ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2016 นักฆ่าอันดับหนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวตอบว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง ข้าเข้าใจแล้ว!”
“สุดท้ายแล้วหอหมอปีศาจก็จะสามารถเข้าสู่เกมการเดิมพันกับสำนักหมอทมิฬได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้ายังไม่เคยคิดที่จะต่อสู้กับพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย! แต่ตอนนี้เมื่อได้รู้ความประพฤติของสำนักหมอทมิฬ ว่าเจ้าสำนักของพวกเขาเป็นคนชั่วช้ามากแค่ไหน มันก็ทำให้ข้ารู้สึกว่าการปล่อยพวกเขาเอาไว้ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างสิ้นเชิง เมื่อไรที่ความสามารถของหอหมอปีศาจมีความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ข้าจะต้องทำลายพวกเขาให้ได้อย่างแน่นอน!” น้ำเสียงของมู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นเย็นชามากขึ้นอีก
นางรีบเดินทางต่อไป เพื่อที่จะยืนยันว่าถูกเคลื่อนย้ายมายังสถานที่แห่งใดกันแน่ และคาดว่าน่าจะไม่ไกลจากหมู่เกาะเฮยสุ่ยเท่าไรนัก
การที่จะหาใครสักคนในราชวงศ์ตงหวงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าสำนักหมอทมิฬอยากที่จะกำจัดมู่เฉียนซีให้ได้โดยเร็วมากแค่ไหนก็ตาม แต่หากหาคนไม่เจอก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี!
นายน้อยของสำนักหมอทมิฬกราดเกรี้ยวอย่างที่สุด แล้วได้แต่ก่นด่าว่า “เจ้าพวกไร้ประโยชน์!”
มีคนใครบางคนกล่าวว่า “นายน้อย การจะฆ่าใครสักคน เราหาคนที่มีความเชี่ยวชาญมาทำน่าจะดีกว่า ท่านจะได้ไม่จำเป็นต้องมาหนักใจกับเรื่องนี้อีก”
“ได้ยินมาว่าความสามารถของแม่สาวน้อยผู้นั้นอ่อนแอแต่กลับมีพันธสัญญากับสัตว์เทพตัวหนึ่ง พลังในการต่อสู้ของนางไม่ได้ต่ำเลย! แต่ถึงกระนั้นนางก็เป็นเพียงคนที่ไม่มีบทบาทอะไรเท่าใดนัก ซึ่งมันไม่คุ้มค่าที่จะให้นายน้อยอย่างข้ามาเสียเวลาในการฝึกฝนเพื่อไล่ล่านางผู้นี้! และการหานักฆ่าที่เชี่ยวชาญมาจัดการนางก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่อย่าไปเอาพวกขยะมาก็แล้วกัน!”
“เรื่องนี้นายน้อยโปรดวางใจ พวกข้าได้เตรียมหานักฆ่าอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันออกแห่งราชวงศ์ตงหวงอย่างซูอี้ชิงมาไล่ล่าผู้หญิงคนนั้นแล้ว ชื่อเสียงของนักฆ่าอันดับหนึ่งของเขาไม่ได้รับมันมาง่าย ๆ เพราะได้ยินมาว่าเขาไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน เพียงแต่ว่าเขาคิดราคาค่อนข้างสูง แต่ทว่าสำนักหมอทมิฬของพวกเราพอที่จะจ่ายได้ขอรับ”
“ราคาเท่าไรไม่ใช่ปัญหา ขอเพียงสามารถจัดการนางสาวน้อยผู้นั้นได้ก็พอ ไปบอกเขาว่า หากทำให้นางพิการโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ ข้าจะให้รางวัลเพิ่มเป็นสองเท่า”
“ขอรับ!”
