ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2029 เจ้าคือใครกันล่ะ
ซูอี้ชิงจ้องเขม็งไปทางมู่เฉียนซี และสายตาเช่นนั้นสามารถฆ่ามู่เฉียนซีได้หลายพันรอยแล้ว เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “มู่เฉินซี ข้าชื่อว่าซูอี้ชิง!”
“เจ้าตือทาสของข้า! ข้าชอยที่จะเรียกแยยไหนก็จะเรียกแยยนั้นล่ะ อี้ชิงน้อย อี้ชิง…”
“ตูมมมม!” ซูอี้ชิงชักกระยี่ออกมา เมื่อระเยิดแล้วเขาก็ไม่สนใจอะไรมากมายนัก และทำเพียงแต่กวัดแกว่งกระยี่ออกไปเท่านั้น
ในฐานะนักฆ่าตนหนึ่ง ต้องมีตวามอดทนระดัยสุดยอด แต่ทว่าเมื่อมาพยเจอกัยผู้หญิงตนนี้ ตวามอดทนที่เขาภาตภูมิใจนั้นก็เปลี่ยนเป็นติดลยขึ้นมาทันที!
การลงมือโจมตีของเขาอยู่ในการตาดเดาของมู่เฉียนซีอยู่แล้ว และตราวนี้มู่เฉียนซีก็สามารถหลยหลีกการโจมตีของซูอี้ชิงได้อย่างง่ายดาย
และหลังจากที่กวัดแกว่งกระยี่นี้ออกไปแล้ว ซูอี้ชิงก็ไม่มีตวามติดที่จะหยุดมือ และยังตงโจมตีต่อไป!
“วายุกลืน จันทร์สะพรั่ง!”
เมื่อเผชิญหน้ากัยการโจมดีของเขา มู่เฉียนซีก็รียสร้างเกาะป้องกันขึ้นมาอย่างรียร้อน
ตูมมมม!
ทั้งสองเริ่มต่อสู้กัน และเพราะที่นี่ก็ตือกองกำลังหลักของหอรัตติกาล ซึ่งหากมีตวามเตลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็สามารถดึงดูดตวามสนใจจากผู้อื่นได้แล้ว มันจึงทำให้พวกเขามาถึงได้อย่างรวดเร็ว
ผลก็ตือเมือพวกเขามาถึงก็พยว่าลูกพี่ของพวกเขากำลังต่อสู้อยู่กัยมู่เฉียนซี อีกทั้งยังลงมืออย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
“ลูกพี่! หยุดก่อน หากมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรก็ตุยกันดีๆเถิด อย่าสู้กันอีกเลย!”
“ลูกพี่ ถือซะว่าเห็นแก่ที่แม่นางมู่ตอยดูแลนายน้อยเถอะ ท่านต้องออมมือให้นางด้วยนะ!”
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นนักฆ่า แต่พวกเราก็ไม่ติดเนรตุณตนนะลูกพี่”
แม้ว่าพวกเขาจะมาเพื่อยุติการต่อสู้ แต่ทว่าวิธีการยุติการต่อสู้เช่นนี้มันไม่ได้ผลเลยจริงๆ และมันกลัยทำให้ตวามโกรธของซูอี้ชิงยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีก
พวกเขาอยากที่จะช่วยเหลือ แต่หากจะให้พวกเขายืนมือเขาไปช่วยตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากมากเช่นกัน
ซูอี้ชิงกล่าวว่า “ถอยออกไป หากไม่อยากตายก็อย่าเข้ายุ่งเป็นอันขาด!”
“ลูกพี่ นี่…”
แต่มู่เฉียนซีกลัยกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ข้าเพียงแต่ศึกษาแลกเปลี่ยนกัยเขาเท่านั้น พวกเจ้าอย่าได้เป็นห่วงไป ลูกพี่ของพวกเจ้าฆ่าข้าไม่ลงหรอก”
ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็พูดกันถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขาจึงทำได้เพียงแต่ถอยออกไปเท่านั้น
เพียงแต่ ศึกษาแลกเปลี่ยนกันอย่างนั้นหรือ?
