ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2034 ทิ้งขยะส่งเดช
ทุกคนตะลึงงันไปครู่หนึ่ง หอหมอปีศาจ
หอหมอปีศาจเพิ่งจะขยายสาขามายังดินแดนทางทิศตะวันออก แม้ชื่อเสียงจะยังเทียบกับเมื่อตอนอยู่ในดินแดนทางทิศใต้ไม่ได้ แต่ทว่ากองกำลังระดับสี่เหล่านี้ต่างก็ต้องเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างแล้วอย่างแน่นอน
และจากสิ่งที่พวกเขารับรู้มา หอหมอปีศาจนั้นไม่เลวเลย แต่เมื่อเทียบกับสำนักหมอทมิฬแล้วยังห่างไกลมากนัก
คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬผู้นั้นกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของหอหมอปีศาจนี่เอง คิดว่ายาของหอหมอปีศาจจะสามารถถอนพิษของสำนักหมอทมิฬของข้าได้อย่างนั้นหรือ เพ้อเจ้อเกินไปแล้ว”
“จะใช่การคิดเพ้อเจ้อหรือไม่ แค่ลองดูก็รู้แล้ว พวกเจ้าสามารถดูผลลัพธ์ก่อนค่อยจ่ายค่าตอบแทนก็ได้” มู่เฉียนซีกล่าว
แม้พวกเขาจะรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่ายาของหอหมอปีศาจจะไม่สามารถถอนพิษได้ แต่เห็นได้ชัดว่าทัศนคติของแม่นางผู้นี้ดีกว่าสำนักหมอทมิฬมากมายนัก แน่นอนว่าพวกเขาเต็มใจที่จะลองดูสักครั้งอยู่แล้ว
หลังจากที่กินยาเข้าไปแล้ว ร่างกายของพวกเขาก็รู้สึกสบายขึ้นในทันที อีกทั้งยังสามารถใช้พลังวิญญาณได้อย่างราบรื่นแล้วด้วย
พวกเขากำหมัดแน่นพลางจ้องมองไปยังคนของสำนักหมอทมิฬเหล่านั้น พร้อมกันนั้นก็พยายามอดทนที่จะไม่กระโจนเข้าใส่พวกเขาเพื่อแก้แค้นให้หายช้ำใจ
ส่วนคนของสำนักหมอทมิฬในตอนนี้ก็สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาได้อย่างชัดเจนแล้ว พิษถูกถอนแล้ว มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?
คนเหล่านั้นกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณแม่นางมาก พวกข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
“คิดไม่ถึงว่ายาถอนพิษของหอหมอปีศาจจะดีถึงเพียงนี้ เมื่อครู่นี้ข้ายังไม่เชื่ออยู่เลย ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”
“……”
คนเหล่านี้ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อสำนักหมอทมิฬเท่าไรนัก แต่พวกเขากลับสุภาพต่อมู่เฉียนซีเป็นอย่างมาก
และพวกเขาก็ไม่เสียใจเลยที่เอาสมุนไพรวิญญาณออกมาให้มู่เฉียนซีได้เลือก
อย่างไรเสียแม่นางน้อยผู้นี้ก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่ด้านหลังของนางต่างก็มีนักฆ่าของหอรัตติกาลอยู่ด้วย
สำหรับนักฆ่าที่สามารถปลิดชีวิตได้โดยที่ไม่ทันรู้ตัวเหล่านี้ พวกเขาไม่อยากที่จะไปอยู่ในความนึกคิดของนักฆ่ากลุ่มนี้สักเสี้ยวเวลา เพียงเพราะผลกำไรเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้เลยจริง ๆ
ไม่เพียงสามารถถอนพิษของพวกเขาได้แล้ว แต่มู่เฉียนซียังทำให้สำนักหมอทมิฬขุ่นเคืองใจอย่างสมบูรณ์แล้วเช่นกัน คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬจ้องมองมาที่นางด้วยท่าทางดุร้าย
“เจ้ารนหาที่ตายนัก!”
คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬต้องการจะลงมือ และเขาก็มีความตั้งใจเช่นนี้จริง ๆ แต่สิ่งที่รอต้อนรับเขากลับเป็นพลังกระบี่ปลิดชีพของซูอี้ชิงแทน
“คุณชายใหญ่!” สีหน้าเหล่าผู้อาวุโสของสำนักหมอทมิฬเปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็ขวางการโจมตีของซูอี้ชิงเอาไว้
ซูอี้ชิงเหลือบมองไปยังคนของสำนักหมอทมิฬเหล่านั้นอย่างเย็นชา ถึงไม่ได้มีคำพูดที่ปกป้องมู่เฉียนซี แต่กระบี่เล่มนั้นของเขาก็เป็นข้อพิสูจน์ได้แล้วว่า เขาซูอี้ชิงจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาด
คนของหอรัตติกาลต่างก็พากันตะลึงงัน ลูกพี่มีความเป็นสุภาพบุรุษสูงเหลือเกิน เพียงกระบี่เดียวก็สามารถแสดงเจตจำนงที่จะปกป้องได้ชัดเจนขนาดนี้แล้ว
“หอรัตติกาลของเจ้าต้องการจะปก…”
พวกเขายังไม่ทันที่จะพูดอะไรออกมา แต่จิตสังหารของซูอี้ชิงก็เปลี่ยนเป็นยิ่งน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นในทันที
คนของสำนักหลินเยว่เหลือบมองไปที่มู่เฉียนซี มีข่าวลือว่าซูอี้ชิงไม่สนใจผู้หญิง แต่ก็ไม่รู้ว่าเด็กสาวผู้นี้มีความพิเศษอะไรถึงสมควรได้รับการปกป้องจากเขาเช่นนี้
มู่เฉียนซีเอ่ยปากว่า “ข้อตกลงก่อนหน้านี้ของพวกข้า ต่างก็เป็นความต้องการร่วมกัน สาเหตุที่พวกเจ้าล้มเหลวเป็นเพราะข้อเรียกร้องที่มากเกินไปของพวกเจ้าเอง! และหากไม่พอใจแล้วละก็พวกเจ้าก็สามารถลดข้อเรียกร้องลงก็ได้ แต่จะมาระบายความโกรธใส่ข้ามันก็คงไม่ใช่เรื่องของคนที่มีภูมิหลังลึกซึ้งอย่างกองกำลังระดับสี่ครึ่งควรทำหรอกใช่หรือไม่?!”
“แม่นางกล่าวได้ถูกต้องแล้ว!”
“เดิมทีก็เป็นสำนักหมอทมิฬที่มาทำร้ายพวกเราก่อน ไม่ช่วยถอนพิษให้พวกเรายังไม่เท่าไร แต่กลับยังต้องการบีบบังคับพวกเราอีก! หากพวกเราค้าขายกับพวกเจ้าอีกก็คงเป็นเรื่องที่แปลกมากแล้ว”
“แม้ว่าชื่อเสียงสำนักหมอทมิฬของพวกเจ้าจะน่ากลัว แต่พวกเราก็ไม่ใช่คนขี้ขลาด! หากพวกเจ้ากล้าทำอะไรนางแล้วละก็ ถึงหอรัตติกาลจะไม่ออกโรงปกป้อง แต่พวกเราก็ไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน”
ในสายตาคนของสำนักหมอทมิฬ คนเหล่านี้เป็นเพียงแค่พวกหัวมังกุท้ายมังกรเท่านั้น แต่พวกเขากลับไม่สามารถมองข้ามคนของหอรัตติกาลได้ คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างดุร้ายพลางกล่าวว่า “ข้าจะจำเจ้าเอาไว้ และยังมีหอหมอปีศาจของเจ้าด้วย! หอยาที่ไม่ขายยาลูกกลอนตามท้องตลอด อีกทั้งยังไม่มีดาวเลยสักระดับเดียว ยังคิดที่จะมาแข่งกับสำนักหมอทมิฬซึ่งอยู่ในระดับสี่ดาวครึ่งอย่างพวกเรา สักวันเจ้าจะต้องเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นก็คอยดูเถอะ! ว่าตอนนั้นคนที่ต้องต้องเสียใจภายหลังจะเป็นผู้ใดกันแน่?”
คำเตือนของคุณชายใหญ่สำนักหมอทมิฬนี้ ไม่ได้อยู่ในสายตาของมู่เฉียนซีโดยสิ้นเชิง
นางได้เปลี่ยนเป็นอีกใบหน้าหนึ่งแล้ว ฉะนั้นตอนนี้พวกเขาคงจะไม่รู้ว่าคนที่พวกเขาต้องการตัวนักหนากำลังอยู่ตรงหน้าพวกเขา อีกทั้งยังกล้าปรากฏตัวออกมาอยู่เบื้องหน้าพวกเขาอีกด้วย
คุณชายใหญ่ของสำนักหมอทมิฬกล่าวว่า “พวกเราไป!”
คนของสำนักหมอทมิฬจากไปด้วยความเดือดดาล ส่วนคนอื่น ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว
“ไปกันเถอะ!” ซูอี้ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ภายในเมืองบาดาลที่กว้างใหญ่นี้ พลังแห่งความมืดที่ดูคุ้นเคยยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพียงไม่นานความมืดก็ได้กลืนกินแสงสว่างไปจนสิ้น และสุดท้ายแล้วทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในความมืดมิด
ด้วยความมืดมิดเช่นนี้ ได้ทำให้คนรู้สึกราวกับว่าจะมีสัตว์ร้ายพุ่งทะยานออกมาอย่างไรอย่างนั้น
จิตสำนึกของซูอี้ชิงได้แพร่กระจายออกไป เพื่อยืนยันว่าคนที่อยู่โดยรอบยังคงปลอดภัยดี
“ระวังตัวด้วย!”
“ขอรับ ลูกพี่!”
