ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2028 ไม่อนุญาต ไม่อนุญาต
ซูอี้ชิงยังคงนิ่งเงียบต่อไป มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “หากเจ้ายินยอม ก็บอกข้ามาแล้วกัน”
ในเมื่อเขาดูไม่น่าจะรับปากเร็วขนาดนั้น มู่เฉียนซีก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร “เจ้าลองคิดดูเถอะ”
รอหลังจากที่มู่เฉียนซีจากไปแล้ว ซูอี้ชิงก็ยังคงครุ่นคิดอยู่ตลอด
แน่นอนว่าเขาไม่อยากไร้ความสามารถเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว!
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผู้หญิงคนนี้ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจูเชว่ที่ให้ความสำคัญต่อผู้หญิงคนนี้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้นางยังเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบาย ซึ่งจูเชว่ก็เชื่อมันอย่างสนิทใจ แต่เขากลับรู้สึกว่านางไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย อีกทั้งยังมีความสามารถที่แปลกประหลาดของหนุ่มน้อยผู้นั้นรวมไปถึงใบหน้าที่มีความคล้ายคลึงกับมู่หลินหลางนั่นอีกด้วย
เขาจะต้องทำให้ชัดเจนว่าที่จริงแล้วนางเป็นใครกันแน่? และนางใช่คนของราชวงศ์ตงหวงหรือไม่?
ซูอี้ชิงคิดหนักเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้วเขาก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่น เขานี่ช่างดูถูกวิธีการของผู้หญิงคนนี้มากเกินไปจริง ๆ เขาค่อย ๆ ถูกบีบไปทีละขั้นและสุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่เลือกทางออกนี้เท่านั้น
การทรมานทางจิตใจที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นเด็กทารกที่ไร้ความสามารถเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วมันยากที่จะรับได้มากกว่าการทารุณอย่างโหดเหี้ยมใด ๆ เสียอีก
แต่การเป็นทาส…
ซูอี้ชิงรู้สึกคับแค้นใจ แต่ในฐานะนักฆ่า เพื่อที่จะจัดการกับเป้าหมายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบทบาทใดเขาก็ต้องเล่นให้ได้
หากสามารถช่วยจัดการกับภัยคุกคามให้กับพ่อบุญธรรมได้ เรื่องแค่นี้ก็ถือว่าไม่มีความหมายอะไรเลย
วันรุ่งขึ้น ซูอี้ชิงก็มองไปทางมู่เฉียนซี และดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะเข้าใจอะไรบางอย่าง จึงกล่าวว่า “เจ้ายอมรับแล้วอย่างนั้นหรือ!”
อี้ชิงน้อยอิดออดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ใช้ศีรษะเล็ก ๆ กลม ๆ นั่นผงกหัวเล็กน้อย
“เจ้ายอมรับเสียตั้งแต่แรกก็จบแล้ว พวกเราทั้งสองจะได้ไม่ต้องทรมานนานถึงเพียงนี้” มู่เฉียนซีกล่าวพลางคลี่ยิ้มจนตาหยี
“อาถิง! ทำให้ซูอี้ชิงเปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเดิมเถอะ!”
“เจ้าบอกให้ข้าเปลี่ยนกลับแล้วจะให้เปลี่ยนกลับเลยหรืออย่างไร! มันจะทำให้ข้าขายหน้าเกินไปแล้วนะ!” ทันใดนั้นก็มีร่างเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้ามู่เฉียนซี
สำหรับซูอี้ชิงแล้ว การมีอยู่ของอาถิงนั้นเป็นสิ่งที่ลึกลับมาก
เขามองความแข็งแกร่งของเขาไม่ออกเลย นอกจากนี้การเข้ามาในหอรัตติกาลของพวกเขานั้น ก็เหมือนกับการเข้ามาในดินแดนที่ร้างผู้คนก็มิปาน ฉะนั้นเขาจึงมิแปลกใจเลยที่ผู้หญิงคนนี้สามารถเข้ามายังอาณาเขตลึกลับของเขาได้อย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อาถิง ขอร้องล่ะ! นอกจากเจ้าแล้ว บนโลกใบนี้ก็ไม่มีใครสามารถทำได้อีกแล้ว”
“นั่นไม่ใช่เพราะว่าเจ้ามันไร้ประโยชน์หรอกหรือ เจ้าอ่อนแอเกินไปแล้ว ข้ารู้สึกว่าเขาที่เป็นเช่นนี้ดูแล้วจะสบายตากว่าก่อนหน้านี้มากนัก ให้เป็นอย่างนี้ไปนั่นแหละ!”
