ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2036 ฆ่าพวกมันซะ
หอคอยแห่งความมืดนี้เปิดขึ้นมาอย่างกระทันหัน และเพราะมู่เฉียนซีและซูอี้ชิงมัวแต่ล่าช้าไปช่วงหนึ่ง จึงถือได้ว่าพวกเขามาค่อนข้างช้าเลยทีเดียว
คนที่มาทีหลังเมื่อเห็นมู่เฉียนซีและซูอี้ชิงเพียงสองคนเท่านั้นก็พากันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “แมลงเรืองแสงนั่นอันตรายมากจริง ๆ สินะ คิดไม่ถึงว่าหอรัตติกาลจะเหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น”
“เดิมทีได้ยินมาว่าหอรัตติกาลเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันออกที่มีความสามารถอันยอดเยี่ยม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ไปได้! แม้แต่พวกเรายังเสียคนไปไม่ถึงครึ่งเท่านั้นเอง คาดไม่ถึงเลยว่าหอรัตติกาลจะสูญเสียคนไปมากมายถึงขนาดนี้”
“ข้าว่าน่าจะเป็นเพราะเอาผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นตัวถ่วงน่ะสิ! คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าซูอี้ชิงจะละเลยชีวิตของลูกน้องตนเองเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งเช่นนี้ได้”
“หนวกหู!” ซูอี้ชิงเหลือบมองไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา และพวกเขาแต่ละคนพากันเงียบปากไปในทันที
“พูดจาไร้สาระ! แม่นางผู้นี้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ผู้ใดกล้าว่านางก็ถือว่าอยากจะมีปัญหากับข้าด้วย” แน่นอนว่าเมื่อคนที่ได้รับการช่วยเหลือด้วยยาถอนพิษจากมู่เฉียนซีได้ยินเข้า พวกเขาก็ได้โต้ตอบกลับไปด้วยความโกรธในทันที
พวกคนของสำนักหมอทมิฬและสำนักหลินเยว่น่าจะเข้าไปก่อนหน้านี้นานแล้ว และมู่เฉียนซีกับซูอี้ชิงก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะมาให้ความสนใจกับคนที่มาหาเรื่องเหล่านี้ จึงได้พุ่งทะยานเข้าไปในหอคอยแห่งความมืดนั้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เข้าไปในประตูบานใหญ่สีดำมันวาวนั้นแล้ว พวกเขาก็ได้เห็นเส้นทางอันมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ความเร็วของซูอี้ชิงนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก และดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่ไม่มีความคิดที่จะรอมู่เฉียนซีแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังธาตุวายุเพื่อไล่ตามไป และเพียงไม่นานก็ได้มีแสงสว่างปรากฏอยู่เบื้องหน้า ซึ่งภายในนั้นมีหินแร่เรืองแสงอยู่มากมายเลยทีเดียว
“น่าเสียดายที่ฉงหมิงไม่ได้มาด้วย มิฉะนั้นตอนที่ได้เห็นเจ้าพวกนี้คงดีใจจนเป็นบ้าแน่! ถ้าอย่างนั้นข้าเก็บไปก่อนแล้วกัน”
ในเมื่อเสี่ยงบุกเข้ามาถึงในนี้แล้ว ก็ไม่อาจทำให้ตนเองต้องมาอย่างเสียเปล่าได้ แน่นอนว่าต้องรวบรวมของดี ๆ เก็บเข้ากระเป๋าอยู่แล้ว
“คิดจะเก็บของพวกนี้ไปขายฉงหมิงอย่างนั้นหรือ?” ซูอี้ชิงจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีอย่างระแวดระวัง
“ทำไม? ไม่อนุญาตให้เก็บหรืออย่างไร? หรือว่าอยากจะแย่งมันไปจากข้าอย่างนั้นหรือ?”
แย่งหรือ ไม่จำเป็นที่จะต้องแย่งก็ได้ เขากล่าวว่า “ข้าต้องการครึ่งหนึ่ง!”
เขาจะเอาอีกครึ่งหนึ่งมอบให้กับฉงหมิง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าเด็กนั่นถูกผู้หญิงคนนี้หลอกลวงเอาได้
“ครึ่งหนึ่ง! เจ้าโลภเกินไปแล้ว อี้ชิงน้อย ตอนนี้เจ้าเป็นทาสของข้า สิ่งของของเจ้าล้วนเป็นของข้าทั้งสิ้น ดังนั้นเรื่องที่คิดจะแบ่งครึ่ง ก็ฝันไปเสียเถอะ! ข้าจะเอามันไปทั้งหมดนี่แหละ” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเอาแต่ใจ
ซูอี้ชิงขมวดคิ้วมุ่น และเวลานี้เองก็มีใครบางคนมาแล้วเช่นกัน
“พระเจ้า! ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นแร่ล้ำค่าทั้งนั้นเลย อีกทั้งยังมีแร่หินที่หายสาบสูญไปตั้งแต่สมัยโบราณอีกด้วย”
“สมบัตินี่น่า! หากเอาสิ่งของชิ้นนั้นไปเปิดการประมูลแล้วละก็ จะต้องขายออกในราคาที่สูงลิ่วอย่างแน่นอน!”
