ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2022 อี้ชิงน้อย
ทันทีที่พูดจบ มู่เฉียนซีก็พุ่งทะยานออกไป และต่อสู้กับคนที่เหลือเหล่านั้น
นางเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าการต่อสู้กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำจะรับมือได้ยากมาก แต่ทว่านางก็ไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง
“เสี่ยวโม่โม่ จงออกมา!”
“เจ้าค่ะ! นายท่าน!”
เพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดจู่โจมไปทางพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อครั้งที่ต่อสู้กับซูอี้ชิงที่เป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งก่อนหน้านี้ ก็ทำให้เสี่ยวโม่โม่รู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย
เมื่อได้มาเจอกับเจ้าพวกที่หาเรื่องใส่ตัวกลุ่มนี้อีก แน่นอนว่าเสี่ยวโม่โม่จึงไม่มีทางยั้งมืออยู่แล้ว
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“เกราะพลังวายุ”
เมื่อพลังธาตุวายุหมุนวน ซูอี้ชิงก็ค้นพบนางต่อสู้โดยที่ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณทั้งสามธาตุกับคนเหล่านี้
แต่อย่างไรก็ตาม หากข่าวเรื่องที่นางเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณสามธาตุแพร่กระจายออกไป คาดว่าน่าจะสร้างความตื่นตกใจให้กับแดนซวนเทียนไม่น้อยเลย และนางก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่สงบสุขอีกเลย
เขาทำได้เพียงสังเกตการต่อสู้ของมู่เฉินซีด้วยจิตสำนึกทางจิตวิญญาณของเขาเท่านั้น และหากเป็นสถานการณ์ปกติ การจัดการกับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย
แต่ทว่าในตอนนี้เขากลายเป็นคนที่แขนขาเล็กไปแล้ว ฉะนั้นจึงไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ตูมมมม โครมมม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป และฝีมือของมู่เฉียนซีก็ค่อย ๆ เผยออกมาทีละขั้น แม้ว่าระดับความสามารถของคู่ต่อสู้จะห่างชั้นกันอย่างมาก แต่ก็ไม่เห็นว่านางจะเสียเปรียบแต่อย่างใด
ระดับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งสามารถทำได้ถึงเพียงนี้ ในบรรดาผู้ที่เขารู้จักมาทั้งหมด มีเพียงแค่มู่เฉินซีเท่านั้น
แม้คนที่มีไม้ตายมากมายอย่างมู่หลินหลาง เมื่อตอนที่นางเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปด ก็ยังทำไม่ได้ถึงขั้นนี้เลย อันที่จริงแล้วมู่เฉินซีผู้นี้เป็นใครกันแน่?
ด้วยสกุลที่เหมือนกัน อีกทั้งหน้าตาที่คล้ายคลึงกันถึงเพียงนี้ มันทำให้เขาสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยว่านางต่างหากที่ถูกเลี้ยงดูออกมาให้เป็นอัจฉริยะที่แท้จริงของราชวงศ์ตงหวง และมู่หลินหลางก็เป็นเพียงตัวโกงที่น่าชิงชังที่ถูกใช้เป็นโล่กำบังเท่านั้น
มู่เฉียนซีไม่รู้เลยว่าตอนที่นางกำลังต่อสู้อยู่กับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ซูอี้ชิงจะสามารถเดาถึงตัวตนของนางได้แล้ว
ถึงการคาดเดาเช่นนี้ของซูอี้ชิงจะสมเหตุสมผลถึงเพียงนั้น แต่ทว่ามันก็ยังคงห่างไกลกับความเป็นจริงมากมายนัก
ฉึบ!
ใบพัดอันแหลมคมตัดผ่านต้นคอของคนผู้หนึ่งไป และพลังธาตุวายุที่น่าสะพรึงกลัวก็ทำให้ทั่วทั้งร่างของศัตรูเต็มไปด้วยบาดแผล
มู่เฉียนซีได้ใช้อาวุธลับ เข็มยาที่เต็มไปด้วยพิษกับพวกเขาโดยไม่นึกเสียดายเลยแม้แต่น้อย เพื่อทำให้คนเหล่านี้ได้รู้ว่าผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดตัวกระจิริดผู้นี้ มีความน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใดสำหรับพวกเขา
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
“มันไม่ดีนักที่จะอยู่ที่นี่นานเกินไป พวกเราไปกันเถอะ!”
สัตว์เทพนั้นยากที่จะรับมือ ส่วนแม่สาวน้อยผู้นี้ก็จัดการได้ยากยิ่งกว่าเสียอีก นอกจากนี้ยังมีหนุ่มน้อยที่แข็งแกร่งอีกคนหนึ่งที่จ้องเขมือบพวกเขาอยู่อีกด้วย และพวกเขาก็รู้ดีว่าภารกิจนี้ต้องไม่สำเร็จอย่างแน่นอน
แต่ทว่าในตอนที่พวกเขากำลังจะจากไป ร่างเงาสีเขียวก็พุ่งทะยานมาขวางหน้าพวกเขาเอาไว้ และพวกเขาก็ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้อีก
และมู่เฉียนซีก็ได้ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขากำลังตื่นตระหนก จัดการสหายที่อยู่กับพวกเขา
ปัง ปัง ปัง!
พวกเขาค่อย ๆ ล้มลงไปบนพื้นทีละคน หลังจากนั้นอาถิงก็ปรับพลังของตนเอง และคนที่ถูกหยุดเวลาเอาไว้เหล่านั้นก็สามารถเคลื่อนไหวตัวได้แล้ว
เมื่อครู่นี้พวกเขาไม่รู้เลยว่าเหตุใดตนเองถึงได้สูญเสียการรับรู้ไป และในสภาพจิตใจที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ พวกเขาจึงรีบหนีทันที!
ซูอี้ชิงผงะไปครู่หนึ่ง กระบวนท่านี้ เหตุผลที่เขาล้มลงไป เป็นเพราะฝีมือของหนุ่มน้อยผู้นี้อย่างนั้นสินะ
แต่ทว่าตอนนี้เขาก็ยังคงไม่เข้าใจ ว่าอันที่จริงแล้วเขาทำได้อย่างไรกัน?
หากคนเหล่านี้ต้องการที่จะหนี เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่เพ้อฝันเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ยอมแพ้เถอะ! พวกเจ้าหนีไปไม่รอดหรอก”
“มีเสี่ยวโม่โม่อยู่ด้วย พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะหนีไปได้แม้แต่คนเดียวเลย!” เสี่ยวโม่โม่พุ่งทะยานขึ้นไปกลางอากาศ และมองลงมาที่คนเหล่านี้ ที่กำลังตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
“ทักษะซิวหลัว!”
ตูมมม โครมมม!
ต่อมา มู่เฉียนซีก็ได้ร่วมมือกันกับเสี่ยวโม่โม่ และโจมตีใส่คนที่สูญเสียความตั้งใจในการต่อสู้เหล่านี้อย่างบ้าคลั่ง
ไม่ว่าสำนักหมอทมิฬจะส่งคนมามากมายแค่ไหน แต่มู่เฉียนซีก็ได้กำจัดพวกเขาไปทั้งหมดโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย
การเคลื่อนไหวคราวนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายค่อนข้างมาก มู่เฉียนซีอุ้มอี้ชิงน้อยเอาไว้แล้วกล่าวกับเสี่ยวโม่โม่ว่า “เสี่ยวโม่โม่ พวกเราถอยกันก่อนเถอะ!”
“เจ้าค่ะ!”
หลังจากที่ออกมาแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้ปรับพลังวิญญาณอยู่บนหลังของเสี่ยวโม่โม่ นางยังคงไม่ได้ก้าวเข้าสู่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าอยู่ดี
อาถิงกล่าวว่า “หญิงอัปลักษณ์ ทุกคนต่างก็ยอมรับความจริงว่าเจ้าอ่อนแอมากเพียงใด แล้วจะรีบร้อนไปทำไมกัน? ถึงอย่างไรก็มีข้าอยู่ด้วย ยังมีใครสามารถรังแกเจ้าได้อีกอย่างนั้นหรือ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “การฝึกฝนเพื่อเลื่อนขั้นไม่รีบไม่ได้หรอก”
ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงตั้งสมาธิเพื่อการฝึกฝน และเป้าหมายต่อไปก็คือเมืองใหญ่ของดินแดนทางทิศตะวันออก เพราะตอนนี้เมืองแห่งนี้เล็กเกินไปหน่อย จึงทำให้ข่าวยังแพร่กระจายออกไปไม่เพียงพอ
เมืองตงหลิวเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองใหญ่ของดินแดนทางทิศตะวันออก และพวกของมู่เฉียนซีก็มาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย
นางจ้องมองไปยังกำแพงที่สูงตระหง่านแล้วกล่าวว่า “ซูอี้ชิงน้อย เจ้าว่าหากข้าแขวนเจ้าไว้บนกำแพงนี้หลังจากนั้นก็เขียนป้ายไว้บนตัวเจ้าว่า ข้าคือซูอี้ชิงเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่ง ข้าคือคนที่น่ารักมากที่สุดบนโลกใบนี้ เป็นเด็กน้อยที่บ้องแบ๊วที่สุด เจ้านายของข้าคือมู่เฉินซี ข้าเชื่อฟังมู่เฉินซีที่สุด…”
“อุแว้ อุแว้ อุแว้!” ซูอี้ชิงหนาวสั่นขึ้นมาทันที จากนั้นก็กรีดร้องเสียงดังสนั่น ร้องออกมาอย่างมืดฟ้ามัวดินเลยทีเดียว!
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าใกล้จะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงแล้ว ดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นมากเลยสินะ”
ซูอี้ชิงยังคงร้องต่อไป มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “เป็นทาสของข้าอย่างเชื่อฟังเสียเถอะ แล้วข้าจะไม่ทำเช่นนั้น ไม่อย่างนั้น…”
ซูอี้ชิงจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซี และไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมประนีประนอมอย่างง่ายดายแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเมินเฉยมากว่า “ช่างเป็นเด็กที่ไม่เชื่อฟังจริง ๆ ข้าเดินทางมาเหนื่อยแล้ว หาสถานที่พักผ่อนก่อนแล้วกัน! ส่วนเรื่องที่จะแขวนเจ้าไว้บนกำแพง ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่รีบร้อนมากขนาดนั้นหรอก”
“เอาล่ะ! ถึงอย่างไรก็ต้องเลือกเอาวันที่ฤกษ์งามยามดีที่มีคนหลั่งไหลเข้ามาในเมืองมากที่สุดสินะ!” มู่เฉียนซีจ้องมองไปยังซูอี้ชิงด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
ซูอี้ชิงรู้สึกว่าตนเองถูกทำให้โกรธจนช้ำในไปหมดแล้ว เขาเดินทางมายังแดนซวนเทียนตั้งแต่เด็ก และพบเจอกับผู้หญิงที่ชั่วร้ายมาก็มากมาย ทั้งนางปีศาจ นางแม่มด นางมารและอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเขาก็ไม่เคยเห็นมันอยู่ในสายตาเลย
แต่ทว่าเมื่อเอาคนเหล่านั้นมาเทียบระดับความชั่วร้ายกับมู่เฉินซีผู้นี้แล้ว ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว
เมื่อบอกว่าจะพักผ่อนก็ได้พักผ่อนจริง ๆ เพราะคืนนี้ไม่มีใครมาหาเรื่องอีกแล้ว และมู่เฉียนซีก็พาอาถิงไปเดินเล่นในวันรุ่งขึ้น
สาวน้อยคนหนึ่ง กับหนุ่มน้อยที่งดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่งบวกกับเด็กทารกอีกคนหนึ่งที่พากันไปเดินเล่น เป็นทัศนียภาพที่หาได้ยากยิ่งบนถนนที่คึกคักที่สุดของเมืองตงหลิวแห่งนี้
นอกจากนี้มู่เฉียนซีก็ได้ซื้อสิ่งของที่อาถิงสนใจทั้งหมด โดยที่ไม่สนใจเลยว่าจะต้องเสียเงินมากเท่าไรก็ตาม
ซึ่งของส่วนใหญ่เหล่านั้นต่างก็เป็นของที่ไร้ประโยชน์ และซูอี้ชิงเองก็รู้สึกว่าทั้งสองเหมือนลูกล้างลูกผลาญอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
ผลสุดท้ายซูอี้ชิงจึงได้ค้นพบว่า การซื้อของอย่างล้างผลาญเช่นนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น เพราะเมื่อตอนที่มู่เฉียนซีพุ่งเข้าไปในร้ายขายยาเพื่อซื้อสมุนไพรวิญญาณ นั่นต่างหากถึงเรียกว่าการล้างผลาญที่ไร้มนุษยธรรมอย่างแท้จริง
เมืองตงหลิวเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง ฉะนั้นจึงมีร้านยาที่สำรองสมุนไพรวิญญาณอยู่มากมาย แน่นอนว่ามู่เฉียนซีกว้านซื้อมาอย่างไม่ลังเลเลย
ซูอี้ชิงดูการกระทำทั้งหมดนี้ ด้วยสีหน้าที่เย็นชา
เจ้าของร้านจ้องมองอย่างสนใจ แล้วกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “แม่นาง น้องชายของเจ้าผู้นี้น่าสนใจมากจริง ๆ อายุเพียงไม่กี่เดือนก็ปวดใจเรื่องการใช้เงินของเจ้าแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวพลางคลี่ยิ้มจนตาหยีว่า “ไม่เห็นมีอะไรต้องปวดใจเลย รอเมื่อเจ้าโตแล้ว ตราบใดที่เจ้าเชื่อฟังข้า ข้าจะเก็บเงินไว้ให้เจ้าใช้อย่างเพียงพอแน่นอน”
สีหน้าของซูอี้ชิงเย็นชามากขึ้นไปอีก เพราะมีความหมายซ่อนอยู่ในคำพูดของผู้หญิงคนนี้ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมเป็นทาสของนางอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีก็รู้ดีว่าซูอี้ชิงเป็นคนที่เอาชนะได้ยากคนหนึ่ง แต่นางเป็นคนมีความอดทนมากทีเดียว
มู่เฉียนซีหาคนกลุ่มหนึ่งในเมืองตงหลิวต่อหน้าซูอี้ชิง แล้วกล่าวกับพวกเขาว่า “ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้ากระจายข่าวที่เกี่ยวกับนักฆ่าอันดับหนึ่งอย่างซูอี้ชิง”
.