ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2024 ลูกชายของลูกพี่
“อะไรน่ะ?”
“พวกเราติดกับแล้ว”
ผู้อาวุโสทุกท่านถูกทำให้หมดสติไปแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้คนอื่น ๆ ตกใจกันเป็นอย่างมาก
“อุแว้ อุแว้ อุแว้!”
หนีเร็วเข้า!
ซูอี้ชิงต้องการที่จะพูดเช่นนี้ แต่ผลของการพูดได้กลายเป็นเสียงร้องไห้ที่ดังกึกก้องแทน และเหล่าลูกน้องของเขาก็ฟังมันไม่เข้าใจเลยแม้แต่คนเดียว
ด้วยเหตุนี้เสียงของการต่อสู้ที่ดุเดือดภายในนี้จึงได้มีเสียงร้องของเด็กทารกดังไปพร้อมกันด้วย ซึ่งมันก็อึกทึกครึกโครมมากเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ดูสิว่าพวกเจ้าแต่ละคนดูชั่วร้ายมากเพียงใด อี้ชิงน้อยร้องไห้ด้วยความตกใจไปหมดแล้ว พวกเจ้านี่สมควรโดนลงโทษเสียจริง ๆ”
“นี่เจ้ากำลังให้ร้ายลูกพี่ของพวกข้าอย่างนั้นหรือ!”
“ข้าจะสู้กับเจ้าเอง นางแม่มด!”
“…”
จุดจบของการต่อสู้ในครั้งนี้ ซูอี้ชิงรอมันไม่ไหวแล้ว
เพราะหลังจากที่ร่างกายทารกของเขาร้องไห้ออกอย่างหนักจึงทำให้ค่อนข้างเหนื่อยอ่อน และหนังตาทั้งบนและล่างของเขาก็เริ่มต่อสู้กัน จนในที่สุดเขาก็ตกเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูต่อ แต่ก็รู้ผลของการต่อสู้ในครั้งดีว่า ลูกน้องของเขาเหล่านั้น ไม่มีทางเอาชนะมู่เฉียนซีได้เป็นแน่
ปัง ปัง ปัง!
เมื่อผ่านมาแล้วครึ่งค่อนคืน นักฆ่าชั้นยอดจากหอรัตติกาลที่ได้มาเผชิญหน้ากับมู่เฉียนซีเหล่านี้ ต่างก็ต้องได้รับความพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป!
“เป็นเพราะว่าคราวนี้พวกเราไม่ระมัดระวังมากเกินไป ฉะนั้นพวกเราขอยอมรับความพ่ายแพ้!”
“ก่อนที่พวกเราจะต้องตาย อย่างไรเสียเจ้าก็บอกพวกเราหน่อยเถอะว่าที่จริงแล้วลูกพี่เป็นอย่างไรกันแน่? ไม่อย่างนั้นพวกเราจะต้องตายตาไม่หลับอย่างแน่นอน”
ทั่วทั้งร่างกายของพวกเขาแต่ละคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ยอมที่จะตายไปทั้งอย่างนี้จริง ๆ!
มู่เฉียนซียกอี้ชิงน้อยขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ลูกพี่ของพวกเจ้าอยู่ที่นี่!”
“พวกเราต่างก็จะถูกเจ้าฆ่าอยู่แล้ว เจ้ายังจะพูดจาตลกเช่นนี้อยู่อีกอย่างนั้นหรือ?” ภายในใจของพวกเขาโกรธมากจริง ๆ
มู่เฉียนซีเขย่าร่างของอี้ชิงน้อย และมันก็ได้ปลุกให้ซูอี้ชิงตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เฮ้! พวกเขาไม่ยอมเชื่อข้า เจ้าบอกมาสิว่าข้าควรจะทำเช่นไรดี?”
ซูอี้ชิงเม้มริมฝีปากแล้วมองไปทางนาง เรื่องที่เป็นราวกับปาฎิหาริย์เช่นนี้ หากลูกน้องของเขาเชื่อก็คงจะแปลกแล้ว
“หากเจ้าไม่ให้คำแนะนำ เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงทำตามความคิดของตัวข้าเองแล้ว” จากนั้นมุมปากของมู่เฉียนซีก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ซูอี้ชิงสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องคิดเรื่องไม่ดีอีกแล้วเป็นแน่
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางพวกเขาพลางกล่าวว่า “หากพวกเจ้าไม่ชอบให้ข้าล้อเล่น เช่นนั้นข้าก็จะไม่ล้อเล่นอีกต่อไปแล้ว! แม้ว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่ใช่ลูกพี่ของพวกเจ้า แต่นี่คือลูกของลูกพี่ของพวกเจ้า!”
“เป็นไปไม่ได้! ลูกพี่ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วจะมีลูกได้อย่างไร?”
“เจ้าพูดจาเหลวไหล!”
มู่เฉียนซีบีบไปที่ใบหน้าของอี้ชิงน้อยพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเจ้าก็ลองดูให้ละเอียดถี่ถ้วนสิ! ลองดูที่ดวงตาคู่นี้ ว่ามันเหมือนลูกพี่ของพวกเข้าหรือไม่!”