“……”
ดูเหมือนว่าคนที่มาถึงที่นี่จะไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีคนอื่นที่มาถึงที่นี่ด้วยเช่นกัน
เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งของเหล่านี้ ก็ดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง และสมบัติเหล่านี้ก็ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
ซูอี้ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “พวกเจ้า ออกไปซะ!”
จิตสังหารของเขาได้บีบให้คนเหล่านี้ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว
ผู้นำที่เป็นชายฉกรรจ์ท่าทางดุร้ายและแข็งแกร่งคนหนึ่งอยู่ ๆ ก็แสยะยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าก็คิดว่าเป็นใครไหนกัน? ที่กล้าหาญคิดอยากจะยึดเอาสมบัติทั้งหมดเอาไว้เองเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งดินแดนทางทิศตะวันออกซูอี้ชิงนี่เอง!”
“แล้วลูกน้องที่มาจากหอรัตติกาลเหล่านั้นของเจ้าล่ะ! ทุกคนตายไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ? คิดไม่ถึงเลยว่าจะพาเพียงแค่ผู้หญิงคนเดียวบุกมาจนถึงที่นี่ได้” บนใบหน้าของพวกเขาเผยท่าทางเยาะเย้ยออกมา
หากคนของหอรัตติกาลทั้งหมดอยู่ที่นี่ บางทีพวกเขาอาจจะหวาดกลัวขึ้นมาบ้างก็ได้
แต่ทว่าตอนนี้เหลือเพียงซูอี้ชิงและผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น พวกเขาจึงรู้สึกว่าไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวเลยสักนิด
ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็มีจำนวนที่มากกว่าขนาดนี้ แล้วจะกลัวว่าจะจัดการเขาไม่ได้ได้อย่างไรกัน?
“ข้าเพียงคนเดียว ก็สามารถจัดการกับเศษสวะไร้ค่าอย่างพวกเจ้าได้อย่างเหลือเฟือแล้ว”
ไร้ค่าหรือ? หมัดของชายฉกรรจ์ผู้นั้นกำแน่นจนลั่นเอี๊ยดอ๊าดออกมา
ชายฉกรรจ์ผู้นี้ก็คือคนที่ชั่วร้ายอันดับหนึ่งของดินแดนทางทิศตะวันออก และคนที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาเหล่านี้ต่างก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก
คนเหล่านี้ต่างก็อยู่ในรายการบัญชีที่เขาต้องจัดการทั้งนั้น แต่เป็นเพราะค่าหัวที่ต่ำเกินไป ทางหอรัตติกาลจึงไม่สนใจที่จะรับภารกิจในการกำจัดพวกเขา
และการเหยียดหยามนี้ของซูอี้ชิง ก็ได้ทำให้พวกเขาโกรธจัดเลยทีเดียว
“เหล่าพี่น้องทั้งหลาย โจมตีเขาซะ! ฆ่าซูอี้ชิงให้ได้ ส่วนผู้หญิงของเขา หน้าตาค่อนข้างงดงามเลยทีเดียว คิ คิ คิ…”
ทันใดนั้นคนเหล่านี้ก็บุกเข้าโจมตี แม้ว่าอันที่จริงแล้วความสามารถจะสู้ซูอี้ชิงไม่ได้ แต่พวกเขามีจำนวนคนที่มากกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงมีความมั่นใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง
และมีเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่เข้าไปจับมู่เฉียนซี แต่เมื่อพบว่ามู่เฉียนซีเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภููตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดเท่านั้น พวกเขาก็ยิ่งดูถูกมากขึ้นไปอีก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ดูเหมือนว่าซูอี้ชิงจะชอบแม่สาวงามตัวน้อยผู้นี้มากเลยสินะ! เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งเท่านั้นแต่กลับพามาด้วยอย่างไม่กลัวตายเช่นนี้ ข้าจัดการเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว พวกเจ้าสองสามคนไปช่วยลูกพี่จัดการซูอี้ชิงนั่นเถอะ!”
ในบรรดาพวกเขาคนที่อ่อนแอที่สุดก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งแล้ว หากต้องการจับผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตสักคนหนึ่ง ก็ทำแค่เพียงแค่ขยับปลายนิ้วเท่านั้น
ฟึ่บ!
ผลก็คือเมื่อคนผู้นี้เคลี่อนไหว มู่เฉียนซีก็สามารถหลบหลีกได้ทันที
“หลบได้เร็วจริง ๆ เลยนะ แต่ครั้งต่อไป…”
ยังไม่ทันรอให้เขาได้เริ่มลงมือโจมตีมู่เฉียนซีอีกครั้ง ผลปรากฏว่าได้มีเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดโผล่ออกมาจากอากาศ และพุ่งเข้าโจมตีผู้ชายคนนั้น
“อ๊ากกกก!”
ที่นี่เต็มไปด้วยพลังแห่งความมืด ซึ่งสำหรับคนอื่นแล้วอาจจะปรับให้เข้ากันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
แต่สำหรับเสี่ยวโม่โม่ที่เป็นถึงหงส์นิลแห่งความมืด เมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เป็นเหมือนปลาได้น้ำอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งพลังในการโจมตีก็ยกระดับขึ้นมาไม่น้อยเลยด้วย
“อาศัยคนอย่างเจ้า คิดอยากจะจัดการนายท่านของข้า ถึงตายก็สมควรแล้ว!”
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งคนหนึ่ง ไม่สามารถต่อสู้ภายใต้การกลืนกินของเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดได้อย่างสิ้นเชิง
เสี่ยวโม่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่าน สถานที่แห่งนี้ไม่เลวเลย ด้วยพลังแห่งความมืดที่แข็งแกร่ง เหมาะให้ข้าได้ฝึกฝนมาก”
การที่เสี่ยวโม่โม่กลายเป็นสัตว์เทพตั้งแต่อายุยังน้อยก็เป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติแล้ว ทว่าในสถานการณ์ปกติหากต้องการที่จะเลื่อนขั้นระดับต่อไปต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายพันปีเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรสัตว์เทพก็มีอายุยืนยาวมากอยู่ดี
มันค้นพบว่าการดูดซับพลังของที่นี่สามารถทำให้มันลดระยะเวลาในการเลื่อนขั้นได้ เพราะมันต้องการที่จะช่วยเจ้านายจัดการคนชั่ว ฉะนั้นแค่ความสามารถของสัตว์เทพระดับหนึ่งนั้นยังไม่เพียงพอ
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นเสี่ยวโม่โม่เจ้าก็ดูดซับพลังของที่นี่ไปด้วย และจัดการเจ้าเศษสวะเหล่านี้ไปด้วยก็แล้วกัน! แต่อย่ากดดันมากเกินไปนัก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงร่างแยกเล็ก ๆ ของหอคอยแห่งความมืด แต่พลังแห่งความมืดของที่นี่ก็แข็งแกร่งมากอยู่ดี”
“นายท่านวางใจเถอะ! ข้าที่เป็นสัตว์เทพเคยดูดซับพลังแห่งความมืดของนายท่านจิ่วเยี่ยจนกลายเป็นหงส์นิลแห่งความมืดมาแล้ว ฉะนั้นพลังเหล่านี้ถือว่าไม่เท่าไรเลย”
ตูมมมม!
เสี่ยวโม่โม่พุ่งทะยานไปจัดการคนเหล่านั้น และคนเหล่านั้นก็กรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา!
“อ๊ากกกก! นี่มันคืออะไรกัน? สัตว์เทพที่ครอบครองพลังแห่งความมืดอย่างนั้นหรือ!”
“ลูกพี่! ช่วยข้าด้วย!”
“……”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของเสี่ยวโม่โม่และซูอี้ชิง พวกเขาในเวลานี้ก็ไม่มีเวลาว่างมากพอมาจัดการมู่เฉียนซีที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดคนหนึ่งได้อีกแล้ว
แน่นอนว่าหลังจากที่มู่เฉียนซีเก็บแร่หินเหล่านี้เรียบร้อยแล้วก็ไม่ได้ทำตัวว่างเช่นกัน และตอนนี้นางก็กำลังเล็งหาโอกาสในการลอบโจมตีอยู่
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
จำนวนคนของอีกฝ่ายมีไม่น้อยเลย แต่ทว่าการร่วมมือกันโจมตีจากทั้งสามทิศทางของพวกเขาทำให้อีกฝ่ายต้องล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของชายฉกรรจ์ผู้นั้นซีดเผือด เขากล่าวว่า “บัดซบเอ้ย! ผิดแผนแล้ว พวกเราถอย! ไปหาเส้นทางอื่นกันเถอะ!”
“ขอรับ! ลูกพี่!”
พวกเขาหนีกลับออกไปยังทางเดิมแล้ว และซูอี้ชิงก็ไม่ได้คิดที่จะไล่ตามไปแต่อย่างใด
ส่วนมู่เฉียนซีก็ไม่อยากที่จะเสียเวลากับคนเหล่านี้เช่นกัน แต่ทว่าในเวลานี้ กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในสมองของพวกเขา
ฆ่าพวกมันซะ!
ตามไปฆ่าพวกมันให้หมดซะสิ!
สีหน้าของมู่เฉียนซีและซูอี้ชิงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก และแม้แต่เสี่ยวโม่โม่เองก็ได้ยินเสียงนี้เช่นกัน มันจึงกลายร่างให้มีขนาดที่เล็กลงแล้วกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “นายท่าน เสียงนี่มัน…”