ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2035 เขาจะไม่ทำ
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอาถิงทำให้คนของหอรัตติกาลรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ในเมื่อลูกพี่ไม่มีคำสั่ง พวกเขาก็จะไม่เคลื่อนไหว และดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะสนิทกับแม่นางมู่อีกด้วย
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ทำไม? นี่ไม่ใช่หอคอยนิรันดร์อย่างนั้นหรือ?”
อาถิงกล่าวว่า “เจ้านี่น่ะหรือ! รูปร่างเหมือนกับหอคอยนิรันดร์ทุกประการเลย แต่ว่ามันไม่ใช่หรอก”
“พลังธาตุแห่งความมืดที่ดูปลอมเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เหมือนจริงถึงขนาดนี้ได้ด้วย”
“แล้วเจ้าจะพูดจาไร้สาระให้มากมายไปทำไมกัน? เหตุใดถึงไม่รีบออกไปเสียตั้งแต่แรกล่ะ?”
“ดูเหมือนว่าจะออกไปไม่ได้!”
“ชื่อนายน้อยของเจ้ามีไว้แค่ประดับอย่างนั้นหรือ?”
“เช่นนั้นแล้วคนอื่น ๆ ล่ะ?”
“คนอื่นเกี่ยวข้องอะไรกับข้ากัน? อย่างไรเสียเจ้าคนที่ชื่อซูอี้ชิงผู้นั้นก็ปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีอยู่แล้วนี่”
“ในเมื่อมาด้วยกันแล้ว เช่นนั้นก็ต้องไปด้วยกันสิ!”
อาถิงกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องทำให้เจ้าหมดสติก่อนแล้วค่อยลากตัวไปสินะ”
พลังนั้นของอาถิงขังมู่เฉียนซีเอาไว้แล้ว จากนั้นเขาก็คว้าแขนของนางแล้วลากออกไป
ในเวลานี้แม้แต่พูดมู่เฉียนซีก็ยังทำไม่ได้ จากนั้นซูอี้ชิงก็ได้มาขวางหน้าอาถิงเอาไว้ และจ้องมองไปที่เขาด้วยสีหน้าที่เฉยเมย
อาถิงกล่าวว่า “ที่นี่ไม่มีหอคอยนิรันดร์อะไรนั่นหรอก คาดว่าน่าจะมีแค่สัตว์ร้ายโบราณที่ดุร้ายเท่านั้นแหละ หากพวกเจ้าไม่อยากตายอยู่ที่นี่แล้วละก็ เช่นนั้นก็หาทางออกไปจากที่นี่เสียเถอะ! ข้าขอตัวไปก่อนแล้วกัน”
สัตว์ร้ายโบราณอย่างนั้นหรือ?
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถรับมือได้ หากมันปรากฏตัวขึ้นพวกเขาจะต้องถูกทำลายล้างจนสิ้นซากเป็นแน่!
มู่เฉียนซีผูกพันธสัญญากับอาถิง และนางก็เป็นเจ้านายของเขา ดังนั้นถึงอาถิงจะลงมือกับนาง แต่ก็ไม่สามารถควบคุมนางไว้ได้นานเท่าไรนัก
แม้ว่าจะยังเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ตอนนี้มู่เฉียนซีก็สามารถพูดได้แล้ว
นางกล่าวว่า “อาถิง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกลัวสัตว์ร้ายโบราณด้วย?”
อาถิงจ้องมองนางด้วยความโมโหแล้วกล่าวว่า “เจ้าผู้หญิงอัปลักษณ์ เจ้าพูดว่าอะไรนะ นายน้อยอย่างข้าจะไปกลัวสัตว์ร้ายโบราณตัวเดียวได้อย่างไรกัน! ข้าเพียงแค่ไม่อยากสิ้นเปลืองพลังที่นี่ก็เท่านั้นเอง”
“เจ้าเป็นคนบอกเองว่าสิ่งนี้เหมือนกันกับหอคอยนิรันดร์อย่างกับแกะ! บางทีมันอาจจะมีเบาะแสอะไรบางอย่างก็ได้”
“มันไม่คุ้มหรอก เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดเลย”
“มันต้องลองเท่านั้นถึงจะรู้”
“เจ้าอยากจะทำให้ข้าโกรธตายอย่างนั้นหรือ?”
ทั้งสองเริ่มทะเลาะพลางจ้องหน้ากันไปด้วย ในเวลานี้สุ่ยจิงอิ๋งก็ส่งกระแสจิตกล่าวกับอาถิงว่า “พอแล้วอาถิง! ที่ซีเอ๋อร์พูดก็ถูกแล้วนี่นา”
“นี่เป็นร่างแยกของความมืดเท่านั้นเอง มันคือหอผนึกสัตว์ร้ายแห่งความมืด ภายในนั้นมีทั้งสัตว์ร้าย สัตว์ศักดิ์สิทธิ์และสัตว์เทพถูกขังอยู่มากมาย หากส่งเสียงเอะอะจนทำให้หอผนึกสัตว์ร้ายแห่งความมืดไม่พอใจ มันก็จะสร้างร่างแยกออกมาจากพลังแห่งความมืดและโยนพวกมันเข้าไป หลังจากนั้นก็เอาไปไว้ที่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการ”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย สามารถปล่อยสัตว์ร้ายไว้ที่ไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ ช่างเอาแต่ใจจริง ๆ เลย!
“หากเป็นก่อนหน้านี้แล้วละก็ สัตว์ร้ายที่ถูกผนึกเอาไว้ด้วยความมืดจะไม่สามารถหลุดออกมาได้ แต่เป็นเพราะสถานการณ์บางอย่างทำให้พลังของพวกเราสู้เมื่อก่อนไม่ได้เลย ลองดูกลิ่นอายภายในนี้สิ มีความเป็นไปได้มากว่าสัตว์ร้ายเหล่านั้นสามารถทำลายผนึกได้แล้ว! แม้ไม่รู้ว่ามันจะเป็นสัตว์ร้ายระดับใดกันแน่ แต่หากมันหลุดออกไปได้แดนซวนเทียนจะต้องไม่สงบสุขอย่างแน่นอน!”
“หากตอนนี้สู้ไม่ได้ เกรงว่าหลังจากนี้ก็คงจะสู้ไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้นฉวยโอกาสตอนที่มันกำลังอ่อนแอหลังจากที่ทำลายผนึกจัดการมันไม่ดีกว่าหรืออย่างไร?”
พวกเขาทั้งสามคนใช้พลังวิญญาณในการส่งกระแสจิต ดังนั้นซูอี้ชิงและพรรคพวกจึงเห็นเพียงแค่มู่เฉียนซีและอาถิงจ้องหน้ากันเท่านั้น แต่เขารู้สึกได้ว่ามู่เฉินซีต้องทำอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน
อาถิงกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “มันจะทำลายผนึกได้เร็วเช่นนั้นได้อย่างไรกันล่ะ? หญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้าคงทนเห็นข้าวุ่นวายกับเจ้าไม่ได้ เลยอยากให้ข้าไปให้พ้น ๆ สินะ! ข้าไม่ทำให้เจ้าสมปรารถนาแน่”
“อย่าคิดจะสลัดข้าให้หลุดแล้วไปใช้ชีวิตอย่างอิสระด้วยตนเองได้เลย”
อาถิงผู้ไม่เกรงกลัวแม้แต่ฟ้าดินแล้วจะไปกลัวสัตว์ร้ายตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งได้อย่างไรกัน หากเจ้าสิ่งนั้นไม่แข็งแกร่งก็ดีไป แต่หากแข็งแกร่งแล้วละก็ เขาอาจจะต้องใช้พลังที่เก็บสะสมมาอย่างยากลำบากไปจนหมดสิ้นก็เป็นได้ และสุดท้ายก็ต้องกลับไปจำศีลอีกครั้ง
เขาจะไม่ทำสิ่งนี้แน่นอน!
“ถึงอย่างไรเสียสัตว์ร้ายที่ฟื้นตัวจนถึงระดับสูงสุดก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้อยู่ดี แค่รอให้มันออกมาแล้วค่อยจัดการทำลายมันก็ได้แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อาถิง ข้าไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบที่เจ้ามาวุ่นวายแน่นอน เพียงแต่ว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการลงมือเท่านั้นเอง”
“อาถิง วางใจเถอะ! มีพี่อยู่ด้วยไม่มีทางปล่อยให้เจ้าใช้พลังไปมากเกินไปอย่างแน่นอน”
“ท่านพี่ท่านเองก็ยังฟื้นตัวได้ไม่เท่าไรเลย นอกจากนี้ท่านยังเป็นคนที่สูญเสียพลังมากที่สุดในหมู่พวกเราอีกด้วย ข้าคนเดียวก็พอแล้ว อย่างไรเสียข้าก็อยากจะกลับไปจำศีลเร็ว ๆ เพราะไม่อยากเห็นผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว”
อาถิงไม่สามารถสู้ผู้หญิงสองคนนี้ได้เลย เพราะหญิงสาวสองคนนี้เป็นสิ่งเดียวที่เขาให้ความสนใจมากที่สุด และนี่ก็เป็นการจำนนอย่างตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว
มู่เฉียนซีที่ได้รับอิสระคืนมาแล้ว และตีอาถิงไปทีหนึ่งพลางกล่าวว่า “บางทีข้างในนั้นอาจจะเป็นเพียงแค่ตัวที่อ่อนแอก็ได้! เจ้าจะกลัวอะไรกัน?”
มันคงจะแปลกพิลึกหากความมืดจะผนึกสัตว์ร้ายที่อ่อนแอเอาไว้
สุดท้ายอาถิงก็จ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้จะโลกสวยเกินไปแล้ว
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางซูอี้ชิงพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่าข้อมูลของอาถิงนั้นไร้ข้อผิดพลาดอยู่แล้ว อีกไม่นานผนึกของสัตว์ร้ายที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้จะต้องถูกทำลายจนหลุดออกมาเป็นแน่ และไม่ว่าพวกเจ้าจะหาทางออกไปได้หรือไม่ก็ตาม แต่อย่าได้เข้าใกล้หอคอยดำนั้นอีก”
“แน่นอนว่าหากพวกเจ้าไม่เชื่อแล้วละก็ พวกเจ้าก็สามารถไปลองดูได้เลย”
คิดว่าในเวลานี้น่าจะกำลังมีคนมากมายรีบพุ่งตรงไปยัง ‘หอคอยนิรันดร์’ แห่งนั้นด้วยความยินดีแน่นอน!
คนของหอรัตติกาลทั้งหมดฟังคำสั่งของซูอี้ชิงผู้เป็นลูกพี่ของพวกเขาเท่านั้น และพวกเขาก็กำลังรอให้ลูกพี่เอ่ยปากออกมา แต่ทว่าซูอี้ชิงกลับมองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นแล้วเจ้าล่ะ!”
“ข้าจะต้องเข้าไป!”
ซูอี้ชิงกล่าวว่า “เยี่ยเจี๋ย เจ้าพาคนล่าถอยไป ออกไปให้ไกลจากที่นี่เท่าไรยิ่งดี”
“เช่นนั้นลูกพี่ แล้วท่านล่ะ!”
“ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ข้าว่าจะลองไปดูสักหน่อย! หากข้าไปเพียงคนเดียวจะได้หนีได้ง่ายขึ้นด้วย”
ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง แต่นั่นมันคือสัตว์ร้ายโบราณเลยนะ! ในเมื่อลูกพี่รู้อยู่แล้วว่าสัตว์ร้ายอยู่ที่ใด แต่กลับยังจะไปทางนั้นอยู่อีกหรือ นี่มันจะอันตรายเกินไปแล้ว!
เพียงแต่เมื่อซูอี้ชิงกวาดสายตามองอย่างเย็นชา พวกเขาที่เดิมทีแล้วอยากจะเกลี้ยกล่อม ก็ไม่มีใครเอ่ยปากได้อีกเลย และพวกเขาก็รู้ดีว่าลูกพี่ได้ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว
“ตอนนี้ก็ออกไปได้แล้ว!” ซูอี้ชิงกล่าวเสียงเย็น
พวกเขาจึงตอบรับอย่างพร้อมเพียง “ขอรับ!”
พวกเขาได้หายไปจากเบื้องหน้าของมู่เฉียนซีและซูอี้ชิงทันที จากนั้นมู่เฉียนซีจึงกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าอี้ชิงน้อยจะเป็นห่วงข้าถึงเพียงนี้ ทั้งยังยอมไปเสี่ยงอันตรายด้วยกันกับข้าด้วย”
“ถึงเจ้าตายไปข้าก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้อยู่ดี ฉะนั้นข้าเลยอยากจะไปกับเจ้าดูสักหน่อย” ซูอี้ชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“หากว่าตอนนี้ข้าเอายาถอนพิษให้เจ้าล่ะ!”
“ข้าก็จะไม่เชื่อว่ายาถอนพิษของเจ้าเป็นของจริง”
คำพูดของมู่เฉียนซีก่อนหน้านี้เป็นความจริงอย่างแน่นอน แต่นางก็เข้าใจดีว่าซูอี้ชิงที่ถูกนางปฏิบัติอย่างโหดร้าย คงไม่มีทางเชื่อใจนางอย่างสมบูรณ์ได้อยู่แล้ว และไม่ว่านางจะทำอะไรก็ดูเหมือนกับว่ากำลังแอบมีแผนการชั่วร้ายอยู่ดี
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ! และเกรงว่าเมื่อถึงตอนที่ข้าถูกคนของสำนักหมอทมิฬและคนของสำนักหลินเยว่รังแกคงไม่มีผู้ช่วยอีกแล้ว! แต่ถึงอย่างไรพวกปลาซิวปลาสร้อยเหล่านั้นก็ไม่จำต้องให้ถึงมืออาถิงของข้าหรอก!” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ซาบซึ้งใจ แน่นอนว่ามู่เฉียนซีก็ทำได้เพียงเคลื่อนไหวไปพร้อมกับซูอี้ชิงเท่านั้น
อาถิงกล่าวว่า “เมื่อไรที่มีอันตราย ข้าก็ต้องคอยช่วยหญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้าอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะไม่ช่วยเจ้าหรอก!”
“เฮอะ! แต่อย่าดูถูกข้าเกินไปนัก สัตว์ร้ายเพียงตัวเดียวมันจะเท่าไรกันเชียว?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!”
ซูอี้ชิงพุ่งทะยานออกไปอย่างเงียบงัน เป้าหมายคือหอแห่งความมืดนั่น ส่วนมู่เฉียนซีก็ไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว
“เป็นหอคอยนิรันดร์จริง ๆ ด้วย ดูท่าพวกเราไม่ได้มาอย่างเสียเปล่าแล้ว!”
“หากข้าสามารถครอบครองหอคอยนิรันดร์…”
“……”
มู่เฉียนซีได้คาดเดาถึงอันตรายไว้ล่วงหน้าและได้ให้คนของหอรัตติกาลล่าถอยไปก่อนหน้าแล้ว แต่คนเหล่านี้กลับถูกความปีติยินดีที่สามารถหามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เจอเข้าครอบงำจนเสียสติไปแล้ว อีกทั้งยังสัมผัสถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยความเร็วไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
.
.