มู่เฉียนซีสามารถยืนยันแล้วว่าไม่ได้อยู่ไกลจากหมู่เกาะเฮยสุ่ยมากเท่าไรนักจริง ๆ และมันก็ยังเป็นอาณาเขตของดินแดนทางทิศตะวันออกของราชวงศ์ตงหวงอยู่
หลังจากที่ต่อสู้ในหมู่เกาะเฮยสุ่ยมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังต่อสู้กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์อีกจำนวนไม่น้อย มันก็ทำให้ความสามารถของนางเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นนางจึงอยากจะหาสถานที่ที่เอาไว้เก็บตัวสักหน่อย
หลังจากที่เก็บตัวยังไม่ถึงเจ็ดวัน มู่เฉียนซีก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ไม่เลวเลย
เพราะหลังจากที่บรรลุผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดมาได้ไม่นาน ตอนนี้นางก็มีความสามารถของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดขั้นสูงสุดแล้ว และอีกไม่นานก็คงจะสามารถบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าได้แน่
เมื่อไรที่นางบรรลุถึงระดับเก้าแล้ว และมู่หลินหลางยังไม่ได้กลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์แล้วละก็ การต่อสู้กับนางคงจะง่ายกว่าก่อนหน้านี้มากทีเดียว
หลังจากความสามารถของนางเพิ่มขึ้นแล้ว มู่เฉียนซีก็ตรงไปยังเมืองที่ใกล้กับที่นี่มากที่สุด เพื่อที่จะวางแผนอีกครั้ง
นางคิดว่าจะสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ของสำนักหมอทมิฬ แต่ดูเหมือนว่าสำนักหมอทมิฬจะไม่ได้พยายามไล่ล่านางสักเท่าไร?
มู่เฉียนซีไม่เชื่อว่าสำนักหมอทมิฬนั้นจะมีจิตใจกว้างขวาง จนไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนาง แต่เกรงว่าน่าจะกำลังวางแผนอื่นอยู่มากกว่า
บริเวณใกล้กับโรงเตี้ยมที่มู่เฉียนซีอาศัยอยู่มีชายหนุ่มในชุดสีขาวคนหนึ่งเดินใกล้เข้ามา และรูปร่างหน้าตาที่แสนจะธรรมดาของชายหนุ่มผู้นั้นเป็นประเภทที่หากว่าถูกโยนเข้าไปในฝูงชนก็จะไม่สามารถหาเจอได้อย่างแน่นอน
แม้ว่ากลิ่นอายของเขาจะทำให้คนรู้สึกว่าอ่อนแอ แต่มู่เฉียนซีกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่อันตรายบางอย่าง
ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะสังเกตเห็นแล้วว่ามีบางคนกำลังมองเขาอยู่ หลังจากที่เขากวาดตามองมา สายตาคู่นั้นของเขาก็มาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของมู่เฉียนซี
เขามองมายังไม่ทันถึงสองอึดใจ ทันใดนั้นเขาก็ชักกระบี่ออกมาทันที!
กระบี่นั้นถูกชักออกมาอย่างรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ยังไม่ทันที่คนอื่นจะมองการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างชัดเจน กระบี่ก็ถูกชักออกมาจากฝักเรียบร้อยแล้ว
จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวพัดโหมกระหน่ำไปทั่วทั้งพื้นที่ และด้วยจิตสังหารเช่นนี้ทำให้คนที่อยู่ในโรงเตี้ยมต่างหวาดกลัวกันไปหมด
มีเพียงคนที่สังหารคนมาแล้วนับไม่ถ้วนเท่านั้นถึงจะสามารถสร้างจิตสังหารเช่นนี้ออกมาได้ มู่เฉียนซีใช้ความเร็วของการเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาในการหลบหนี และปลายผมของนางก็ถูกตัดด้วยพลังของกระบี่
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปยังชายชุดขาวที่กำลังใกล้เข้ามา ฝีเท้าของเขานั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก อีกทั้งทักษะกระบี่ก็ยังดูแปลกประหลาดจนยากที่จะอธิบายได้อีกด้วย
คนผู้นี้ก็คือนักฆ่า อีกทั้งยังเป็นสุดยอดนักฆ่าคนหนึ่ง ซึ่งคราวนี้นางมองพลาดไปแล้วจริง ๆ
“เกราะพลังวายุ!”
“วายุกลืน จันทร์สะพรั่ง!”
พลังธาตุวายุของมู่เฉียนซีระเบิดออกมา จากนั้นก็สร้างเกาะป้องกันขึ้นเป็นชั้น ๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ไปอย่างสิ้นเชิง
ด้วยความสามารถในตอนนี้ของนางทำได้เพียงแค่ใช้การเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตาเท่านั้น และสิ่งที่คนผู้นี้ใช้ก็คือกระบวนท่าของนักฆ่านั่นเอง
จิตสังหารของเขาทำให้ความสามารถพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าร่างกายจะสามารถป้องกันการโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำได้ แต่เมื่อตอนที่มู่เฉียนซีต้องเผชิญหน้านางก็ยังไม่กล้าเสี่ยงใช้ร่างกายในการต่อสู้กับเขาอยู่ดี
เคล็ดวิชากระบี่ของนักฆ่า ทุกการเคลื่อนไหวนั้นไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีทำได้เพียงหลบหลีกด้วยความระมัดระวังอย่างสุดความสามารถเท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถแยกสติไปโต้กลับได้เลยด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้นางก็เจอนักฆ่ามาไม่น้อย แต่หลังจากที่มาถึงแดนซวนเทียนแห่งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับตัวละครที่รับมือได้ยากเช่นนี้
ฉับ!
เงากระบี่มากมาย พร้อมด้วยความสามารถในการซ่อนเร้นเจตนาฆ่า ทำให้ในชั่วพริบตาเดียวนั้น มู่เฉียนซีก็มีเลือดเสียแล้ว
นักฆ่าผู้นี้มีใบหน้าที่ไร้อารมณ์ แต่ทว่าดวงตาที่ดำสนิทคู่นั้นกลับมองมาที่นางราวกับว่ามองคนที่กำลังจะตายอย่างไรอย่างนั้น!
มันรับมือยากเกินไปแล้ว นี่คือนักฆ่าที่สำนักหมอทมิฬส่งมาอย่างนั้นหรือ? เพราะอย่างไรเสียด้วยใบหน้านี้ก็มีเพียงคนของหอหมอทมิฬเท่านั้นที่นางทำให้ขุ่นเคืองใจ
นางไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่เพียงแต่รับมือกับนักฆ่าคนหนึ่งไม่ได้เท่านั้น แต่หากคนของสำนักหมอทมิฬมาที่นี่ด้วย มันก็จะยิ่งยากลำบากมากขึ้นไปอีก
มู่เฉียนซีปล่อยให้เสี่ยวโม่โม่ออกมาก แล้วกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ พวกเราไปกันเถอะ!”
เมื่อเสี่ยวโม่โม่เห็นว่าเจ้านายของตนเองต้องเสียเลือด ก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“นายท่าน เสี่ยวโม่โม่สามารถจัดการเขาให้ท่านได้! เพราะเขาเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสองคนหนึ่งเท่านั้น”
“ไปเถอะ! ยังมีโอกาสที่จะได้แก้แค้นอยู่อีก แต่ว่ายังไม่ใช่ตอนนี้”
นางผิดพลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง และหากต้องผิดพลาดอีกหลังจากที่ปะทะฝีมือกับเขา เช่นนั้นหมอปีศาจอย่างนางคงถึงคราวเคราะห์แล้วเป็นแน่
สิ่งที่นักฆ่าผู้นี้ได้เรียนรู้มาล้วนเป็นเคล็ดวิชาสังหารที่น่าหวาดกลัวยิ่งทั้งนั้น อีกทั้งเสี่ยวโม่โม่ยังคงไร้เดียงสานัก การที่จะต่อสู้กับเขานั้นจึงเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก
“เจ้าค่ะ! นายท่าน!”
เสี่ยวโม่โม่สยายปีกออก และบินออกไปด้วยความเร็วที่สูงที่สุด
เห็นได้ชัดว่านักฆ่าผู้นี้ไม่ได้คิดที่จะปล่อยให้เหยื่อที่เขาหาเจอต้องหลุดมือไปได้ เพียงเพราะขี่สัตว์บินได้ตัวหนึ่งตรงออกนอกเมืองไปเท่านั้น
เขากระโดดขึ้นไปแล้วพ่นออกมาคำหนึ่งว่า “ตามไป!”