ในเวลาเช่นนี้พวกเขามีความระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ตื่นตัวขั้นสูงสุด หากเกิดเรื่องอันตรายขึ้น พวกเขาก็จะสามารถโต้กลับได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏตัวออกมา แต่กลับมีแสงสว่างสีม่วงจุดเล็ก ๆ ปรากฏออกมาแทน และแสงสว่างนั้นก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้สถานที่ที่เดิมทีแล้วเต็มไปด้วยอันตราย ตอนนี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นเสมือนความฝันไปเสียแล้ว
“นี่ใช่แมงกะพรุนเรืองแสงหรือไม่? ดูเหมือนว่ามันจะเล็กนิดเดียวเอง มันมีขนาดเล็กเท่าเล็บมือเท่านั้น ดูแล้วราวกับหิ่งห้อยอย่างไรอย่างนั้น”
“มันเป็นสิ่งของที่งดงามมากจริง ๆ!”
“……”
สถานที่แห่งนี้เป็นที่แบบไหนกันแน่ ทุกคนล้วนไม่ได้โง่เง่า และเมื่อมีสิ่งของที่งดงามปรากฏออกมา พวกเขาต่างก็ไม่กล้าเข้าใกล้หรือไล่ตามไปเลยสักคน
แต่ทว่าเจ้าของเล่นเหล่านี้กลับมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และคิดไม่ถึงว่าจะมีคนทนไม่ไหวจนถูกพวกมันดึงดูดไปจนได้
“เดี๋ยวก่อน! เจ้าต้องการจะทำอะไรน่ะ?”
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
“……”
ดูเหมือนว่าจะมีบางคนที่ถูกทำให้ลุ่มหลงอย่างไรอย่างนั้น นอกจากนี้ยังกระโจนเข้าไปท่ามกลางแมลงเรืองแสงสีม่วงเหล่านั้นอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ อีกทั้งยังไล่ตามพวกมัน หรือแม้กระทั่งจับพวกมันเอาไว้ด้วย!
ตูมมมมมม!
เพียงไม่นาน ทั่วทั้งพื้นที่ของเมืองแห่งนี้ ก็มีเสียงระเบิดและแสงสว่างที่เจิดจ้าปะทุออกมา
ตูมม ตูมมม!
หลังจากนั้นเสียงระเบิดนี้ก็ดังกึกก้องขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อย่าเข้าไปใกล้พวกมัน!”
คนของหอรัตติกาลก็ต้องการจะเข้าใกล้แมลงเรืองแสงสีม่วงเหล่านั้นเช่นกัน พลันนั้นมู่เฉียนซีก็พุ่งตรงไปฝังเข็มให้พวกเขาอย่างรวดเร็ว มันจึงทำให้พวกเขาได้สติขึ้นมาทันที
“ข้า…นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้ากันแน่?”
“แสงสว่างเหล่านี้ส่งผลให้จิตใจของมนุษย์ลุ่มหลง และแมลงเรืองแสงสีม่วงเหล่านี้ก็สามารถระเบิดได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตหรือว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ หากสัมผัสโดนเจ้าสิ่งนี้แล้วละก็ จะต้องถูกระเบิดจนไม่เหลือแม้แต่ซากเป็นแน่”
พวกเขาตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ซูอี้ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คราวหน้าอย่าลุ่มหลงอย่างง่ายดายจนทำให้หอรัตติกาลของพวกเราต้องขายหน้าอีกล่ะ”
“ลูกพี่โปรดวางใจ! พวกเราไม่มีทางถูกควบคุมเป็นครั้งที่สองแน่นอน”
พลังในการทำให้คนลุ่มหลงของสิ่งเหล่านี้แข็งแกร่งมาก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีความสามารถที่ทำให้คนลุ่มหลงได้เป็นครั้งที่สองจริง ๆ ทว่าเสียงระเบิดนั้นก็ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่องอยู่ดี
แสงสว่างที่พร่างพราว และเสียงระเบิดที่อื้ออึงจนแสบแก้วหู ได้เปลี่ยนเมืองแห่งนี้ให้ดูคึกคักมากเป็นพิเศษ
ภายในสภาวะแวดล้อมที่คึกคักเช่นนี้ พลังธาตุแห่งความมืดก็ยิ่งทำให้ผู้คนหวาดผวามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และพื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็มีหอคอยเจ็ดชั้นสีดำสนิทค่อย ๆ โผล่สูงขึ้นตรงใจกลางเมืองแห่งนี้ สุดท้ายมันก็กลายเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีความสูงมากที่สุดของสถานที่แห่งนี้ไปเสียแล้ว
และบริเวณโดยรอบหอคอยของแห่งนี้ ก็แฝงไปด้วยพลังธาตุแห่งความมืดที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นร่างสีเขียวอ่อนร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา ดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้นกวาดตามองไปที่หอคอยแห่งนั้นพลางกล่าวว่า “เจ้าคนชอบทิ้งขยะส่งเดชนี่ เอาสิ่งของเช่นนี้มาทิ้งไว้ที่แดนซวนเทียน คิดอยากจะทำลายสถานที่แห่งนี้หรืออย่างไรกันนะ?”
“หญิงอัปลักษณ์ เจ้าจะออกไปจากที่นี่ด้วยตนเอง หรือจะให้ข้าเป็นคนลากเจ้าออกไป!”
.
.