ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 2039 ปลอมเกินไปแล้ว
“เจ้า…”
ตาของพวกเขาแต่ละคนเบิกกว้าง นอกจากนี้ยังมีหงส์สีดำอีกตัวด้วย คิดไม่ถึงว่ามู่เฉินซีจะมีสัตว์พันธสัญญาถึงสามตัว นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ซูอี้ชิงดูไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เพราะข้างกายของมู่เฉินซีมีหนุ่มน้อยที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นอยู่ด้วยทั้งคน ถึงนางจะผูกพันธสัญญากับสัตว์เทพอีกสิบตัว เขาก็ไม่แปลกใจหรอก
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์เทพถึงสามตัว บวกกับตอนนี้ซูอี้ชิงก็สามารถทำลายค่ายกลออกมาได้แล้ว เลยทำให้สถานการณ์ของพวกเขาย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง
“ศิษย์พี่หญิงเหลียน เรื่องจัดการมู่เฉินซีคงต้องมอบให้เป็นหน้าที่ท่านแล้ว ท่านมีภารกิจที่จะต้องฆ่านางให้ได้!”
“ศิษย์น้องทั้งหลาย พวกเจ้าช่วยกันขวางเจ้าสัตว์เทพทั้งสามตัวนั้นเอาไว้เถิด ส่วนซูอี้ชิงมอบให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
ศิษย์น้องของสำนักหลินเยว่เหล่านั้นได้แยกย้ายกันออกไป ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ศิษย์พี่หญิงเหลียนต่อสู้กับมู่เฉินซีด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก แต่ความหวาดกลัวที่เห็นมู่เฉินซีปล่อยสัตว์เทพออกมาอีกสองตัว ก็ได้ทำให้ศิษย์พี่หญิงเหลียนอกสั่นขวัญหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นางเหลือบมองไปที่ดวงตาสีดำสนิทอันเย็นชาคู่นั้นของมู่เฉินซี และสุดท้ายก็กัดฟันพุ่งเข้าใส่ทันที
“มู่เฉินซี ตายซะเถอะ!”
มู่เฉินซีคือคนที่ฝ่าบาทระบุไว้ว่าจำเป็นต้องสังหารให้ได้ หากสามารถสังหารนางได้ แม้ว่าจะไม่ได้รับหอคอยนิรันดร์ แต่คราวนี้ก็คงสามารถก้าวเดียวถึงสวรรค์ได้เป็นแน่
ในเวลานี้นางยังไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ และก้าวเดียวถึงสวรรค์อย่างสมบูรณ์แบบก็เป็นเพียงแค่ความคิดเพ้อฝันของคนโง่เขลาเท่านั้น แต่หากก้าวเดียวถึงนรกนั่นก็มีความเป็นไปได้อยู่เช่นกัน!
ในสายตาของมู่เฉียนซีตอนนี้ พวกนางก็เป็นเหมือนคนที่ได้ตายไปแล้ว
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณได้ถูกเอามาแทนที่พัดวิหคเฟิงหลิงแล้ว ทันใดนั้นศิษย์พี่หญิงเหลียนก็สัมผัสได้ว่ากระบี่เล่มนี้เต็มไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว และฉับพลันเปลวเพลิงแห่งการทำลายล้างก็จู่โจมเข้ามาทันที
“เพลิงนภาพิฆาต!”
เปลวเพลิงระดับสูงสุดนั้นพัดโหมกระหน่ำเข้ามา นอกจากนี้มันยังสามารถเผาผลาญจิตวิญญาณของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย
“จะ…จอมภูตพลังธาตุอัคคี เจ้า…”
มู่เฉินซีที่มีพรสวรรค์ของพลังธาตุวายุก็เก่งกาจมากพอแล้ว และหากมีเพิ่มอีกธาตุ คงจินตนาการไม่ได้ว่ามันจะน่าหวาดกลัวมากเพียงใด
“ข้าจะต้องฆ่าเจ้า ต้องฆ่าเจ้าให้จงได้!”