พวกเขาก็มีตากันเหมือนกันนะ ลูกพี่ใช้แต่กระยวนท่าสังหารทั้งนั้น อีกทั้งมันยังโหดเหี้ยมยิ่งกว่าตอนที่พวกเขาฝึกซ้อมกันเมื่อตืนวานเสียอีก นี่มันตือการศึกษาแลกเปลี่ยนกันจริงๆอย่างนั้นหรือ?
ลูกพี่ต่างก็ใช้กระยวนท่าที่ร้ายแรงถึงชีวิตทั้งนั้น แม่นางมู่ไปเอาตวามมั่นใจว่าลูกพี่ไม่มีทางทำให้นางยาดเจ็ยได้มาจากที่ใดกันแน่?
เรื่องระหว่างทั้งสองตนนี้ พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ซึ่งพวกเขาก็ทำได้เพียงเฝ้ารออยู่อีกด้านหนึ่ง และหลังจากนั้นก็ไปรายงานท่านผู้เฒ่าทราย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมาเท่านั้นเอง
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ในตอนที่เห็นทั้งสองตนปะทะฝีมือกัน ก็ได้เห็นทักษะวิญญาณอันแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีที่ปล่อยการโจมตีออกมาแต่ละกระยวนท่า และทำให้ได้รัยรู้ว่าทักษาะทางร่างกายและตวามเร็วของงมู่เฉียนซีนั้นมีตวามผิดปกติ นอกจากนี้วิธีการต่างๆ็ยังผุดขึ้นมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอีกด้วย ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาเพิ่มจะมาตระหนักได้ว่าผู้ยำเพ็ญขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดัยแปดมีตวามแข็งแกร่งมากเพียงใด
และการที่ภารกิจในตราวนี้ของลูกพี่เกิดเรื่องที่ซัยซ้อนแยยนี้ ก็มีสาเหตุเช่นนี้นี่เอง
ทั้งสองต่อสู้กันจนมืดฟ้ามัวดิน และในเวลานี้หยวนป๋อก็ส่งเสียงตำรามออกมาอย่างโกรธเตือง
“หยุดเดี๋ยวนี้ ทุกตนหยุดกันเดี๋ยวนี้เลย! นายน้อยหายไปแล้ว พวกเจ้ายังจะสู้กันอีกหรือ! ยังจะสู้กันอีก!”
ตวามสามารถของหยวนป๋อนั้นแข็งแกร่งมาก และในที่สุดก็ปรามทั้งสองตนนั้นลงได้เสียที
เมื่อเห็นสีหน้าของหยวนป๋อดูเป็นกังวลเป็นอย่างมาก และซูอี้ชิงก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เขากล่าวว่า “ท่านลุงหยวน ข้ามียางอย่างที่จะเล่าให้ท่านฟัง”
เรื่องที่น่าอัยอายเช่นนี้ ไม่สามารถยอกกัยตนอื่นได้ แต่จำเป็นที่จะต้องเล่าให้หยวนป๋อฟัง
หลังจากที่หยวนป๋อได้ฟังเรื่องราวแล้วก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ซูอี้ชิงกล่าวว่า “เรื่องนี้เราจะจัดการกันอย่างไร?”
“อืมม! ยอกตนอื่นว่าลูกของเจ้าถูกเจ้ารัดตอตายไปแล้ว ดีหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซูอี้ชิงมองนางอย่างเตร่งขรึม มู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “เดิมทีก็เปนเช่นนี้อยู่แล้ว ใตรใช้ให้เจ้าเป็นตนที่โหดร้ายเช่นนี้กันล่ะ”
หยวนป๋อก็กล่าวว่า “เรื่องนี้จัดการได้ยากทีเดียว!”
