ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2037 ตายแล้วจริงหรือ?
เมื่อเสี่ยวโม่โม่เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของมู่เฉียนซี จิตสังหารนั้นก็ไม่ส่งกระทบต่อมันมากเท่าไรแล้ว
เสี่ยวโม่โม่กล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “นายท่าน มันแข็งแกร่งมากเลย เจ้าสิ่งนั้นมันน่ากลัวมาก มันเป็นกลิ่นอายของสัตว์ร้าย”
สำหรับซูอี้ชิงที่เป็นนักฆ่าผู้สามารถควบคุมจิตสังหารได้อย่างอิสระคนหนึ่ง ไม่ได้รับผลกระทบต่อเจตนาฆ่าเช่นนี้อยู่แล้ว
และแน่นอนว่าภายในนี้คนที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดก็คือมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าตัวนี้ต้องการให้พวกเราฆ่าคนสินะ! เช่นนั้นเราก็ยิ่งฆ่าใครไม่ได้!”
สัตว์ร้ายตัวนั้นให้พวกเขาสร้างการสังหารหมู่ขึ้นมา เพราะเป็นผลดีต่อตัวมันแน่นอนอยู่แล้ว
ถึงพวกเขาจะไม่ได้ไล่ตามไปสังหารคนเหล่านั้น แต่คนเหล่านั้นกลับหลบหนีมาถึงที่นี่อีกครั้งหนึ่งอย่างคาดไม่ถึง
เมื่อคนเหล่านั้นเห็นซูอี้ชิงและมู่เฉียนซีก็ทำหน้าราวกับเห็นผีก็มิปาน จากนั้นพวกเขาก็หนีไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม!
แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีประโยชน์มากเท่าไรนัก เพราะพวกเขาได้วิ่งวนกลับมาอีกครั้ง ราวกับว่าโดนผีอำอย่างไรอย่างนั้นเลย
“พวกเจ้า…ที่จริงแล้วพวกเจ้าใช้วิธีการใดกันแน่? ถึงทำให้พวกเราหนีไปไหนไม่ได้เช่นนี้?”
ในตอนที่ชายฉกรรจ์คนนั้นเอ่ยถามประโยคนี้ขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นทันที
เขากล่าวด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ระหว่างพวกข้ากับพวกเจ้า จำเป็นที่จะต้องมีคนตายไป มิเช่นนั้นก็จะหมดหนทางออกไปจากที่นี่ได้ และจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ตลอดไป”
“เช่นนั้น พวกเจ้าก็ตายไปเสียเถอะ!”
“ทำให้พวกเขาตายไปซะ!”
พลังธาตุแห่งความมืดของที่นี่ สามารถทำให้ความมืดที่อยู่ในก้นบึ้งของจิตใจทั้งหมดระเบิดออกมาได้
พลังแห่งความมืดเหล่านี้ทำให้พวกเขาเอาชนะความกลัวตายได้ สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งขึ้นมาทันที
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่าพวกมันให้หมด!”
ซูอี้ชิงชักกระบี่ออกมาอีกครั้ง และร่างสีขาวก็สว่างวาบผ่านไป
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เดิมทีข้าคิดว่าพวกเราสามารถเลือกว่าจะฆ่าหรือไม่ฆ่าก็ได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะไม่ให้พวกเรามีสิทธิ์ได้เลือกเลย”
“เสี่ยวโม่โม่ โจมตีได้ อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
“เจ้าค่ะ นายท่าน!”
เสี่ยวโม่โม่บินออกไปจากอ้อมกอดของมู่เฉียนซี และเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดก็กวาดไปทางพวกเขาเหล่านั้น
ร่างสีม่วงอ่อนพุ่งทะยานออกไป และมู่เฉียนซีก็ลงมืออย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
ทันใดนั้นพลังวิญญาณธาตุวายุ ธาตุอัคคีรวมไปถึงพลังวิญญาณธาตุวารีก็ได้ปะทุออกมา
“ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตายอยู่แล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้อีกแล้ว”
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณถูกชักออกมาจากฝัก จากนั้นเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ระเบิดออกมา “เพลิงนภาพิฆาต!”
“จะ…เจ้า…”
เดิมทีแล้วพวกเขาเหล่านี้เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า แต่ทันทีที่เห็นมู่เฉียนซีลงมือ พวกเขาแต่ละคนต่างพากันตะลึงงันจนพูดไม่ออกไปเลยทีเดียว
“สามธาตุ! ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุสามธาตุ พวกเรา…นี่พวกเราไม่ได้มีอาการประสาทหลอนไปเองใช่หรือไม่?!”
