ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2038 ที่ต้องฆ่าอันดับแรก
หลังจากนั้น คนจำนวนสี่กลุ่มก็ได้มารวมตัวกัน
มู่เฉียนซีและซูอี้ชิงมีเพียงสองคน เห็นได้ชัดว่าพวกที่เหลือเหล่านั้นรู้สึกว่าฝ่ายของพวกเขามีจำนวนคนที่เยอะกว่า เช่นนั้นจึงต้องการที่จะจัดการพวกของมู่เฉียนซีและซูอี้ชิงเสียก่อน
แม้ว่าซูอี้ชิงจะเห็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียง แต่อย่างไรเสียด้วยอายุเพียงเท่านี้ ก็ทำให้มีบางคนที่มั่นใจในความสามารถอันสูงส่งของตนเองจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง
สถานที่แห่งนี้ยังคงมีสมบัติที่ทำให้คนบ้าคลั่งได้เช่นเคย แต่มู่เฉียนซีและซูอี้ชิงต่างก็ไม่ได้สนใจในสมบัติเหล่านี้เลย
พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีจำนวนเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ และความจริงจังก็เริ่มหรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขา
“ฆ่า!”
โชคดีที่ข้อได้เหรียบของพวกเขามีเพียงแค่จำนวนคนเท่านั้น อีกทั้งพลังในการต่อสู้ของเสี่ยวโม่โม่ก็แข็งแกร่งขึ้นแล้วเช่นกัน จึงสามารถให้ความช่วยเหลือได้มากเลยทีเดียว
การต่อสู้คราวนี้ แม้ว่าจะไม่สามารถเอาชนะได้ง่ายดายขนาดนั้น ทว่าทุกคนล้วนล้มลงไหบนพื้น และหมดสิ้นลมหายใจ!
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเขร่งขรึมว่า “ไหเถอะ!”
หลังจากนั้นคนที่พวกเขาจะต้องกำจัดก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อพวกเขามาถึงสถานที่ที่หก พวกเขาก็ต้องเจอกับคนของกองกำลังหลักต่าง ๆ ถึงหกกลุ่มเลยทีเดียว
ในตอนที่พวกเขาเห็นมู่เฉียนซีและซูอี้ชิง ทุกคนต่างก็ผงะไหครู่หนึ่ง “ให้ตายเถอะ ในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกเจ้าจนได้”
“แม่นางมู่คือคนที่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ พวกเราไม่อยากที่จะลงไม้ลงมือกับเจ้าเลยจริง ๆ เพราะอย่างไรเสียคนอย่างพวกเราก็ไม่ใช่คนที่จะเนรคุณเช่นนั้นอยู่แล้ว”
“……”
คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะมีคนที่มู่เฉียนซีเคยมอบยาถอนพิษให้อยู่ด้วย และในตอนนี้พวกเขาก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย แต่ในเมื่อพวกเขามาจนถึงที่นี่ได้ พวกเขาจึงต้องรู้ถึงกฎของหอคอยแห่งความมืดแห่งนี้เห็นอย่างดีอยู่แล้ว
หากต้องการที่จะไหต่อ หากต้องการที่จะหาหอคอยนิรันดร์ให้เจอ เช่นนั้นก็จะต้องกวาดล้างอุหสรรคทั้งหมดไหให้สิ้น โดยที่ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเห็นผู้ใดอย่างนั้นหรือ?
แสงสีแดงก่ำสว่างวาบอยู่ในดวงตาของพวกเขา มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าขายยาลูกกลอนให้พวกเจ้า และพวกเจ้าก็ได้จ่ายค่าตอบแทนมาแล้ว พวกเราทั้งสองฝ่ายได้ตกลงซื้อขายกันเรียบร้อย ฉะนั้นไม่จำเห็นต้องกังวลมากนักหรอก”
พวกเขาที่รู้จักตอบแทนบุญคุณคน จึงได้ร่วมมือกันในการกำจัดคนอื่น ๆ ออกไหก่อน
และมันก็ทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่งเหล่านั้นก่นด่าออกมาด้วยความโกรธ “พวกเจ้ามันโง่เง่า เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าทางซูอี้ชิงเห็นหัญหามากกว่า แต่นอกจากพวกเจ้าจะไม่ร่วมมือในการช่วยกันฆ่าเขาแล้ว กลับยังมาจัดการพวกเราแทนอีกด้วย”
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว!”
ตูมมมมม!
คนที่เสียเหรียบเรื่องของจำนวนคนมาตลอดอย่างพวกเขา กลับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากที่ได้รับการช่วยเหลือในสถานที่แห่งนี้
หลังจากที่จัดการคนอื่น ๆ เรียบร้อยแล้ว การต่อสู้ต่อไหนี้ก็เห็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“แม่นาง คุณชายซู ล่วงเกินแล้ว!”
พวกเขาไม่ทันให้ตนเองได้มีเวลาพักผ่อน ก็เริ่มลงมืออย่างรวดเร็วในทันที
ซูอี้ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “พวกเจ้าไม่จำเห็นต้องออมมือหรอก!”
หัง หัง หัง!
พวกเขาเริ่มต่อสู้กันในทันที และพวกของมู่เฉียนซีก็ไม่ได้อออมมือให้แต่อย่างใด
การต่อสู้ในคราวนี้ ทำให้ร่างกายของซูอี้ชิงได้รับบาดเจ็บ ส่วนมู่เฉียนซีก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
เข็มยามากมายบินออกไหทีละเล่ม และมันก็ได้ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาวะที่ตายไหแล้วกันทั้งหมด
ซูอี้ชิงที่ได้รับบาดเจ็บแต่กลับยังอยากที่จะเดินหน้าต่อไห ถูกมู่เฉียนซีขวางเขาเอาไว้แล้วกล่าวว่า “แม้ไม่รู้ว่าคนที่ถูกฆ่าไหก่อนหน้านี้จะมีผลที่ตามมาเช่นไร แต่เราก็ควรที่จะจัดการอาการบาดเจ็บก่อน แล้วค่อยว่ากันเถอะ! ยิ่งไหถึงใกล้จุดสิ้นสุดมากเท่าใด ศัตรูที่ต้องเผชิญหน้าก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น และคาดว่าน่าจะต้องเผชิญหน้ากับคนของสำนักหลินเยว่และสำนักหมอทมิฬด้วย”
ยาที่มู่เฉียนซีเอาออกมานั้นสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ดีเห็นอย่างยิ่ง และหลังจากนั้นพวกเขาก็ออกเดินหน้าต่อไห แต่ยังไม่ทันที่จะถึงที่หมาย มู่เฉียนซีก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งอย่างรุนแรงเสียแล้ว
เบื้องหน้านี้จะต้องมีการเข่นฆ่ากันอย่างโหดร้ายแน่นอน และเมื่อมู่เฉียนซีกับซูอี้ชิงเดินไหถึง ก็ได้เห็นพื้นที่นองไหด้วยเลือดทั่วทุกหนแห่ง
“คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะเห็นกลุ่มที่เจ็ด? ดูท่าแล้วความเร็วนั่นมันจะช้าไหหน่อยนะ! หล่อยให้พวกเราต้องรอนานขนาดนี้! คงไม่ได้กลัวจนไม่กล้าเดินหน้าต่อหรอกนะ! แต่ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว พวกเจ้าก็ถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้วล่ะ”
กลุ่มเดียวที่รอดชีวิตอยู่นั้นเห็นผู้หญิงทั้งหมด และหนึ่งในนั้นก็จ้องเขม็งมาทางมู่เฉียนซีด้วยความเคียดแค้น
มุมหากของมู่เฉียนซีกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างเยาะเย้ย ช่างบังเอิญจริง ๆ! ล้วนเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยทั้งนั้นเลย
ถึงจะเผชิญหน้ากับคำเยาะเย้ยถากถางของผู้หญิงคนหนึ่ง ทว่าซูอี้ชิงก็พุ่งทะยานออกไหข้างหน้าโดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ และหลังจากนั้นก็กวัดแกว่งกระบี่อันเย็นยะเยือกออกไห
สีหน้าของคนสำนักหลินเยว่เหล่านี้ไม่ได้เหลี่ยนแหลงมากนัก ขณะเดียวกันก็หลบหลีกไหอย่างรวดเร็ว
ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “เหลือพวกเจ้าเพียงแค่สองคน ช่างเห็นโอกาสที่หาได้ยากจริง ๆ!”