ศิษย์พี่หญิงเหลียนระเบิดพลังวิญญาณของผู้บำเพ็ญขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ออกมาโดยตรง และพุ่งเข้าโจมตีใส่มู่เฉียนซีอย่างดุดัน หลังจากนั้นพลังวิญญาณธาตุวารีก็ปะทุขึ้นมา มู่เฉียนซีจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
“มังกรวารีจงบังเกิด”
พลังธาตุทั้งสามชนิดถูกใช้ไปพร้อมกันอย่างคล่องแคล่ว และมันก็ทำให้ศิษย์พี่หญิงเหลียนรู้สึกว่าตนเองกำลังประสาทหลอนอยู่หรือไม่?
“เป็นไปได้อย่างไร? สามธาตุอย่างนั้นหรือ?” ดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้น และกล่าวออกมาอย่างเหลือเชื่อ
คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะปล่อยให้อัจฉริยะผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวิญญาณสามธาตุมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ หากฝ่าบาทรู้เข้าจะต้องไม่ละเว้นพวกเขาเป็นแน่
“พลังวายุทำลาย ดาวกระจาย!”
ปัง ปัง ปัง!
พรสวรรค์ที่มู่เฉียนซีแสดงออกมาให้เห็นนั้น ทำให้จิตใจของศิษย์พี่หญิงเหลียนสับสนเป็นอย่างมาก
การเข้าใกล้ผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งอย่างนางไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือได้เลย เพียงแต่ในมือของมู่เฉียนซีนั้นมีของดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ทั้งอาวุธลับ และยาพิษก็ถูกใช้เมื่อสบโอกาส ซึ่งมันก็ทำให้นางไม่มีทางป้องกันได้เลย
พรวด!
เข็มยาเล่มหนึ่งได้เฉียดไปบนแก้มของศิษย์พี่หญิงเหลียน และศิษย์พี่หญิงเหลียนรู้สึกว่าบนใบหน้าของตนเองนั้นเหมือนจะมีของเหลวทะลักออกมา และทั้งหมดนั้นก็คือเลือดนั่นเอง
“มู่เฉินซี คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะใช้พิษลอบกัดข้า! ต่ำช้านัก!”
มู่เฉียนซีเหวี่ยงกระบี่ออกไป จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เก้าอัคคีพิฆาต!”
พลังธาตุอัคคีพุ่งทะยานออกไปอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดศิษย์พี่หญิงเหลียนก็ถูกพิษเข้าจนได้ คราวนี้นางทำได้เพียงแค่พยายามสกัดกั้นเอาไว้เท่านั้น แต่ทว่าพลังวิญญาณของนางก็ถูกใช้ไปมากแล้วเช่นกัน
นางสัมผัสได้ว่าเลือดของตนเองนั้นกำลังเดือดพล่าน และจำเป็นที่จะต้องรีบปรับให้สมดุลอย่างเร่งด่วน แต่ทว่ามู่เฉียนซีจะยอมให้เวลานางปรับพลังภายในได้อย่างไรกัน สุดท้ายเปลวเพลิงแห่งการทำลายล้างนั้นก็จู่โจมเข้ามาอีกครั้ง
มู่เฉียนซีพ่นคำที่เย็นชาออกมาว่า “เพลิงนภาพิฆาต!”
ปึก!
ร่างของศิษย์พี่หญิงเหลียนลอยละลิ่วออกไป และทั้งร่างของนางนั้นก็ถูกเปลวเพลิงกลืนกินไปในที่สุด แม้ว่าจะสามารถกำจัดเปลวเพลิงนี้ออกไปได้ แต่นางก็ได้ถูกเผาไปมากแล้ว
“แค่ก แค่ก แค่ก!” ศิษย์พี่หญิงเหลียนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก นางจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างเดือดดาลพลางกล่าวว่า “จะ…เจ้ากล้าฆ่าข้า!”