ทันใดนั้นซูอี้ชิงก็กวัดแกว่งกระบี่ออกไป กระบี่ที่รวดเร็วนั้น ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่กลับทำให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ความตายในทันที
ซูอี้ชิงกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เดิมทีก็มีความสามารถที่อ่อนแออยู่แล้ว ฉะนั้นก็อย่าทำให้เปลืองแรงอยู่ที่นี่อีกเลย”
“สถานที่แห่งนี้จะแปลกประหลาดเกินไปแล้ว ไม่สามารถเสียเวลาได้อีกต่อไป มิฉะนั้นปัญหาอาจจะยิ่งใหญ่ขึ้นก็เป็นได้”
“ถึงแม้ว่าต้องการจะจัดการให้เร็วขึ้นกว่านี้อีกหน่อย แต่ก็ใช้เจ้าไม่ได้อยู่ดี!”
ซูอี้ชิงกวัดแกว่งกระบี่อย่างรวดเร็วมากขึ้นอีก จากนั้นก็ตรงไปเก็บเกี่ยวชีวิตของพวกเขาเหล่านี้
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อื้ม ๆ ๆ! ต้องยอมรับว่าอี้ชิงน้อยสังหารคนได้รวดเร็วมากจริง ๆ เช่นนั้นก็พยายามต่อไปล่ะ!”
สำหรับคำหยอกล้อของมู่เฉียนซี ซูอี้ชิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอย่างสมบูรณ์ จากนั้นก็จัดการพวกเขาอย่างโหดร้ายมากยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น และยิ่งขึ้น
ฟิ้วว!
ส่วนมู่เฉียนซีก็นำเอาอาวุธลับออกมาเพื่อลอบโจมตีพวกเขาเหล่านี้
คิดอยากจะหนีก็หนีไปไม่รอดแล้ว พวกเขาทำได้เพียงต่อสู้จนตายเท่านั้น และสุดท้ายพวกเขาก็ถูกทั้งสามคนจัดการอยู่ดี
ไม่มีใครหนีรอดไปได้เลยแม้แต่คนเดียว!
มีเลือดหยดลงมาจากปลายกระบี่ของซูอี้ชิง จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “ไปเถอะ!”
พวกเขาตรงไปตามเส้นทางข้างหน้า จากนั้นก็มีอีกเส้นทางหนึ่ง แต่ทว่าพวกเข้าไม่ได้กลับไปยังตำแหน่งเดิมเหมือนกับคนเหล่านั้นแต่อย่างใด
ในเวลานี้ทุกพื้นที่ของหอคอยแห่งความมืด ได้เปลี่ยนกลายเป็นสนามแห่งการสังหารหมู่ไปแล้ว อีกทั้งเสียงของการต่อสู้ก็ดังกึกก้องไปทั่วทุกหนแห่ง
มู่เฉียนซีได้ยินเสียงต่อสู้กันอยู่ข้างหน้า เมื่อยิ่งเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาก็เห็นว่าผู้คนมากมายกำลังเข่นฆ่ากันอยู่
สมบัติในคราวนี้ก็คือกองมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่รวมอยู่ด้วยกันกองหนึ่ง แน่นอนว่าที่ทั้งสองฝ่ายเริ่มเข่นฆ่ากันเองนั้น ก็เป็นเพราะเพื่อแย่งชิงสิ่งของเหล่านี้
และในตอนที่มู่เฉียนซีกับซูอี้ชิงเดินผ่านไป ผู้คนเหล่านี้ก็พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขา โดยที่ก็ไม่สนว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูก็ตาม
“ลงมือได้!”
ดูเหมือนว่าหากต้องการที่จะบุกทะลวงไปให้ถึงสถานที่สุดท้าย ก็คงจะต้องผ่านการต่อสู้เช่นนี้ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นแน่
ตูมมมมม!
ทั้งสามฝ่ายต่างต่อสู้กันอย่างชุลมุน พวกเขาต่อสู้กันอย่างมืดฟ้ามัวดินเลยทีเดียว
ในขณะที่กำลังปกป้องตนเองไปด้วยนั้น มู่เฉียนซีก็หาโอกาสในการเคลื่อนไหวได้แล้ว ด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่าของพวกเขา ดูเหมือนว่าจะไม่มีข้อได้เปรียบเท่าไรนัก แต่ทว่าในการต่อสู้ที่ชุลมุนเช่นนี้ มันกลับสะดวกต่อการเคลื่อนไหวมากกว่า
“อี้ชิงน้อย เราไม่สามารถฆ่าเช่นนี้ต่อไปได้แล้ว”
คนที่เคยพบก่อนหน้านี้เหล่านั้นเดิมทีก็เป็นคนที่ชั่วร้ายมากอยู่แล้ว บวกกับการที่ไม่มีทางเลือกอื่นและทำได้เพียงแต่ต้องสังหารเท่านั้น ทว่าหากต้องสังหารต่อไปเช่นนี้ มันก็จะเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของสัตว์ร้ายตัวนั้น และสุดท้ายก็เป็นการช่วยก่อกรรมทำเข็ญไปโดยปริยาย
“เจ้ามีความใจบุญขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรือ?” ซูอี้ชิงกล่าวอย่างเย็นชา
“ข้าเพียงแค่อยากจะลองดู? ในฐานะที่เจ้าเป็นนักฆ่า เมื่อดึงกระบี่ออกมาแล้วต้องหมายชีวิต แต่ข้าเชื่อว่าหากเจ้าไม่ต้องการจะเอาชีวิต ก็สามารถควบคุมได้อย่างง่ายดายอยู่ดี”
“เสี่ยวโม่โม่ เจ้าก็ด้วยเช่นกัน!”