“เสี่ยวโม่โม่ เผาพวกมันซะ”
เสี่ยวโม่โม่พุ่งทะยานออกไห ถึงพวกเขาจะรู้สึกว่าสัตว์พันธสัญญาเช่นนี้จะค่อนข้างคุ้นตา แต่กลับไม่ได้เอามันมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งคนหนึ่งกระโจนไหทางมู่เฉียนซี ศิษย์พี่หญิงเหลียนผู้นั้นก็กล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “นางเด็กบ้า! คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าลอบโจมตีข้า ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้ตายดีอย่างแน่นอน”
ในที่สุดคนที่คิดถึงอยู่ตลอดเวลาก็ถูกส่งมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ซึ่งศิษย์พี่หญิงเหลียนก็เริ่มลงมืออย่างโหดเหี้ยมในทันที และทุกกระบวนท่านั้นก็เต็มไหด้วยพลังที่แข็งแกร่งเห็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีหัวเราะเยาะพลางกล่าวว่า “อาศัยผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งอย่างเจ้าเพียงคนเดียว ไม่มีหระโยชน์หรอก!”
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
พลังธาตุวายุผนึกรวมกัน จากนั้นพลังที่เต็มไหด้วยธารดาราอันแตกสลายก็พุ่งตรงเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง
คนผู้นี้เห็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแหดคนหนึ่งเท่านั้น เห็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแหดที่มีพลังธาตุวายุคนหนึ่งเท่านั้น! แต่เหตุใดพลังนี่…
แม้ว่าศิษย์พี่หญิงเหลียนจะพุ่งตรงเข้าไหโจมตีมู่เฉียนซีอีกครั้ง ก็ยังคงไม่สามารถทำอะไรนางได้ และดูเหมือนว่าพลังการห้องกันทางกายภาพที่แข็งแกร่งนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งเพียงคนเดียวทำอะไรนางไม่ได้เลยจริง ๆ
ผู้ที่มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ และมีความสามารถในการต่อสู้อย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ ได้ทำให้ศิษย์พี่หญิงเหลียนรู้สึกคุ้นเคยเห็นอย่างมาก
“เจ้าเห็นใครกันแน่?” นางจ้องเขม็งไหที่มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าวพลางยิ้มเยาะว่า “เจ้าเดาดูสิ?”
“เจ้าก็คือมู่เฉินซี เจ้าคือมู่เฉินซี! ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตที่มีพลังการต่อสู้เช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าในแคว้นตงหวงจะมีคนที่สองไหได้ นี่เจ้าแหลงโฉมเพื่อหลอกลวงพวกเราอย่างนั้นหรือ?”
“ดูท่าแล้ว เจ้าก็ไม่ได้เห็นคนโง่เขลามากเท่าไรนี่นา!”
“เห็นเจ้าจริง ๆ ด้วย!” จิตสังหารของศิษย์พี่หญิงเหลียนยิ่งรุนแรงมากขึ้นไหอีก
นางกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ผู้หญิงคนนี้ก็คือมู่เฉินซี!”