มู่เฉียนซีกล่าวพลางยิ้มเยาะว่า “ขนาดมู่หลินหลางข้ายังกล้าฆ่าเลย ลูกสมุนของนาง มีอะไรให้ข้าไม่กล้าฆ่าด้วยอย่างนั้นหรือ?!”
“เจ้าบังอาจนัก!” นางกล่าวอย่างเคียดแค้น
“มันจบแล้ว เจ้าสามารถไปรอมู่หลินหลางอยู่ที่ยมโลกได้ เมื่อถึงตอนที่ได้เจอนางแล้ว เจ้าก็จะรู้เองว่าข้าพูดจริงหรือไม่!”
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณถูกฟันลงไป และศิษย์พี่หญิงเหลียนก็หวาดกลัวจนเกือบสิ้นสติไป
“ศิษย์พี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วย! มู่เฉินซีจะฆ่าข้า…ศิษย์…”
ฉัวะ!
ทันทีที่กระบี่ฟาดฟันลงไป คำร้องขอความช่วยเหลือของนางยังไม่ทันได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด และแน่นอนว่านางก็ไม่อาจหนีรอดไปจากความตายได้
ส่วนศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักหลินเยว่ ก่อนที่จะอายุห้าสิบปีก็มีพรสวรรค์ที่สามารถบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอดได้แล้ว แต่ทว่าคู่ต่อสู้ของนางคือซูอี้ชิง ดังนั้นในเวลานี้นางจึงหวาดกลัวจนเหงือแตกพลั่กไปหมดแล้ว
จิตสังหารนี้ของเขาน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้วจริง ๆ!
ขนาดผู้อาวุโสในสำนัก ก็ยังไม่เคยคุกคามนางด้วยความตายเช่นนี้มาก่อนเลย
ทันทีที่ซูอี้ชิงเหวี่ยงกระบี่ลงไป เงาของกระบี่นั้นก็แยกออกเป็นสิบส่วนในทันที และซูอี้ชิงก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เจ้าตายได้แล้ว!”
สีหน้าของศิษย์พี่ใหญ่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารของซูอี้ชิง ไม่ว่านางจะหนีไปที่ใดก็ยากที่จะหนีพ้นความตายได้
ฉึบ!
แสงของกระบี่ฟันทะลุผ่านจุดตายบนร่างกายของนาง ดวงตาของศิษย์พี่ใหญ่เบิกกว้าง และไม่กล้าเชื่อเลยว่านางจะถูกฆ่าแล้วจริง ๆ
“ศิษย์พี่หญิงเหลียน!”
“ศิษย์พี่ใหญ่!”
ทั้งสองตายแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ก็ถูกสัตว์เทพที่ร้ายกาจทั้งสามตัวจัดการจนสิ้นซากไปแล้วเช่นกัน ซึ่งพวกนางก็ถูกทำให้หวาดกลัวจนตัวแข็งทื่อไปเลยทีเดียว
สำหรับศัตรูที่เหลืออยู่ของกองกำลังที่พ่ายแพ้ ทั้งมู่เฉียนซีและซูอี้ชิงก็ไม่ได้อ่อนข้อให้แต่อย่างใด และพวกเขาก็ไม่มีผู้ใดเหลือรอดเลยแม้แต่คนเดียว
คราวนี้พวกเขาถูกสังหารไปแล้วจริง ๆ และมู่เฉียนซีก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาแสร้งตายแต่อย่างใด
“นายท่าน!”
อู๋ตี้และเสี่ยวหงกลับมาถึงข้างกายของมู่เฉียนซี หลังจากนั้นก็พากันจ้องมองไปที่ซูอี้ชิง
อู๋ตี้กล่าวว่า “ไอ้หนู วันไหนมีเวลาว่างมาเป็นคู่ซ้อมกับท่านอู๋ตี้อย่างข้าสักครั้งเถอะ!”
“เจ้าไม่กลัวว่าจะรักษาชีวิตแมวของเจ้าเอาไว้ไม่ได้หรือ ให้ข้าแทนไปจะดีกว่านะ!”
เสี่ยวโม่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกท่านอย่าทะเลาะกันเลย ข้ารู้สึกว่าสู้พร้อมกันเลยจะดีที่สุด”
แม้ว่านายท่านจะแก้แค้นไปเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังเป็นการแก้แค้นที่น่าพึงพอใจอีกด้วย แต่ทว่าอู๋ตี้และเสี่ยวหงก็ยังคงไม่ลืมเรื่องที่เจ้าหมอนี่ไล่ฆ่านายท่านถึงสามวันสามคืนได้อย่างแน่นอน และเขายังทำให้นางท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
การลงมือของอาถิงก็ถือว่าเป็นของอาถิง แต่ทางพวกมันนั้นถือว่ายังไม่ได้นับ
ซูอี้ชิงกวาดสายตามองไปทางพวกมันอย่างเย็นชา สัตว์เลี้ยงนี่เหมือนเจ้าของจริง ๆ
สัตว์พันธสัญญาของผู้หญิงคนนี้จิตใจคับแคบเหมือนกันกับนางเลย!
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พวกเจ้าหยุดสร้างปัญหาได้แล้ว กลับไปเลย! พวกเราได้เผชิญหน้ากับคนของสำนักหลินเยว่แล้ว ดูท่าว่าการเล่นเกมสังหารนี้ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดเต็มทีแล้ว”
การคาดเดาของมู่เฉียนซีนั้นไม่ผิดเลย และการต่อสู้เมื่อครู่นี้เป็นการต่อสู้สนามสุดท้ายแล้ว หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านเส้นทางโค้งที่ทอดยาวมาแล้ว ก็ได้มาถึงจัตุรัสที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง
ส่วนที่อยู่ด้านบนสุดของจัตุรัสนั้น มีหอคอยแห่งความมืดขนาดย่อมลอยอยู่ และภายใต้จัตุรัสนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยภาพวาดมากมาย ซึ่งมันก็น่าจะเป็นค่ายกลปิดผนึกนั่นเอง
มีเสียงของอาถิงสะท้อนออกมาว่า “นี่ก็คือใจกลางของหอคอยแห่งนี้ คาดว่าเจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้นคงถูกผนึกอยู่ที่นี่เป็นแน่ แม้ตอนนี้มันยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำลายผนึกจนออกมาได้ แต่คาดว่าการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีในการทำลายผนึกเช่นกัน และมันน่าจะมีการดำเนินการอะไรบางอย่างต่อไป”
การมาถึงที่นี่ของมู่เฉียนซีและซูอี้ชิงถือได้ว่าล่าช้าไปมาก เพราะตอนนี้มีคนจำนวนไม่น้อยพุ่งตรงไปยังใจกลางของจัตุรัสแห่งนั้นกันแล้ว และมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นมาว่า “อี้ชิงน้อย พวกเราไปกันเถอะ!”
“ระวังตัวด้วย!”
ตอนที่ก้าวขึ้นมาบนจัตุรัส น้ำเสียงที่มืดมนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “พวกเจ้าทุกคนต่างเป็นคนที่ถูกลิขิตมาเพื่อหอคอยนิรันดร์ แต่ทว่าหอคอยนิรันดร์มีเจ้านายได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นพวกเจ้าจึงจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์ให้ข้าได้เห็น ว่าพวกเจ้านั้นมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเจ้าของของหอคอยนิรันดร์หรือไม่?”
ทุกคนต่างชะงักงันกันไปเล็กน้อย แล้วจะพิสูจน์ได้อย่างไร!
มีเสียงหัวเราะเยาะของอาถิงดังขึ้นในหัวของมู่เฉียนซี “นี่มันจะจอมปลอมเกินไปแล้วนะ! เจ้าความมืดนั่นเป็นคนที่ยากจะคาดเดาคนหนึ่ง แล้วจะไปพูดจาไร้สาระมากมายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
.