“นายท่าน ข้าจะลองดู!”
ซูอี้ชิงไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่ แต่เขาก็แค่ทำตามปกติเท่านั้น
ฆ่าคนนั้นง่ายดาย และการทำให้ไม่ถึงตายสำหรับซูอี้ชิงแล้วก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากเช่นกัน
ส่วนเสี่ยวโม่โม่นั้นค่อนข้างที่จะลำบากเล็กน้อย แต่ด้วยพรสวรรค์ที่น่าทึ่งของมันจึงหาประสบการณ์จากการดูซูอี้ชิงลงมือ ฉะนั้นมันจึงค่อย ๆ เรียนรู้จนทำสำเร็จจนได้
ตึง ตึง ตึง!
จำนวนคนที่ล้มลงไปค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาบางคนตกอยู่ในสภาวะหมดสติ และมีบางคนที่สูญเสียพลังในการต่อสู้ไป
“พวกเราต่อสู้กันจนตัวตาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้พวกเจ้าได้รับประโยชน์ในท้ายที่สุดเช่นนี้” พวกเขากล่าวพลางหัวเราะ
“หากฆ่าพวกเราไม่ได้ พวกเจ้าก็ออกไปไม่ได้อยู่ดี”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อี้ชิงน้อย พวกเราลองดูกันเถอะ!”
เป็นอย่างที่คาดไว้หลังจากที่เดินออกไปไม่นาน พวกเขาก็กลับมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าหอคอยนี้ได้ถูกวางกลไกไว้แล้ว และจำเป็นที่จะต้องเล่นตามเกมที่เจ้าสิ่งนั้นได้วางแผนเอาไว้เท่านั้น มิเช่นนั้นพวกเขาก็จะต้องถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดไป
“ฆ่าพวกมันซะ! เมื่อฆ่าพวกมันทั้งสองกลุ่มแล้วพวกเจ้าถึงจะสามารถไปต่อได้ และเมื่อตรงไปจนถึงจุดสิ้นสุด พวกเจ้าถึงจะมีสิทธิ์ได้รับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์”
เสียงสะกดจิตนั้นได้ฝังลึกลงไปภายในก้นบึ้งหัวใจของพวกเขา พลังนี้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยวโม่โม่มุดเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “น่าขยะแขยง! มันเป็นกลิ่นอายที่น่าขยะแขยงมากเลยเจ้าค่ะ”
สีหน้าของซูอี้ชิงไม่เปลี่ยนไปเลย เขาเหลือบมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “เจ้าคิดจะทำเช่นไร?”
“ลองดูเดี๋ยวก็รู้แล้ว!”
มู่เฉียนซีหยิบเข็มยาออกมาหลายเล่ม หลังจากที่เข็มยาเหล่านั้นบินออกไปแล้ว มันก็ฝังลงบนผิวหนังของพวกเขาทันที
ตึง ตึง ตึง!
พวกเขาทั้งหมดล้มลง ไม่มีลมหายใจ ไร้เสียงหัวใจเต้น แม้แต่อุณหภูมิของร่างกายก็ลดลง ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการตายไปแล้วเลย
“ตายแล้วหรือ!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ใช่แล้ว! ตายแล้ว พวกเราลองเดินไปอีกครั้งเถอะ”
คราวนี้ มู่เฉียนซีและซูอี้ชิงไม่ได้เดินกลับไปทางเดิมอีกแล้ว มู่เฉียนซีจึงคลี่ยิ้มออกมา
“ดูท่าแล้วเจ้าหมอนี่หลอกค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว!”
“พวกเขายังไม่ตายหรือ?” ซูอี้ชิงเหลือบมองไปที่มู่เฉียนซี
“ข้าเป็นถึงนักปรุงยา การทำให้คนเสมือนตายไปแล้วไม่ใช่เรื่องยากเลย หลังจากที่ผ่านไประยะหนึ่งแล้วพวกเขาก็จะตื่นขึ้นมาเอง! เจ้าหมอนั่นสามารถตัดสินได้ว่าคนตายแล้วหรือไม่ แต่กลับไม่สามารถเข้าใจทั้งหมดอย่างลึกซึ้งได้”
“คนที่เจอทั้งหมดหลังจากนี้ หากสามารถไม่ฆ่าได้ก็ไม่ต้องฆ่า และทำให้พวกเขาแสร้งตายไป! เว้นแต่ว่าจะเจอคนของสำนักหมอทมิฬและสำนักหลินเยว่” มู่เฉียนซีกล่าวกับซูอี้ชิง