หลังจากที่รอให้พวกเขาออกไปแล้ว จิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวนั้นถึงกระจายหายไป
ทุกคนต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้น “จิตสังหารนั่น ทักษะกระบี่นั่น คนผู้นั้นคือนักฆ่าอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันออกแห่งราชวงศ์ตงหวงของพวกเรา ซูอี้ชิงอย่างนั้นสินะ!”
“ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน ได้ยินมาว่าซูอี้ชิงมีใบหน้าหลายร้อยใบหน้า และทุกใบหน้านั้นก็ดูธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่ทว่าทุกใบหน้าต่างก็ไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของเขา นอกจากนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาหน้าตาเป็นเช่นไรด้วย! รู้แต่เพียงว่าชอบสวมชุดสีขาวเท่านั้น”
“ได้ยินมาว่าค่าจ้างของนักฆ่าอันดับหนึ่งนั้นสูงมาก แม่นางน้อยผู้นั้นยังดูอายุน้อยอยู่เลย ที่จริงแล้วไปทำให้ใครขุ่นเคืองใจจนถึงกับต้องเชิญซูอี้ชิงมาสังหารแม่นางน้อยผู้นั้นกันนะ?”
ไม่ได้มีเพียงแต่พวกเขาที่รู้สึกประหลาดใจ แต่คนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในโรงเตี้ยมฝั่งตรงข้ามก็คิดอย่างนั้นด้วยเช่นกัน
“คราวนี้พี่ใหญ่เป็นอะไรไปแล้ว? คิดไม่ถึงเลยว่าจะรับคำสั่งของสำนักหมอทมิฬ อีกทั้งยังมาไล่ล่าสาวน้อยที่ไร้ชื่อคนหนึ่งเช่นนี้”
“ทุกครั้งที่รับคำสั่งพี่ใหญ่ก็มักจะมีกฎเกณฑ์อยู่เสมอ แต่แม่สาวน้อยผู้นี้ดูไม่เหมือนคนทรยศหรือคนชั่วร้ายอะไรนั่นเลย!”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด! พวกเจ้าไม่สังเกตเห็นกันหรือว่า พี่ใหญ่ดูจะจริงจังกับมันมากน่ะ? ข้าไม่เคยเห็นเขาระเบิดจิตสังหารเช่นนี้มาก่อนเลย อีกทั้งนางยังเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งเท่านั้น แต่เขาทำราวกับว่าได้เจอคนที่อยากจะฆ่ามากที่สุดอย่างไรอย่างนั้นเลย”
“ใช่แล้ว! หรือว่าแม่สาวน้อยผู้นั้นจะเป็นศัตรูของพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ?”
พวกเขางุนงงเป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อไม่มีคำสังของพี่ใหญ่ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะไล่ตามไปเช่นกัน
มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าถูกนักฆ่าไล่ล่ามานานแค่ไหนแล้ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงยืนหยัดไล่ล่าอย่างไม่ลดละอยู่ดี
จำต้องบอกว่านักฆ่าผู้นี้ไม่เพียงแต่มีความสามารถที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นมืออาชีพสูงอีกด้วย
หากนางไม่ได้เป็นเป้าหมายในการไล่ล่าของเขา นางจะต้องชื่นชมคนเช่นนี้มากอย่างแน่นอน
แต่ทว่าเวลานี้คนผู้นี้ต้องการเอาชีวิตของนาง แล้วนางจะชื่นชมเขาได้อย่างไร
ในเวลานี้คนที่อยู่ข้างหลังมู่เฉียนซีผู้นั้น ได้เคลื่อนไหวเพื่อหมุนเวียนพลังวิญญาณและกระบี่ของเขาก็ลอยขึ้น จากนั้นกระบี่ทั้งสี่เล่มที่เต็มไปด้วยพลังสายฟ้าแลบก็ได้กลายเป็นร่องรอยนับไม่ถ้วนอยู่กลางอากาศ และพุ่งตรงไปยังเสี่ยวโม่โม่และมู่เฉียนซี
.
.