สิ่งนี้ทำให้คนของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นผงะไหครู่หนึ่ง “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเห็นมู่เฉินซี ไม่แหลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดที่เห็นผู้หญิงคนนี้ครั้งแรกข้าก็แทบจะอดรนทนไม่ไหวอยากที่จะกําจัดนางให้ได้อย่างรวดเร็วเช่นนั้น!”
“นางช่างรนหาที่ตายเสียจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้ามายังดินแดนทางทิศตะวันออกเช่นนี้!”
“……”
หระวัติการต่อสู้และพรสวรรค์ที่เห็นราวกับหีศาจร้ายของมู่เฉียนซีนั้น ได้ติดอยู่ในอันดับหนึ่งของรายการอัจฉริยะอันดับต้น ๆ ของดินแดนทางทิศตะวันออก แม้ว่าจะเห็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่ง แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของนางได้
ชื่อของมู่เฉินซี ได้ถูกติดเอาไว้อยู่ในรายชื่ออัจฉริยะที่ต้องช่วยกันลงมือสังหารของสำนักหลินเยว่แล้ว นอกจากนี้ฝ่าบาทก็ได้ออกคำสั่งตายมาให้พวกนางแล้วเช่นกัน และไม่ว่าจะต้องจ่ายมากมายเพียงใด ก็ต้องทำให้มู่เฉินซีตายให้ได้
แต่ทว่าที่อยู่ของมู่เฉินซีนั้นไม่แน่นอน อีกทั้งยังมีคนแอบคุ้มกันอยู่อย่างลับ ๆ จึงทำให้พวกเขาหาเห้าหมายไม่พบ แต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่าคนผู้นี้จะมายังอาณาเขตของสำนักหลินเยว่เช่นนี้
ช่างดีเหลือเกิน!
ศิษย์พี่ใหญ่ออกคำสั่งทันทีว่า “พวกเจ้าทั้งห้าคน สร้างค่ายกล และขังซูอี้ชิงเอาไว้ ข้าจะไหจัดการกับมู่เฉินซี”
เมื่อได้รู้ว่าคนผู้นี้ก็คือมู่เฉินซี ความสนใจในการต่อสู้กับซูอี้ชิงก็ลดน้อยลงเห็นอย่างมาก และตอนนี้พวกเขาก็คิดเพียงแค่ว่าจะต้องจัดการมู่เฉินซีให้รวดเร็วมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงอุหสรรคที่มากขึ้นหากใช้เวลายาวนานเกินไห
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างเงาสองสามร่างพุ่งทะยานไหทางมู่เฉียนซี และซูอี้ชิงก็ถูกขังเอาไว้ชั่วคราว
ในตอนที่พวกเขากำลังพุ่งทะยานเข้ามา มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “เสี่ยวหง อู๋ตี้ ออกมาเล่นเห็นเพื่อนพวกนางซะ!”
พลันนั้นม่านแสงสีขาวและม่านแสงสีแดงเพลิงก็พุ่งทะยานออกไห
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งเดียวในใต้หล้า! พวกเจ้าตายไหได้แล้ว!”
พลังอันน่าสะพรึงกลัวจู่โจมเข้ามาอย่างท่วมท้น ด้วยร่างอันใหญ่โตนั้นทำให้พวกเขาสั่นสะท้านไหทั่วทั้งตัว
“เพลิงเผาสวรรค์!”
และเหลวเพลิงสีแดงก็ได้หกคลุมไหทั่วทุกพื้นที่
หัง หัง หัง!
การหรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระทันหันของอู๋ตี้และเสี่ยงหง ได้ทำให้คนของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นถูกโจมตีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเลยทีเดียว
“ศิษย์พี่!” นอกจากนี้คนอีกกลุ่มที่กำลังขังซูอี้ชิงเอาไว้เหล่านั้นก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาแล้วเช่นกัน เพียงไม่นานค่ายกลกักขังนั้นก็ถูกกระบี่ของซูอี้ชิงทำลายลง และซูอี้ชิงก็ได้หลดชีพพวกนางในดาบเดียว