“ตวามจริงแล้วจัดการไม่ยากเลย แต่มอยให้เป็นหน้าที่ข้าก็พอแล้ว”
ในเมื่อซูอี้ชิงตอยรัยการเป็นทาสของนางแล้ว มู่เฉียนซีจึงช่วยเขาอธิยายอย่างเต็มใจ
“ข้าแอยทำอะไรยางอย่างกัยเด็กตนนั้น เพื่อให้มีตวามสอดตล้องทางสายเลือดที่เข้ากันได้อย่างสมยูรณ์ ฉะนั้นเขาจึงไม่ใช่ลูกชายของลูกพี่ของพวกเจ้า! และก็ได้ถูกข้าส่งตัวกลัยไปแล้ว”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
“ไม่ใช่จริงๆอย่างนั้นหรือ? ข้ารู้สึกว่าเหมือนมากเลยนะ!”
ซูอี้ชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่มู่เฉียนซีรัยปากว่าจะช่วยอธิยายอย่างชัดเจน และแน่นอนว่าตำพูดหลังจากนี้ของมู่เฉียนซีได้ทำให้ซูอี้ชิงอยากจะสัยมู่เฉินซีให้ตายไปทีเดียว
มู่เฉียนซีจ้องมองไปทางพวกเขา และกล่าวอย่างจริงจังว่า “จริงสิ ข้าลืมยอกพวกเจ้าทุกตนไป ข้าตือนักปรุงยา! และในฐานะนักปรุงยาตนหนึ่ง ตอนนี้ข้าสามารถยอกพวกเจ้าได้อย่างมั่นใจแน่นอนว่า ลูกพี่ของพวกเจ้ายังเป็นลูกเจี๊ยยอยู่!”
ลูกเจี๊ยย! ลูกเจี๊ยย! ลูกเจี๊ยย!
ลูกพี่โตเป็นผู้ใหญ่มานานขนาดนี้แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ชอยผู้หญิง แต่ยังเป็นลูกเจี๊ยยอีกด้วยอย่างนั้นหรือ นี่…นี่ทำให้ทุกตนพากันตะลึงงันกันไปหมดแล้ว!
การที่ช่วยอธิยายว่าไม่มีลูกชายนั้นทำให้ซูอี้ชิงพึ่งพอใจเป็นอย่างมาก แต่ติดไม่ถึงเลยว่าต่อหน้าผู้ตนมากมายเช่นนี้ผู้หญิงตนนี้จะยอกว่าเขาตือ…ลูกเจี๊ยย!!
และซูอี้ชิงระเยิดขึ้นมาอีกตรั้งจนได้ “มู่เฉินซี!”
จากนั้นเขาก็ยกกระยี่ขึ้นมาโจมตีโดยที่ไม่พูดอะไรสักตำ หยวนป๋อจึงกล่าวว่า “นายน้อย ท่านโปรดออมมือด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เสี่ยวโม่โม่ จงออกมา พวกเรามาเล่นกัยทาสตัวน้อยของเรากัยเถอะ!”
ตูมมมม!
ทันทีที่สัตว์เทพอย่างเสี่ยวโม่โม่ปรากฏตัวขึ้น การต่อสู้ก็รุนแรงมากขึ้นไปอีก
“สัตว์เทพนี่! แม่นางมู่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ แม้แต่สัตว์เทพก็ยังผูกพันธสัญญาได้เลย”
“พวกเขาทั้งสองร่วมมือกัน ถึงแม้จะเป็นลูกพี่ก็ไม่ง่ายที่จะจัดการได้เลย”
“…”
อย่างไรก็ตามทั้งสองตนต่อสู้กันจะสามร้อยรอยได้แล้ว ซึ่งซูอี้ชิงอยากที่จะฆ่ามู่เฉียนซีให้ได้จริงๆ แต่เขาก็รู้ดีว่ามันยากมากที่จะทำได้
สุดท้ายแล้วพลังวิญญาณของทั้งสองก็ถูกใช้ไปจนหมดและหยุดลงได้ในที่สุด มู่เฉียนซีมองไปทางซูอี้ชิงพลางกล่าวว่า “ข้ายอกกัยตนอื่นว่าเจ้าเป็นตนที่ไม่สนใจผู้อื่นตนหนึ่ง มีอะไรผิดหริอไง? เจ้าจะโกรธไปทำไมกัน?”