ปกติซูอี้ชิงใช้การแปลงโฉม แต่เมื่อย้อนเวลากลับไปจนมีรูปร่างเป็นทารกเช่นนี้ มันจึงทำให้เขาไม่สามารถแปลงโฉมได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่อย่างไรดวงตาคู่นี้ ก็ไม่ง่ายเลยที่จะใช้การแปลงโฉมเปลี่ยนมัน
ซูอี้ชิงกำลังพยายามที่จะส่งข้อความบางอย่างให้กับลูกน้องของเขา แต่เป็นเพราะดวงตาที่เหมือนกับซูอี้ชิงคู่นั้น จึงทำให้ลูกน้องแต่ละคนของเขาจ้องมองอย่างตกตะลึงกันไปหมดแล้ว
“มะ…เหมือนจริง ๆ ด้วย?”
“พวกเรายังโสดกันอยู่เลย! คิดไม่ถึงเลยว่าลูกพี่จะแอบไปคลอดลูกได้ ฮือออออ!”
“……”
ซูอี้ชิงโกรธจนแก้มของเขาป่องขึ้น เจ้าคนโง่เง่าพวกนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่เข้าใจคำใบ้ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อยเช่นนี้…
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่สงสัยหรือว่าเพราะเหตุใดลูกพี่ของพวกเจ้าถึงต้องรับภารกิจสังหารผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งเช่นนี้? นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ลูกพี่ของพวกเจ้าได้แล้วทิ้ง ก็ยังตั้งใจอยากที่จะแย่งเด็กไปอีก!”
“โชคดีที่ฟ้ายังมีตา เพื่อนของข้าจึงมาช่วยเหลือได้ทันเวลา มิเช่นนั้นเขาคงทำสำเร็จจริง ๆ แน่”
มู่เฉินซี เจ้าช่างกล่าววาจาได้น่าเศร้าสลดเสียเหลือเกิน!
ซูอี้ชิงมองนางที่กำลังพูดเรื่องโกหกอย่างตาไม่กระพริบด้วยท่าทางที่เฉยชา
พวกเขาแต่ละคนกำลังประท้วงอยู่ภายในใจว่า “ไม่มีทาง! ลูกพี่ของพวกเราไม่ใช่คนเลวทรามเช่นนั้นแน่!”
“เจ้าพูดโกหก!”
“……”
“หากข้าพูดโกหก เช่นนั้นจะอธิบายเรื่องเด็กคนนี้ว่าอย่างไร! หากพวกเจ้าไม่อยากเชื่อ ก็สามารถให้ท่านผู้เฒ่าของเขามาดูเพื่อยืนยันก็ได้ มาลองดูว่ารูปร่างหน้าตาของเขาโตมาเหมือนกับซูอี้ชิงอย่างกับแกะหรือไม่! หากยังไม่แน่ใจอีกละก็ พวกเจ้าสามารถเอาเลือดไปตรวจสอบดูด้วยก็ได้”
ในเมื่อมู่เฉียนซีพูดถึงขนาดนี้แล้ว มันก็ทำให้พวกเขาอดที่จะสงสัยไม่ได้
นางกล่าวว่า “วันนี้ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า พาคนพวกนี้ออกไปเถอะ! แต่หากพวกเจ้าต้องการที่จะยืนยันตัวตนของเด็กคนนี้ ก็สามารถเชิญข้าไปเป็นแขกของหอรัตติกาลของพวกเจ้าอย่างยิ่งใหญ่ได้ แม้ว่าข้าจะไม่ชอบเจ้าคนที่รู้แต่เรื่องฆ่าคนและยังเป็นเจ้าคนเลวที่ไม่เข้าใจความรักระหว่างชายหญิงอย่างนั้น แต่ก็ควรที่จะหาสถานที่ที่สะดวกสบายให้เด็กคนนี้ได้เติบโตอยู่ดี”
ซูอี้ชิงยังคงฟังมู่เฉียนซีด่าเขาด้วยท่าทางที่เรียบเฉย พลางถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาในเวลาเดียวกัน
นางไม่ได้วางแผนที่จะฆ่าพวกเขา อีกทั้งยังไม่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเหมือนตอนที่จัดการกับคนของสำนักหมอทมิฬเหล่านั้นอีกด้วย
แต่ทว่าการเชิญนางไปยังใจกลางหอรัตติกาล เช่นนั้นก็เหมือนกับเป็นการชักศึกเข้าบ้านไปอย่างสิ้นเชิงเลยน่ะสิ!
“อุแว้ อุแว้ อุแว้!” เจ้าพวกโง่เง่านี่ อย่าตอบรับเด็ดขาดเลยนะ!
และนักฆ่าเหล่านั้นก็ผงะไปครู่หนึ่งเช่นกัน ในฐานะนักฆ่าเรื่องที่ทำภารกิจล้มเหลวและต้องถูกฆ่านั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะไว้ชีวิตพวกเขาเช่นนี้
“หากเป็นสายเลือดของลูกพี่ พวกเราก็ไม่ยอมให้เขาต้องไประเหเร่ร่อนอยู่ข้างนอกแน่นอน”
ความหมายนี้แปลว่ารับปากแล้ว การเตือนของเขาช่างเสียเปล่าจริง ๆ และอี้ชิงน้อยก็ได้แต่กลอกตาด้วยความโกรธ
“พวกเราสามารถให้แม่นางไปตรวจสอบตัวตนของเด็กคนนี้ที่หอรัตติกาลได้ แต่ทว่าแม่นางบอกพวกเราหน่อยได้หรือไม่ว่าลูกพี่อยู่ที่ใด”
สุดท้ายแล้วมู่เฉียนซีก็กล่าวตอบว่า “บอกไม่ได้หรอก!”
ที่แห่งนี้ต่อสู้กันจนไม่สามารถอยู่ได้แล้ว เช่นนั้นมู่เฉียนซีจึงเปลี่ยนสถานที่ในการพักผ่อน โดยที่ถือเจ้าก้อนกลมนั่นไปด้วย
ส่วนนักฆ่าเหล่านี้ต่างมองหน้ากันและกัน “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรากลับไปรายงานกันก่อนเถอะ!”
เมื่อพวกเขาได้รายงานเรื่องนี้ให้ทุกคนได้ทราบโดยทั่วกันแล้ว ทั้งหอรัตติกาลก็ระเบิดขึ้นมาทันที “อะไรนะ? แม้แต่ลูกพี่ยังมีลูกแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“ลูกพี่เป็นผู้ชายที่แย่มาก ได้แล้วทิ้ง นอกจากนั้นยังจะแย่งเด็กมาอีก”
“……”
ในที่สุดชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวก็กล่าวขึ้นมาว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม่สาวน้อยผู้นั้นก็เป็นคนเดียวที่รู้ที่อยู่ของซูอี้ชิง ส่วนเด็กน้อยคนนั้น หากตรวจสอบแล้วเป็นสายเลือดของซูอี้ชิงจริง ๆ พวกเราจะต้องเลี้ยงดูเขาอย่างดีแน่นอน”
“เด็ก ๆ เตรียมจัดสถานที่อย่างหรูหรา เพื่อต้อนรับแม่นางมู่ที่กำลังจะมายังหอรัตติกาลของพวกเรา! อย่าให้ใครมาดูถูกหอรัตติกาลของพวกเราเอาได้”
“ขอรับ!”
คนของหอรัตติกาลทำงานกันรวดเร็วมาก ก่อนที่มู่เฉียนซีนั้นจะตื่น อี้ชิงน้อยก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยด้วยเสียงตีฆ้องร้องป่าวเหล่านั้นเสียแล้ว ซึ่งมันก็ได้ทำให้เมืองตงหลิวมีชีวิตชีวาขึ้นเป็นอย่างมาก จนคิดไปว่าเป็นตระกูลไหนกันแน่ที่จัดงานมงคลขึ้น
แต่ทว่านี่ไม่ได้เป็นการจัดงานมงคลอย่างยิ่งใหญ่แต่อย่างใด และก็มีคนที่สายตาเฉียบคมบางคนค้นพบเรื่องสำคัญบางอย่าง
“สะ…สองคนที่เหลือนั่น ไม่ใช่ผู้พิทักษ์หลักทั้งสองของหอรัตติกาลหรอกหรือ?”
“ดูเหมือนว่าจะใช่!”
คนที่นำมาทั้งสองคนนั้นก็คือชายวัยกลางคนที่พุ่งทะยานมาราวกับพยัคฆ์ และความสามารถของพวกเขาก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด ซึ่งผู้อื่นไม่กล้าที่จะดูแคลนเลยทีเดียว
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน? หรือว่าหอรัตติกาลมีงานใหญ่อย่างนั้นหรือ?”
คนของหอรัตติกาลหยุดอยู่หน้าประตู และได้เข้าไปเชิญมู่เฉียนซีให้ลงมา จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้อุ้มอี้ชิงน้อยออกมาด้วย
ซูอี้ชิงรู้สึกว่า ได้ถูกฉากที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าทำให้ตาบอดไปเสียแล้ว คนเหล่านี้ทำตามที่ผู้หญิงคนนี้บอกจริง ๆ ด้วย ใช้สมองกันไม่เป็นหรืออย่างไรกันฮะ!
ในฐานะนักฆ่าอันดับหนึ่ง ทำให้ซูอี้ชิงมีอารมณ์ที่ปั่นป่วนได้น้อยมาก แต่หลังจากที่ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของผู้หญิงคนนี้ อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงในทุก ๆ วันของเขา มันมีมากกว่าทั้งชีวิตของเขาตั้งแต่เกิดมาเสียอีก
ผู้พิทักษ์จั่วมองไปที่เด็กน้องคนนั้นพลางยิ้มจนตาหยี ช่างมีแววตาที่เหมือนกับซูอี้ชิงจริง ๆ จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “แม่นางมู่ เจ้าพอใจหรือไม่?”
.