“ที่แท้อาถิงเจ้าก็ชอบเด็กเล็กนี่เองสินะ! ข้าดูไม่ออกเลย!”
“เจ้าคิดมากไปแล้ว ในบรรดามนุษย์อย่างพวกเจ้าแน่นอนว่าเด็กเล็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญที่สุดแล้ว”
“……”
อาถิงไม่อยากฟื้นให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิม ดังนั้นเขาจึงพยายามเกลี้ยกล่อม ผลสุดท้ายแล้วอี้ชิงน้อยก็ไม่ได้ฟื้นตัวกลับมาอย่างง่ายดายเท่าไรนัก
เมื่อเห็นทั้งสองคนเถียงกันไปมา ซูอี้ชิงก็ได้แต่หดหู่ใจ และคิดว่าผู้หญิงคนนี้ลืมเขาไปจนสิ้นแล้วอย่างนั้นหรือ?
ในช่วงกลางดึก อี้ชิงน้อยถูกทำให้ตื่นขึ้น เขามองเห็นดวงตาสีเขียวอ่อนที่ดูเย็นชาเล็กน้อยคู่หนึ่ง
ถึงจะกล่าวว่าหนุ่มน้อยในตอนกลางวันนั้นหยิ่งผยองและชอบถกเถียงอย่างสดใส แต่ทว่าหนุ่มน้อยที่อยู่ต่อหน้าเขาในเวลานี้ กลับดูเหมือนเทพเจ้าที่มองทุกสรรพสิ่งเป็นราวกับฝุ่นผงอย่างไรอย่างนั้น
ซูอี้ชิงผงะไปเล็กน้อย นี่คือรูปลักษณ์ที่แท้จริงของหนุ่มน้อยคนนี้อย่างนั้นสินะ!
การแสดงออกทั้งหมดของเขาก่อนหน้านี้ เดิมทีแล้วไม่ใช่บุคลิกที่ผู้แข็งแกร่งต้านสวรรค์คนหนึ่งพึงมีเลยด้วยซ้ำ
แต่ความจริงแล้วข้อเท็จจริงนั้นตรงกันข้ามกับที่ซูอี้ชิงคิดโดยสิ้นเชิง เพราะมีเพียงตอนที่อยู่ต่อหน้ามู่เฉียนซีและสุ่ยจิงอิ๋งเท่านั้น อาถิงถึงจะแสดงนิสัยที่แท้จริงที่สุดออกมาได้
อาถิงยืนอยู่ตรงหน้าของเขา จากนั้นก็มองลงมาที่เขาอย่างเย่อหยิ่งและก้าวร้าว พลางกล่าวว่า “เมื่อเป็นทาสก็จะต้องทำตัวให้เหมือนทาส เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ทรยศผู้หญิงคนนั้น ไม่อนุญาตให้ทำร้ายผู้หญิงอัปลักษณ์นั่น ไม่อนุญาต…”
เขาพูดคำว่าไม่อนุญาตติดต่อกันจนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเลยทีเดียว
“ผู้หญิงคนนั้นมักจะล่อฝูงผึ้งเรียกผีเสื้ออยู่เสมอ ซึ่งแค่นั้นมันก็ทำให้ข้าโมโหนางมากอยู่แล้ว ฉะนั้นเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ชอบ แน่นอนว่าต้องไม่อนุญาตให้ชอบนาง ได้ยินหรือยัง!”
อี้ชิงน้อยอดที่จะกลอกตาไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงนิสัยที่เลวร้ายขั้นสุด และความเจ้าเล่ห์อย่างไม่มีใครเกินของผู้หญิงคนนั้นเลย เพราะอาศัยเพียงแค่ใบหน้าหน้านั้นของนางก็ทำให้เขาไม่สามารถชอบนางได้ไปตลอดชีวิตแล้ว
อย่าว่าแต่ชอบเลย เพียงแค่ความรู้สึกดี ๆ ยังไม่มีทางมีเลยแม้แต่น้อย
และพลังที่น่าอัศจรรย์นั้นก็ได้ห่อหุ้มร่างของซูอี้ชิงขึ้นมา ทันใดนั้นแขนขาเล็ก ๆ ของเขานั้นก็เปลี่ยนไปในทันที และเพียงไม่นานเขาก็สามารถยืนขึ้นได้แล้ว
ทันทีที่ฟื้นตัวกลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้แล้ว ซูอี้ชิงก็รู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อยเช่นกัน แต่หนุ่มน้อยผู้นั้นก็หายไปอย่างไม่ทันได้รู้ตัวเสียแล้ว
ร่างกายได้เติบโตขึ้นมาแล้ว ส่วนพลังก็ฟื้นคืนกลับมาแล้วเช่นกัน
วันเวลาที่ถูกมู่เฉียนซีทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ นานาเหล่านั้น ได้ทำให้ซูอี้ชิงไม่สามารถระงับความโกรธแค้นของตนเองลงได้ และเขาก็เตรียมที่จะพุ่งตัวไปหามู่เฉียนซีเพื่อคิดบัญชีแค้นนี้
แต่เสียงลมหายใจของคนที่อยู่ภายในห้องนั้นมั่นคงจนดูเหมือนว่าจะหลับสนิทไปแล้ว ในที่สุดซูอี้ชิงก็หยุดฝีเท้าลง หนุ่มน้อยคนนั้นจะต้องอยู่อย่างแน่นอน มิเช่นนั้นนางคงไม่กล้าวางใจขนาดนี้ได้หรอก
ทุกครั้งที่ได้สัมผัสกับหนุ่มน้อยผู้นั้น เขาก็ได้ค้นพบว่าพลังของหนุ่มน้อยนั่นน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด ถึงซูอี้ชิงจะมั่นใจในตนเอง แต่ก็ระงับความโกรธแค้นที่อยู่ภายในหัวใจลง หลังจากนั้นก็เดินออกไป…
“ลูกพี่!”
“ลูกพี่ท่านกลับมาแล้วหรือ?”
“ลูกพี่ท่านดูดีมากเลย ดูท่าแล้วช่วงเวลาที่ท่านหายไปจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ได้แย่เลยอย่างนั้นสินะ!”
สีหน้าของซูอี้ชิงนั้นยังดูเป็นปกติมาก เพราะเขานั้นถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี อีกทั้งยังดูไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับบาดเจ็บเจียนตายมาแล้ว
แต่ทว่าสีหน้าของซูอี้ชิงกลับเย็นชาขึ้นมาทันที พวกเขาเอาตาที่ไหนมามองว่าเขาใช้ชีวิตมาอย่างดีกัน ในช่วงสิบปีกว่ามานี้เขาไม่เคยใช้ชีวิตอย่างเลวร้ายเช่นนี้มาก่อนเลยต่างหากล่ะ
“ลูกพี่ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว พวกข้าเป็นห่วงท่านมากเลยจริง ๆ!”
“ลูกพี่ ท่านไปดูลูกชายของท่านแล้วหรือยัง ท่าน…”
“ไสหัวออกไปให้หมด เย็นวันนี้ พวกเจ้าต้องไปเป็นคู่ซ้อมให้ข้า!”
ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่เรียกว่า ‘ลูกชาย’ สีหน้าของซูอี้ชิงก็เปลี่ยนเป็นน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาทันที
เขาไม่กล้าที่จะโจมตีมู่เฉินซีอย่างบุ่มบ่าม เช่นนั้นจึงทำได้เพียงลากลูกน้องเหล่านี้ของเขาออกไปฝึกฝนด้วยกันเท่านั้น!
ทันใดนั้น เหล่าลูกน้องของเขานี้ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีฟ้าผ่าลงมากลางวันแสก ๆ เลยทีเดียว!
“ลูกพี่ ไม่เอาน่า! ท่านพึ่งจะกลับมาไม่ต้องบ้าคลั่งขนาดนี้ก็ได้นะ!”
“ลูกพี่… ขอกำลังเสริมด้วย!”
“……”
ช่วงที่ผ่านมานี้ซูอี้ชิงได้ถูกมู่เฉียนซีจัดการอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งตอนนี้เขาก็ฟื้นตัวกลับมาแล้ว และหากไม่บ้าคลั่งเขาจะต้องถูกทำให้หายใจไม่ออกตายอย่างแน่นอน!
“อ๊ากกกก!”
“ลูกพี่ ได้โปรดออมมือด้วย!”
“พวกเราทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ? ช่วงนี้พวกเราดูแลนายน้อยเป็นอย่างดีเลยนะ! ลูกพี่ ถือว่าเห็นแก่นายน้อยท่านอย่าโหดร้ายต่อพวกเรานักเลย!”
“ใช่แล้ว! นอกจากนี้ข้ายังมอบสมบัติก้นหีบของข้าให้เขาไปหมดแล้วด้วย”
พวกเขาไม่พูดเสียยังจะดีกว่า เพราะทันทีที่พูดมันกลับทำให้ซูอี้ชิงยิ่งลงมืออย่างโหดเหี้ยมมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นักฆ่าที่ถูกซูอี้ชิงลากไปเป็นคู่ซ้อมในคืนนี้ต่างค่อนข้างน่าสังเวชมากเลยทีเดียว
และในวันรุ่งขึ้นมู่เฉียนซีก็ไม่เห็นอี้ชิงน้อยอีกแล้ว นางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อาถิงดีจริง ๆ เลย”
“เหอะ! ดีแค่ไหนกันเชียว ดีกว่านิรันดร์ ดีกว่าพิฆาตวิญญาณ? หรือดีกว่าคนชุดขาวนั่นกันล่ะ?”
อาถิงกล่าวออกมาหลายชื่อด้วยเสียงที่ฟึดฟัด “พูดคำไพเราะเสนาะหูที่ลวงหลอกเหล่านั้นก็ต่อเมื่อตอนที่อยากใช้งานข้าเท่านั้นแหละ เจ้าคิดว่าเจ้าจะหลอกข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
“อาถิงดีที่สุด เจ้าดีที่สุดแล้ว ดีที่สุดเลย!”
อาถิงจ้องมองไปที่นาง ในใจก็คิดว่าจะต้องมีความตั้งใจมากกว่านี้ และอย่าให้ถูกผู้หญิงอัปลักษณ์นี่หลอกเอาได้
ทว่าตอนนี้มุมปากของเขากลับกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะว่าความจริงแล้วภายในใจของเขาตอนนี้รู้สึกดีมากเลยทีเดียว
เมื่อรู้ว่ามู่เฉียนซีตื่นแล้ว ซูอี้ชิงก็ได้มาหามู่เฉียนซี และมองไปที่นางด้วยสายตาเย็นชา สีหน้านั้นดูบิดเบี้ยวราวกับว่าลูกชายได้ตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้นเลย
ถึงมู่เฉียนซีจะมองเห็นกลิ่นอายที่อันตรายมากของซูอี้ชิงแต่กลับยังกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างกล้าหาญว่า “อรุณสวัสดิ์อี้ชิงน้อย! เจ้าโตเร็วมากเลยจริง ๆ! เพียงแค่คืนเดียวเจ้าก็โตขึ้นมามากขนาดนี้แล้วอย่างนั้นหรือ?”
.
.