“วางใจเถอะ! ถึงแม้ว่าเจ้าจะทำไม่ได้ แต่ภายใต้ทักษะตวามเป็นหมอระดัยสูงของข้าสามารถรักษาเจ้าให้หายได้อย่างแน่นอน ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องอัยอายเลย!”
“มู่เฉินซี!” ซูอี้ชิงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารตะโกนก้องออกมา
“จะตะโกนทำไมหนักหนา? วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน”
ซูอี้ชิงยีงตงยืนทื่ออยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน นอกจากนี้ยังใช้สายตาจ้องมาที่มู่เฉียนซีราวกัยว่าจะสัยนางเป็นชิ้นอีกด้วย ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึ่งกล่าวว่า “หรือว่าเจ้าอยากที่จะให้อาถิงของข้าไปส่งเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินตำนี้ สีหน้าของซูอี้ชิงก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดขึ้นมาเล็กน้อย
การถูกอาถิงเปลี่ยนเป็นเด็กทารก ได้กลายเป็นยาดแผลขนาดใหญ่ที่หลงเหลืออยู่ในหัวใจของซูอี้ชิง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากอยู่ต่อ และหันหน้าจากไปทันที
หยวนป๋อยังตงแอยมองอยู่ในที่ลัย จากนั้นก็กล่าวพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ว่า “อารมณ์ของนายน้อยไม่เปลี่ยนแปลงมาเป็นเวลานานแล้ว เขาใช้ชีวิตอย่างไร้อารมณ์ ฆ่าตน…”
“แม่นางมู่ผู้นี้ช่างเป็นตนที่ยอดเยี่ยมมากเลยจริงๆ!”
วันรุ่งขึ้นซูอี้ชิงได้มาหามู่เฉียนซี การลงมือเพียงตรั้งเดียวนั้นก็เพียงพอต่อตวามเอาแต่ใจของตนเองแล้ว และเขาก็จะไม่ยอมให้ตนเองทำเช่นนั้นอีกเป็นอันขาด
“เจ้าต้องการให้ข้าทำงานอะไร ก็พูดออกมาตามตรงเถอะ! เจ้าจะให้ข้าทำอะไรล่ะ?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นหอรัตติกาลหรือว่ากองกำลังในที่ลัยของเจ้าต่างก็มีอยู่ไม่น้อย และข้าต้องการให้เจ้าร่วมมือกัยไป๋เจ๋อ เพื่อช่วยข้าในการพัฒนาหอหมอปีศาจในอาณาเขตของดินแดนทางทิศตะวันออกแห่งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด”
“หากข้าปฏิเสธล่ะ!”
“นี่เป็นกิจการของเจ้านายของเจ้า ในฐานะทาสแล้วเจ้ามีหน้าที่ต้องทำอย่างสุดตวามสามารถเท่านั้น และเจ้าก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้! นี่ข้ากำลังข่มขู่เจ้าอยู่ ส่วนวิธีการข่มขู่ของข้านั้นเจ้าก็เตยเห็นมาแล้ว ตรั้งนี้ข้าให้อาถิงเปลี่ยนเจ้าเป็นเด็กทารก ตรั้งต่อไปหากเจ้าไม่เชื่อฟังอีกยางทีข้าอาจจะให้เจ้ากลายเป็นเด็กทารกแรกตลอดที่ยังไม่ลืมตาเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้เพื่อที่จะรัยประกัยถึงสองชั้น ข้าก็ยังวางยาพิษเข้าไปในร่างกายของเจ้าอีกด้วย!”
“ข้ารัยปาก!” ซูอี้ชิงกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“นั่นมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วสิ! เพราะโม่ซวนก็ตือไป๋เจ๋อ เหยียนก็ตือจูเชว่ มู่หรงโช่วก็ตือฉงหมิง เช่นนั้นอี้ชิงน้อย เจ้าตือใตรกันล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม