่อสู้มาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ แต่พลังวิญญาณของนางยังใช้ไปไม่หมดเสียที
ก็ไม่ใช่ว่าพลังวิญญาณของนางจะไม่ถูกใช้ไปจนหมด ทว่าเป็นเพราะว่านางมียาลูกกลอนที่ใช้เพิ่มพลังวิญญาณอย่างไม่จำกัดต่างหาก
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปต้องไม่ดีแน่ ผู้นำเกาะไป๋ที่บาดเจ็บสาหัสร้องตะโกนออกมาว่า “นายท่าน! นายท่าน...”
“ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาก่อกวนต่อไปได้อีกแล้วนายท่าน”
ดูเหมือนว่าเสียงตะโกนของผู้นำเกาะไป๋จะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เพราะเพียงไม่นานแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็จู่โจมเข้ามา
ร่างเงาสีดำสิบกว่าร่างพุ่งทะยานออกมา ทุกคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางกันทั้งนั้น ซึ่งมันก็ให้ความรู้สึกที่กดดันเป็นอย่างมาก
เสี่ยวโม่โม่ถอยกลับมา จากนั้นก็มาเฝ้าอยู่ข้างกายของมู่เฉียนซี
เซิ่งชงและพรรคพวกก็ประหลาดใจมากเช่นกัน บนเกาะแห่งนี้มีพยัคฆ์ซุ่มซ่อน มังกรเร้นกายอยู่จริง ๆ ด้วยสินะ!
คนที่เป็นผู้นำก็คือชายชราในชุดคลุมสีดำที่อย่างน้อยน่าจะเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหกขั้นสูงสุดเลยด้วยซ้ำ เขาได้กวาดสายตามองไปที่คนเหล่านั้นแล้วกล่าวว่า “เจ้าพวกคนไร้ประโยชน์ คิดไม่ถึงเลยว่าเกาะเฮยหวงจะถูกเด็กน้อยคนหนึ่งสร้างความโกลาหลที่รุนแรงเช่นนี้ได้”
เพียะ เพียะ เพียะ!
ผู้นำเกาะไป๋ตบหน้าตนเองสองสามทีอย่างรู้จักเอาตัวรอดเป็นอย่างดี
“นายท่านกล่าวถูกต้องแล้ว เป็นเพราะพวกข้าไร้ประโยชน์ นายท่านโปรดแก้แค้นให้พวกข้าด้วยขอรับ!”
“ใช่แล้ว! นายท่านโปรดล้างแค้นให้พวกเราด้วยขอรับ”
นายท่านผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แก้แค้นอย่างนั้นหรือ! ข้ามีความใจกว้างให้แก่อัจฉริยะทุกท่านเสมอ และพรสวรรค์ของแม่สาวน้อยผู้นี้ก็ดียิ่งกว่าเจ้าเสียอีก”
เขาเดินตรงไปเบื้องหน้าของมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “แม่นางน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าแดนซวนเทียนจะมีอัจฉริยะเช่นเจ้าปรากฏตัวออกมาด้วย ดูท่าว่าประสบการณ์ของข้าจะน้อยไปหน่อยเสียแล้ว ข้าแซ่หวัง เจ้าเรียกข้าว่าท่านผู้อาวุโสหวังก็ได้ หลังจากที่เจ้าทำงานอย่างเชื่อฟังจนข้าเจริญรุ่งเรืองแล้ว เจ้าจะต้องได้ประโยชน์ไม่น้อยอย่างแน่นอน! ถึงเจ้าจะมีสัตว์พันธสัญญาเป็นสัตว์เทพระดับหนึ่งตัวหนึ่งแต่ก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้หรอกนะ ฉะนั้นเจ้าก็ควรที่จะหยุดดิ้นรนเสียเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าฝันไปเถอะ!”
“ช่างเป็นเด็กน้อยที่ไม่เชื่อฟังเลยจริง ๆ! แต่สำหรับเด็กที่ไม่เชื่อฟังเช่นเจ้า ข้าก็มีวิธีในการจัดการเช่นกัน!”
เขาหยิบเอาหยิบธูปหอมดอกหนึ่งออกมา จากนั้นก็จุดมันต่อหน้ามู่เฉียนซี และเมื่อมู่เฉียนซีได้ดมกลิ่นของมันแล้ว คิ้วของนางก็ขมวดเล็กน้อย
“พี่ใหญ่มู่!”
“พี่ใหญ่มู่!”
“……”
คนอื่น ๆ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และคิดที่จะพุ่งทะยานเข้าไป แต่ทว่ากลับถูกพวกเขาที่เหลือขวางเอาไว้เสียก่อน
ผู้อาวุโสหวังคนนี้เหลือบมองไปที่พวกเขาแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เป็นเด็กน้อยที่ไม่เชื่อฟังเหมือนกันสินะ พวกเจ้าลงมือซะ!”
ชายชุดคลุมดำที่อยู่ข้างกายของเขาเหล่านั้นเดินตรงเขาไปหาพวกเขาเช่นกัน จากนั้นก็หยิบธูปออกมา มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “พวกเจ้ารีบหนีไปเร็วเข้า รีบออกไปจากที่นี่ซะ!”
กลิ่นหอมนี้เป็นของที่เอาไว้ใช้ควบคุมผู้คน หากถูกควบคุมได้แล้วละก็ จะต้องทำทุกอย่างเพื่อพวกเขา และนางก็มีหนทางที่จะแก้ไขมันได้ แต่ทว่าคนเหล่านี้ยากที่จะรับมือได้ในเวลาเช่นนี้
“ขอรับ!”
ในสถานการณ์ที่อันตรายมากเช่นนี้ หากพวกเขาหนีไปแล้วลูกพี่จะต้องออกไปอย่างวางใจแน่นอน
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงบดขยี้จี้หยกทันที และหลังจากนั้นไม่นานภายในมิติก็มีความปั่นป่วนปรากฏขึ้น
ผู้อาวุโสหวังผู้นั้นหัวเราะออกมา “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! คิดจะหนีรึ ก็ลองดู พวกเจ้าก็ลองหนีดูสิ! เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว จี้หยกเคลื่อนย้ายจากสำนักของพวกเจ้าก็ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย และถึงหนีไปได้เจ้าก็ต้องตายแน่นอน!”
ตูมมม!
พายุของมิติพัดโหมกระหน่ำเข้าใส่พวกเขา และพวกเขาก็ได้แต่ตะลึงงัน มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
ในเวลานี้เอง มู่เฉียนซีก็ได้ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาพุ่งทะยานออกไป หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง มีหนทางหรือไม่?”
“ข้ามีหนทาง ซีเอ๋อร์ก็มีหนทางเช่นกัน ภายในมิติแห่งนี้มีพลังแห่งมิติที่คอยขับไล่พลังมิติอื่น ๆ อยู่ด้วย ดังนั้นจี้หยกเคลื่อนย้ายของพวกเขาจึงเสียการควบคุมไป พวกเขาอาจจะถูกชักนำเข้าไปยังมิติที่ปั่นป่วนและถูกบีบรัดจนตายแทนที่จะกลับไปยังสำนักของพวกเขา แต่ด้วยพลังมิติที่มีพร้อมอยู่แล้ว ซีเอ๋อร์สามารถลองทะลุผ่านไปดูสิ”
แม้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ซีเอ๋อร์จะต้องฝึกฝนพลังมิติ แต่ในเมื่อมีโอกาสที่ดีเช่นนี้ สุ่ยจิงอิ๋งก็อยากที่จะให้มู่เฉียนซีลองดูเป็นอย่างมาก
ด้วยคำแนะนำของสุ่ยจิงอิ๋ง มู่เฉียนซีสามารถทะลุผ่านไปได้แล้ว นางเห็นเส้นทางที่ปลอดภัยเส้นทางหนึ่ง หลังจากนั้นจึงคว้าพวกเขาแต่ละคนเอาไว้ และโยนออกไปยังเส้นทางนั้น
“รีบไปเร็วเข้า!”
“พี่ใหญ่มู่!”
“พี่ใหญ่!”
รอหลังจากที่โยนคนสุดท้ายเข้าไปแล้ว ความปั่นปวนภายในมิตินี้ก็สงบลง และคนอื่น ๆ ก็ได้หายไปแล้ว
น่าจะกลับไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว แต่ทว่ามู่เฉียนซีในเวลานี้เหนื่อยเกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้แล้วเช่นกัน
พวกเขาไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีได้ทำอะไรลงไป ผู้อาวุโสหวังกล่าวว่า “เจ้าคงใช้สมบัติอะไรสักอย่างเปิดเส้นทางให้พวกเขาอย่างนั้นสินะ? ข้าจะบอกเจ้าให้ มันไม่มีประโยชน์หรอก ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องตายอยู่ดี!”
“หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าบอกให้พวกเขาหนีไป พวกเขาก็คงไม่ต้องตายเช่นนี้ เจ้าเป็นคนทำร้ายพวกเขา”
มู่เฉียนซีก้มศีรษะลงแล้วไม่พูดไม่จาอีก นางเชื่อในสุ่ยจิงอิ๋งและเชื่อในตนเองด้วย พวกเขาจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน
เมื่อเทียบพลังแห่งมิติแล้ว ใครเล่าจะสามารถมีเทียบเคียงกับเจ้าแห่งมิติได้
“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ พรสวรรค์ของเด็กเหล่านั้นถือได้ว่าไม่เลวเลย แต่กลัวจะถูกเจ้าฆ่าตายไปเสียแล้ว! ทว่าพรสวรรค์ของเจ้านั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่าพวกเขา แต่ก็ถือว่าเป็นพรสวรรค์แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
“เด็ก ๆ! พาแม่สาวน้อยคนนี้กลับไปกับข้า”
เขามองออกว่าพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีหมดลงแล้ว และไม่มีพลังเหลือพอที่จะต่อต้านอีกต่อไปแล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงสามารถควบคุมนางได้อย่างอิสระ
มู่เฉียนซีที่ถูกพาตัวไปนั้น นางไม่ได้ถูกขังเอาไว้ในสถานที่อย่างคุกใต้ดิน แต่ได้อยู่ในห้องอันกว้างขวาง อีกทั้งยังอิ่มหนําสําราญและได้รับการปรนนิบัติเป็นอย่างดีอีกด้วย
แน่นอนว่า หากไม่ได้จุดธูปหอมที่เอาไว้ควบคุมคนอยู่ภายในห้องมันจะดียิ่งกว่านี้ก็เถอะ
สำนักเซิ่งหลินตั้งอยู่ที่ดินแดนทางทิศตะวันออกของราชวงศ์ตงหวง และเป็นกองกำลังระดับสี่ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก อีกทั้งที่ตั้งของสำนักนั้นก็เต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่เข้มข้นนั่นเอง
“ยังตามหาเจ้าเด็กเหลือขอกลุ่มนั้นไม่เจออีกอย่างนั้นหรือ?”
“พวกเขาหนีไปถึงที่ใดกันแน่นะ?”
“ได้ยินข่าวมาว่าพวกเขาไปที่หมู่เกาะเฮยสุ่ยแล้วขอรับ”
“บ้าจริง สถานที่แห่งนั้นสามารถเข้าไปได้ตามใจชอบหรืออย่างไรกัน?”
“ท่านเจ้าสำนักโปรดวางใจ พวกเขามีจี้หยกเคลื่อน…”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ พวกเขาก็พบว่าลูกศิษย์สายตรงที่ได้กระทำผิดเหล่านั้นกลับมากันแล้ว เพียงแต่ว่าทันทีที่พวกเขากลับมา ไม่ว่าจะเป็นเด็กสาวหรือหนุ่มใหญ่ต่างก็พากันร้องห่มร้องไห้ราวกับฟ้าถล่มดินทลายเลยทีเดียว
“ฮือออออออ!”
“พี่ใหญ่!”
“……”
พวกเขารู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะสิ่งที่พี่ใหญ่มู่ทำในตอนสุดท้าย พวกเขาจะต้องถูกดูดเข้าไปในมิติที่ปั่นป่วนนั้น และต้องตายไปจนไม่เหลือแม้แต่ซากอย่างแน่นอน มิติในหมู่เกาะเฮยสุ่ยนั้นแปลกประหลาดเกินไปแล้วจริง ๆ
แต่ยังไม่ทันให้พี่ใหญ่มู่ไม่ได้ออกมาด้วย เส้นทางนั้นก็ถูกปิดไปเสียก่อน อีกทั้งทางนั้นก็ยังมีผู้แข็งแกร่งอยู่มากมาย ฉะนั้นโอกาสที่พี่ใหญ่มู่จะหนีออกมาได้อีกครั้งนั้น มันช่างเลือนรางเป็นอย่างมาก
.
.